Type to search

Tutorial

4 กลิ่นไม่พึงประสงค์ ในช่วง ‘ฤดูฝน’กับวิธีตั้งรับก่อนเสียหลัก

Share

และช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ฝนจะมาเยือนเรา ๆ ท่าน ๆ กันอย่างถ้วนหน้า และสิ่งหนึ่งที่ตามมากับ ฤดูฝน นอกจากการที่ต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อให้ห่างไกลจากอาการเจ็บป่วยในช่วงนี้ก็คือ การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจาก “กลิ่นไม่พึงประสงค์” ต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งกลิ่นผม กลิ่นกาย กลิ่นเท้า และ กลิ่นที่เกิดขึ้นกับเสื้อผ้า ดังนั้นทาง Mover ก็จะมาแนะนำวิธีการทำให้ปลอดจาก กลิ่นเหล่านี้ ตลอดช่วงฤดูฝนมาฝากกันครับ

กลิ่นไม่พึงประสงค์

 ที่มาของกลิ่นในช่วงฤดูฝน 

ก่อนอื่นเลยเราต้องขอพูดถึงที่มาของปัญหา กลิ่นไม่พึงประสงค์ ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กลิ่นเหล่านี้มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เกิด  อย่างอากาศร้อนอบอ้าวก่อนที่ฝนจะตกก็ทำให้เราเหงื่อออก ยิ่งถ้าออกในปริมาณมากบวกกับความชื้นในอากาศที่มากไปด้วย ก็ทำให้เหงื่อระเหยได้น้อย หรืออาจไม่ระเหยไปไหนเลย เกิดเป็นความอับชื้นขึ้นภายใต้ร่มผ้า ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้มากกว่าปกติ ทั้งกลิ่นผม กลิ่นตามร่างกาย และกลิ่นที่รุนแรงทำร้ายจิตใจใครหลายคนเหลือเกินนั่นก็คือ กลิ่นเท้า

นอกจากนี้ในหน้าฝนก็ไม่ค่อยมีแสงแดด การที่ฝนตกจึงทำให้เราตากผ้าไม่แห้ง ผ้าไม่ได้โดนแสงแดดที่มากพอ หรือการที่เราตากรองเท้าให้แห้งได้ช้า เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิด กลิ่นเหม็นอับขึ้นมา อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ นะครับ ปัญหากลิ่นต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ส่งผลถึงความมั่นใจของตัวเราในการจะออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ จากลุคเท่ ๆ ก็อาจจะดูแย่ลงไปเลยก็ได้ งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีดูแลตัวเองรวมไปถึงแก้ปัญหา กลิ่นไม่พึงประสงค์ ได้อย่างไรบ้าง

 กลิ่นผม 

มาเริ่มเรื่องแรกกันเลยกับกลิ่นของเส้นผมและหนังศรีษะ ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่เรามีโอกาสที่จะหัวเปียกมากกว่าปกติ การที่หัวเปียกนั้นถ้าเราไม่รีบทำให้หัวของเราแห้งไม่ว่าจะด้วยการเช็ดหรือตากลมให้ผมแห้งสนิท ก็มีโอกาสทำให้เกิดปัญหากับหนังศรีษะของเรา และอาจทำให้เกิดกลิ่นตามมาได้ครับ จากสิ่งสกปรกฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่ติดบนผมเราจากความอับชื้นบนศรีษะ ลองคิดดูว่าเราออกมาจากบ้านด้วยทรงผมสุดเท่เซ็ตมาเป็นอย่างดี แต่ดันมาโดนฝนที่ตกลงมาทำให้เปียกและเสียทรง ก็คงรู้สึกเฟลมากแล้วดันเกิดกลิ่นตามมาความมั่นใจที่มีก็ยิ่งหดหายไปอีก ดังนั้นการดูแลเส้นผมของเราให้อยู่ดีตลอดช่วงฤดูฝนนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก

วิธีการดูแลเส้นผมนั้นทำได้ดังนี้ครับ ถ้าผมเปียกถึงบ้านเราควรรีบสระผมทันทีเพราะจะเป็นการล้างสิ่งสกปรกออกและทำให้ผมของเราหอมสดชื่นด้วย ถ้าไม่สะดวกจะสระผมก็ควรเช็ดให้แห้งให้เร็วที่สุด ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมในช่วงฤดูฝน เพราะการที่รากผมของเราแข็งแรงก็จะช่วยลดการเกิดกลิ่นที่จะเกิดขึ้นได้อีกทางนึง หรืออีกวิธีที่เราขอแนะนำคือการเปลี่ยนทรงผมให้เหมาะกับช่วงฝนตกครับ ไว้ทรงผมที่ดูแลง่ายไม่ยาวจนเกินไปตัดเก็บให้เป็นทรงสั้น ๆ แต่มีสไตล์เท่ไปอีกแบบด้วย เพียงแค่นี้คุณก็ปลอดภัยต่อกลิ่นผมตลอดช่วงฤดูฝนแล้วง่ายนิดเดียว

 กลิ่นกาย 

อีกหนึ่งกลิ่นที่สุดจะทำร้ายหนุ่ม ๆ อย่างเราก็คือกลิ่นกาย ที่มักตามหลอกหลอนเราทุกครั้งที่ตากฝนจนตัวเปียกชุ่ม กลิ่นหนึ่งที่เป็นเพื่อนรักกับวันฝนตกตัวเปียกเลยก็คือกลิ่นรักแร้ครับ อย่าพึ่งหลุดขำกันนะ นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนะ ต่อให้เราทาโรลออนที่สามารถลดกลิ่นกายได้ก็ตาม แต่ด้วยอากาศที่อบอ้าวก่อนฝนจะตกที่ทำให้เหงื่อของเราเริ่มออก บวกกับการที่เราโดนฝนจนตัวเปียกทำให้เกิดการอับชื้นขึ้น ถ้าไม่รีบทำตัวของเราให้แห้งโดยไวรับรองเลยว่ากลิ่นอันหอมหวนชวนเดินหนีตามมาแน่นอนครับ

การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจาก กลิ่นรักแร้ ทำได้ดังนี้ครับ เลือกทาโรลออนสูตรที่สามารถป้องกันน้ำได้ เมื่อตัวเราเปียกควรรีบทำตัวให้แห้งให้ไวที่สุดไม่ว่าจะ ทำการอาบน้ำให้สะอาดแล้วเช็ดตัวให้แห้ง หรือ ถ้าไม่สะดวกก็ควรทำตัวเองให้แห้งให้เร็วที่สุด เลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูด้วย ใส่ที่แบบบาง ๆ แห้งง่ายดีกว่าการใส่หนา ๆ เป็นไหน ๆ เลือกใช้สบู่ที่สามารถป้องกันแบคทีเรียได้ในการอาบน้ำ จัดการถูตามซอกที่มีการออกของเหงื่อบ่อยๆ เช่น บริเวณซอกคอ รักแร้ แผ่นหลัง รวมถึงง่ามนิ้วเท้า ให้สะอาดเพราะเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นได้ง่าย แค่นี้ก็ปลอดภัยหายห่วงแล้วครับ

 กลิ่นเท้า 

ตามติดจากกลิ่นกายมาเลยก็คือ กลิ่นเท้าครับ ที่ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นได้ง่ายอยู่แล้วแต่มาบวกกับช่วงฤดูฝน ที่ฝนตกทำให้รองเท้า และ เท้าของเราเปียก ความอับชื้นนี้เป็นอุณหภูมิ รวมไปถึง สภาพที่เหมาะสมที่จะทำให้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเจริญเติบโตได้ดี และเป็นที่มาของปัญหากลิ่นเท้าในช่วงฤดูฝน ซึ่งปกติการที่เราได้กลิ่นนี้ก็ทำให้รู้สึกหยีมากแล้วใช่มั้ยหละครับ แล้วถ้าดันมาเกิดขึ้นกับเท้าของเราคงเป็นเรื่องที่รู้สึกไม่โอเคมากขึ้นไปอีก

การจัดการกับปัญหากลิ่นเท้านั้นทำได้ดังนี้ครับ ถ้าเราต้องลุยฝนหรือฝ่าดงน้ำขังแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เท้า และรองเท้าของเราเปียกถ้าเข้าสู่ที่ร่มให้เรารีบทำให้เท้ารวมถึง รองเท้าของเราแห้งให้ไวที่สุด ถ้าเป็นไปได้ให้รีบล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ได้ยิ่งดีครับ ใช้ครีมโลชันบำรุงผิวเท้าก็จะเป็นการช่วยทีดีอีกทางนึง เลือกใส่รองเท้าอื่นที่ไม่ใช่ผ้าใบก็ช่วยได้นะ แต่ถ้าจำเป็นต้องใส่จริง ๆ ขอแนะนำให้หาสเปรย์กันน้ำมาฉีดให้ทั่วรองเท้าผ้าใบของเราแค่นี้ก็ปลอดภัยจากปัญหากลิ่นเท้าได้แล้วครับ

 กลิ่นเสื้อผ้า 

มาถึงเรื่องกลิ่นสุดท้ายที่เราจะพูดถึงกันแล้ว กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่มีปัญหาเกิดขึ้นเยอะมากในช่วงฤดูฝนกับ กลิ่นเหม็นอับที่เกิดขึ้นตามเสื้อผ้าครับ ซึ่งปัญหานี้เกิดมาจากหลายปัจจัยมากไม่ว่าจะเป็น การตากผ้าแล้วผ้าไม่แห้งหรือแห้งช้า การดองผ้าไว้หลายวันก่อนซัก ปัญหาที่มาจากกลิ่นของตู้เสื้อผ้า โดยทั้งหมดนี้นั้นก็มีผลมาจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในภาวะที่อุณหภูมิอบอ้าว และมีความอับชื้นครับ การที่เราจะใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับออกจากบ้านคงไม่เวิร์คสำหรับทุกคนเท่าไหร่หรอกนะ

การที่จะทำให้กลิ่นอับหมดไปจากเสื้อผ้าของเรานั้นทำได้ไม่ยากเลย ทำได้ดังนี้ครับ ซักผ้าให้บ่อยขึ้นจากอาทิตย์ละครั้งเป็นสองถึงสามวันหรือวันต่อวันได้ยิ่งดี การตากนั้นควรตากให้แห้งสนิทให้ไวที่สุดตากแดดได้ยิ่งดีแต่ถ้าสภาพอากาศไม่เป็นใจสามารถตากในบ้านได้ครับโดยจัดระยะห่างระหว่างผ้าดี ๆ แล้วใช้พัดลมเป่าให้ทั่วถึงและแห้งสนิทให้เร็วที่สุด เลือกใช้ผงซักฟอกที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียก็เป็นการช่วยอีกทางนึงใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มไปเติมกลิ่นหอมให้ด้วยก็ดีนะ จัดการทำความสะอาดตู้เสื้อผ้าให้สะอาดปราศจากกลิ่นก็จะทำให้กลิ่นอับที่จะติดเสื้อผ้าของเราหมดไปได้ครับ

นี่ก็เป็นเรื่องราวของการดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจาก กลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่วงฤดูฝนที่ทาง Mover ของเราได้นำมาฝากกัน หวังว่าทุกคนคงจะได้รับความรู้ และสามารถจัดการกับตัวเองให้ปลอดภัยได้ตลอดช่วง ฤดูฝน กันนะครับ อยากให้พึงระลึกไว้ว่า กลิ่นเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องตลกนะ นอกจากเรื่องกลิ่นแล้วก็ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงผ่านฤดูฝนไปอย่างสดใสด้วยกันด้วยรักและเป็นห่วงทุกคนครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags