Type to search

Tutorial

ลด ละ เลิก 10 พฤติกรรมเสี่ยง “ออฟฟิศซินโดรม” โรคยอดฮิตของวัยทำงาน !!!

Share

เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เราตำเป็นต้องทำงานเพื่อแข่งกับเวลา และแข่งกับคนอื่นๆ จนบางครั้งทำให้เราลืมเรื่องของสุขภาพของเราไป พอมารู้ตัวอีกที ก็คือตอนที่มีอาการป่วยซะแล้ว และหนึ่งในโรคยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ ก็คงหนีไม่พ้น โรค “ออฟฟิศซินโดรม” ซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และ ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ซึ่งเสี่ยงต่อการพิการในอนาคตด้วย นั่นจึงทำให้ Mover หยิบยกประเด็นนี้ มาเป็นหัวข้อ ในวันนี้ ซึ่งเราจะมาบอก 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจจะทำให้คุณกลายเป็น “ออฟฟิศซินโดรม” ได้

#1 | นอนดึกตื่นเช้าไปทำงาน

หนึ่งในพฤติกรรมยอดฮิต ของมนุษย์วัยขยันทำงาน ที่ต้องการจะหาเงินได้มากๆ บางคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วยังต้องตื่นเช้าไปทำงาน ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ และ ก่อให้เกิดอาการปวดหัว เมื่อยล้า ซึ่งถ้าหากทำเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานๆ จะส่งผลเสียทำให้กลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ ลองจัดตารางเวลาใหม่ให้เหมาะสมกับตัวเอง และอย่าหักโหมมากเกินไป

#2 | ใช้นิ้วมือมากเกินไป

นอกจากใช้นิ้วมือทำงานแล้วเรายังใช้นิ้วมือในการเล่นโทรศัพท์มากเกินไปอีกต่างหาก ซึ่งก่อให้เกิด อาการนิ้วล็อค เส้นเอ็นอักเสบ และถ้าเกิดยังฝืนใช้นิ้วมือต่อไป โดยไม่พัก จะทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนอาจถึงขั้นนิ้วใช้งานไม่ได้ ต้องผ่าตัดนิ้วมือ คุณต้องหัดที่จะพักนิ้วมือของคุณ หรือยืดเส้นตรงเอ็นนิ้วมือกับข้อมือบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นยึด

#3 | กินนํ้าน้อย

น้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต คงไม่ต้องบอกกันแล้วว่าในร่างกายเรามีน้ำกี่เปอร์เซ็นต์ทุกคนย่อมรู้กันดี และการทำงานเป็นระยะเวลานาน ทำให้เราสมองของเรานั้นเคยชินทำมันต่อไปเรื่อยๆ จนบางครั้งเราถึงกับลืมกินนํ้า และลืมไปปัสสาวะ ขนทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัด และปัสสาวะออกมาเป็นสีเหลืองเข้ม ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ คุณอาจจะลองตั้งปลุกเป็นระบบสั่น ให้ตัวเองตื่นตัวและจิบนํ้าเป็นครั้งๆไปในช่วงแรก เมื่อร่างกายของคุณชินกับการจิบนํ้าแล้ว การปัสสาวะก็จะง่ายขึ้น และหมดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

#4 | นั่งทำงานนานโดยไม่ขยับร่างกาย

ซึ่งการมีพฤติกรรมนี้จะทำให้คุณปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลัง และคอเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่คุณกำลังคิดงานเพลินๆ คุณจะไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ซึ่งทำให้เกิดอาการอักเสบระยะยาว ลองใช้เทคนิคตั้งปลุกระบบสั่นเป็นระยะๆ ให้คุณลุกออกไปเดินบิดขี้เกียจบ้าง เพื่อแก้อาการเมื่อยล้าเหล่านี้

#5 | ใช้สายตามากเกินไป

ในปัจจุบัน การทำงานไม่เพียงแต่ใช้สายตาไปกับทำรายงานเอกสาร แต่ยังต้องใช้ไปกับการจ้องมองคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอีกด้วยซึ่งส่งผลเสียต่อสายตาอย่างมาก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า การมองเห็นไม่ประสิทธิภาพ ถ้าหากยังทำพฤติกรรมแบบนี้ต่อเนื่องอาจส่งผลระยะยาวได้ ลองหันมาพักสายตาเป็นระยะๆ และในปัจจุบันนั้นมีแว่นที่มีเลนส์กรองแสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ที่ขายกันในราคาไม่แพงอีกด้วย ถ้าหากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การใช้แว่นกรองแสงสีฟ้าก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณ เพราะสายตาของเรานั้นถ้าหากเสียไปแล้ว ไม่อาจจะนำกลับมาได้อีก

#6 | นั่งหลังค่อม

หลายๆคนอาจจะติดเป็นนิสัยกันไปแล้วกับอิริยบถนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูก และไม่ควรเป็นอย่างยิ่งในการนั่ง เพราะท่านั่งหรือท่ายืนที่ถูกต้องสำหรับการออกแบบร่างกายเราคือการนั่งหลังตรงและยืนหลังตรง โดยให้มีแรงดึงดูของโลกกระทบต่อตัวเราน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดอาการที่กระดูกสันหลังเรารับภาระมากเกินไป ที่จะส่งผลให้เราปวดหลัง และเป็นผลต่อเนื้อให้กล้ามเนื้อกดทับ,ปวดหลังเรื้อรัง,การตึงตัวของเส้นเอ็นในร่างกาย และเราสามารแก้ไขง่ายๆด้วยการ ควรลุกเดินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครั้ง หรือถ้าให้ดูทุกครึ่งชั่วโมงต้องมีการเปลี่ยนท่านั่งบ้าง อย่างการนั่งขัดตะหมาดไปเป็นนั่งเหยียดขา ปล่อยขาลงกับพื้น อย่าปล่อยให้ขอชาแล้วค่อยเปลี่ยนท่า เพราะนั้นถือเป็นสัญญาณเดือนแรกของข้อความแย่ๆจากร่างกายแล้ว

#7 | กลั้นปัสสาวะ

เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการกระทำ แต่ยากต่อการรักษา และมันคือจุดเดียวกับของรักของหวง กลั้นปัสสาวะใครๆก็เคยทำ แต่คุณรู้ไหมการกลั้นปัสสาวะนำพาโรคอะไรมาให้คุณบ้าง ที่แน่ๆคือโรค “โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ” (Urinary Tract Infections) ซึ่งเป็นโรคที่จะทำให้คุณเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ และอาจเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ประเดนหลังค่อนข้างจะน่าหวาดกลัวมากๆอยู่สำหรับผู้ชายแล้ว แต่โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้เมื่อรักษาได้ทันท้วงที และมีวิธีป้องกันที่ง่ายแสนง่าย โดยการไม่อั้นฉี่ และใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

#8 | อุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงาน

ออฟฟิศซินโดรม

พนักงานออฟฟิศหลายๆคนอาจจะคิดว่าการอยู่แต่ในห้องแอร์ทั้งวันไม่เป็นอะไรหรอก หรืออาจจะลืมใส่ใจจนละเลย การออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนพักผ่อนของที่ทำงาน จริงๆแล้วส่วนนี้นั้นสำคัญมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เราทำงานนานๆจนรู้สึกว่าสมองเริ่มที่จะล้า มีอาการมึนวินเวียนศรีษะ แนะนำเลยว่าเราควรจะต้องออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง เพื่อรับออกซิเจนมากขึ้น สูดหายใจให้เต็มปอด และหลังเลิกงานอย่าลืมที่จะไปออกกำลังกาย เพื่อปรับสมดุลย์ให้กับร่างกาย และฮอร์โมนด้วย

#9 | ทะเลาะกับเพื่อนที่ทำงานหรือเจ้านาย

สภาพแวดล้อมในที่ทำงานมีผลต่อความเครียดเป็นอย่างยิ่ง ภาวะกดดันเมื่อได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด หรือมีความเห็นที่ไม่ลงลอยกันกับเพื่อนที่ทำงาน ล้วนเป็นต้นเหตุให้เกิดความเครียดทั้งสิ้น และความเครียดเป็นต้นเหตุของทุกข์โรค ที่สำคัญเมื่อเราเครียด เราก็จะกิน เมื่อเรากินมากเกินพอดี บวกกับการพักผ่อนที่ไม่ค่อยพอด้วยแล้ว พุงก็จะตามมาหุ่นของคุณก็จะดูไม่ดี ฟังดูแล้วทั้งหมดล้วนมีผลกระทบตามกันมาเหมือนกับโดมิโน่ แต่นั้นแหละคือความจริง

#10 | อุปกรณ์การทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม

ออฟฟิศซินโดรม

โต๊ะและเก้าอี้ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวเรา คอมพิวเตอร์ต้องอยู่ในระดับสายตา และอุปกรณ์อื่นๆในการทำงานต้องเหมาะสมกับสรีระร่างกายของเรา ไม่ต้องก้มหลังเพื่อไปใช้งานมัน

ออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด โดยคนไทยที่ทำงานออฟฟิศกว่า 80 % จะป่วยเป็นโรคนี้กันทั้งนั้น อย่าลืมว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าสุขภาพของเราอีกแล้ว ที่สำคัญอย่างลืมที่จะหมั่นออกกำลังกาย จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม อิริยาบถในการทำงานต้องมีการเปลี่ยนท่าทางเสมอ ทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ และที่สำคัญที่สุดพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ออฟฟิศซินโดรมจะไม่มาทำลายการทำงานของคุณให้ไม่มีความสุขอีกเลย


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags