Type to search

Lifestyle Sport & Hobbies

ย้อนรอยเส้นทางสู่รอบชิง UCL 2018 ของ Real Madrid และ Liverpool

Share

รู้ผลกันเรียบร้อยแล้วสำหรับคู่ชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก (UCL 2018) หลังจากแข่งขันกันมายาวนานครึ่งค่อนปี โดย 2 ทีมสุดท้ายที่ฟันฝ่าอุปสรรคสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ยุโรปปีนี้ก็คือ ยอดทีมจากเมืองหลวงของสเปนอย่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด (Real Madrid) และหนึ่งในทีมของอังกฤษที่มีตำนานอย่างยาวนานกับถ้วยใบนี้อย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พลู (Liverppol) ที่นับเป็นการกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปหลายปี ซึ่งทั้งสองทีมเตรียมที่จะลงสนามแข่งรอบชิงชนะเลิศในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว ดังนั้นเราย้อนไปดูเส้นทางลุ้นแชมป์ของทั้งสองทีมก่อนลงสู่สนามนัดชิงกันอีกครั้ง ว่าพวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง

REAL MADRID

มาเริ่มกันทีทีมเจ้าของฉายา “กาลาติกอส” อย่าง เรอัล มาดริด (Real Madrid) กันก่อน ที่ต้องบอกเลยว่า ปีนี้เส้นทางของพวกเขาเจอแต่ทีมใหญ่จากลีกยุโรปทั้งนั้น ซึ่งจุดเริ่มต้นเส้นทางของเรอัล มาดริด กับศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก (UCL 2018) ในปีนี้ เริ่มต้นที่รอบแบ่งกลุ่ม หลังจากที่พวกเขาได้รับสิทธิ์เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มทันทีจากการเป็นแชมป์เก่าในถ้วยใบนี้ปีที่แล้ว โดยถูกจับฉลากให้อยู่ในกลุ่ม H ร่วมกับทีมไก่เดือยทอง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (Tottenham Hotspur), ดอร์ทมุนส์ จากเยอรมนี (Dortmund) และอโพเอล (APOEL FC)

UCL2018

realmadrid.com

หลังจากแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มครบทั้งหมด เรอัล มาดริด ก็จบอันดับด้วยคะแนน 13 คะแนน ลงแข่งทั้งหมด 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เข้าไปพบกับทีมเบอร์หนึ่งของลีกฝรั่งเศสในตอนนี้อย่าง ปารีส แซงต์แชร์กแมง (Paris Saint-German) โดยมาดริดสามารถเอาชนะได้ทั้งไปและกลับ ด้วยสกอร์ 3-1 และ 2-1 ทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย รอพบกับทีมใหญ่จากอิตาลีอย่างยูเวนตุส (Juventus) ที่เอาชนะสเปอร์มาได้แบบสุดมันแอบปนดราม่า ด้วยสกอร์รวม 4-3

UCL2018

realmadrid.com

และจากการโคจรมาพบกันของโครตทีมทั้งสองทีมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยเป็นมาดริดที่ชิงชัยไปได้ก่อนในนัดแรกด้วยผลประตู 3-0 ก่อนที่นัดที่สองจะเป็นทางยูเวนตุสจะรวมใจสู้จนเอาชนะมาดริดไปอย่างสนุก 3-1 ทำให้มาดริดเอาชนะยูเวนตุสด้วยผลประตูรวมเหย้า-เยือน 4-3 กรุยทางเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ไปรอพบกับบาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munchen) ทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นทางมาดริดที่สามารถหักปราการของบาเยิร์น มิวนิคไปด้วยสกอร์รวม 4-3 เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ พร้อมการขึ้นนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในรายการของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ทำไป 15 ประตูตลอดการลงแข่ง UCL 2018 เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางการลุ้นแชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรปในปีนี้ของเรอัล มาดริด ไม่ใช่งานง่ายเลยทีเดียว เพราะต้องฝ่าด่านทีมดังๆ ของลีกยุโรปมาตลอดเส้นทางทั้งรอบ 16 ทีมจนถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งนั้น

LIVERPOOL

มากันที่ทีมท้าชิงหนึ่งเดียวจากเกาะอังกฤษอย่างหงส์แดง ลิเวอร์พลู กันบ้าง ซึ่งบรรดากองแช่งหลายคนออกมาบ่นว่า เส้นทางของทีมหงส์แดงนั้นโชคดีบ้าง เจอทีมไม่หนักบ้าง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยอดทีมจากถื่นเมอร์ซีย์ ก็เป็นทีมเดียวจากอังกฤษในรอบหลายปีที่หลุดเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้ เรามาดูเส้นทางของพวกเขากันดีกว่าว่าผ่านอะไรกันมาบ้าง

uefa.com

ลิเวอร์พูล จากการเป็นทีมอันดับที่ 4 ในลีกปีที่แล้ว ทำให้ต้องเริ่มต้นเส้นทางยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกปีนี้ ด้วยการลงเล่นรอบเพลย์ออฟพบกับ ฮอฟเฟ่นไฮน์ (Hoffenheim) ทีมจากลีกเยอรมนี ซึ่งลิเวอร์พูลก็สามารถเอาชนะไปด้วยสกอร์รวมแบบถล่มถลาย 6-3 เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม ที่ถูกจับให้อยู่กลุ่ม E ร่วมกับเซบีย่า (Sevilla), สปาร์ตัก (Spartak  Moskva), มาริบอร์ (Maribor)

facebook.com/ThailandLiverpoolFC

โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ลิเวอร์พูลก็สามารถจบการแข่งขันด้วยการขึ้นเป็นแชมป์กลุ่ม จากผลการแข่งขันชนะ 3 เสมอ 3 ไม่แพ้ใครเลยตลอดการลงเล่น 6 นัด ทะยานเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบกับปอร์โต้ (Porto) และสามารถเอาชนะปอร์โต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยสกอร์รวม 5-0 จองตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปเจอกับทีมคู่ปรับร่วมลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)

facebook.com/ThailandLiverpoolFC

ซึ่งจากการโคจรมาเจอกันอีกครั้งในถ้วยใหญ่ของยุโรปของสองทีมจากเกาะอังกฤษ ก็เป็นทางหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะทีมสีฟ้าจากเมืองแมนเชสเตอร์อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป็ป กวาดิโอล่า ไปได้แบบสุดมันและดราม่า ทั้งไปและกลับด้วยสกอร์รวม 5-1 เดินหน้าเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ไปรอพบกับทีมหมาป่ากรุงโรม โรม่า ที่แสดงผลงานรวมใจกันพลิกนรกเอาชนะโครตทีมต่างดาวจากสเปนอย่างบาร์เซโลน่าไปอย่างสุดมันและสุดงง

facebook.com/ThailandLiverpoolFC

โดยในรอบ 4 ทีมสุดท้ายของการเจอกันระหว่างลิเวอร์พูลกับโรม่า ในนัดแรกเป็นทางลิเวอร์พูลที่เอาชนะไปได้ก่อน 5-2 ก่อนที่นัดที่สอง โรม่าจะฮึดสู้เหมือนนัดที่เจอกับบาร์เซโลน่า ด้วยการเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ด้วยสกอร์ 4-2 แต่สุดท้ายรวมผลสองนัดกลายเป็นลิเวอร์พูลที่สามารถตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 7-6 ทำให้โรม่าต้องฝันสลายและยุติเส้นทางถ้วยยุโรปลงเพียงเท่านี้ และทางลิเวอร์พูลก็กลายเป็นทีมแรกในรอบหลายปีจากลีกอังกฤษ ที่สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ UCL ได้ หลังจากในระยะหลังโดนทีมจากสเปนเหมาซะส่วนมาก

สถิติการพบกันในรายการ UEFA Champions League (UCL) 

  • พบกันทั้งหมด 5 ครั้ง
  • เรอัล มาดริด ชนะ 2  ยิง 4 ประตู
  • ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ยิง 6 ประตู

ปี 2014/15 : UEFA Champions League (UCL) รอบแบ่งกลุ่ม

  • Real Madrid 3-0 Liverpool
  • Liverpool 0 -1 Real Madrid

ปี 2008/09 : UEFA Champions League (UCL) รอบ 16 ทีมสุดท้าย

  • Real Madrid 0-1 Liverpool
  • Liverpool 4-0 Real Madrid

ปี 1980/81 : European Cup Final 

  • Liverpool 1-0 Real Madrid

มาถึงตรงนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลทั้งสองทีม ที่ทีมรักเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่สุดของยุโรปอย่าง UEFA Champions League ในปีนี้ได้สำเร็จ ส่วนผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ทีมไหนจะได้ถ้วยบิ๊กเอียร์ของยุโรปกลับไปนอนจูบและนำไปประดับตู้ จะเป็นเรอัล มาดริด กับเป้าหมายดับเบิ้ลแชมป์สองปีติด หรือจะเป็นลิเวอร์พูล กับการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 เราคงต้องมาลุ้นกันในคืนวันที่ 27 พฤษภาคม  2018


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags