Heineken Presents Star Venture เบื้องหลังความสำเร็จของโชว์ครบทุกมิติ 360 องศาสุดอลังการระดับโลก
Share
ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน “ไฮเนเก้น พรีเซ้นต์ สตาร์ เวนเจอร์” (Heineken® Presents Star Venture) โชว์สุดอลังการที่แบรนด์ระดับโลกอย่าง ไฮเนเก้น ตั้งใจรังสรรค์และมอบประสบการณ์ ที่แตกต่างให้กับคนไทยผ่านอินเตอร์แอคทีฟโชว์รูปแบบ Immersive Theatrical Experience
นับเป็นครั้งแรกของการจัดแสดงโชว์ที่สร้างความแตกต่างและไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เป็นโชว์ที่พาทุกคนมาร่วมเปิดโลกและเปิดทุกโสตสัมผัสพร้อมเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของแบรนด์ไฮเนเก้นทั้ง 4 ยุค ได้แก่ ปี ค.ศ. 1873, 1889, 1950 และ 1953 ในสถานที่ที่ถูกจำลองขึ้นอย่างสมจริงแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นช่วงยุคสมัยก่อนที่ไฮเนเก้นจะกลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและจัดจำหน่ายกว่า 192 ประเทศ
จากความสำเร็จของงาน Behind the Star Experience ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมงาน ทำให้ไฮเนเก้นไม่สามารถที่จะอดใจจนต้องนำกลับมาจัดแสดงอีกครั้งที่ลานเบียร์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2017 ซึ่งกลายเป็นที่มาของงาน Heineken® Presents Star Venture ในปีนี้ แม้จุดประสงค์ของการจัดงานยังคงเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของไฮเนเก้น แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างและสร้างความพิเศษยิ่งขึ้น คือการนำเสนอเรื่องราวผ่านมุมมองที่แตกต่างกับสุดยอดการแสดงที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนในเมืองไทย ด้วยการหยิบยกเรื่องราว 4 ยุคแห่งความสำเร็จของแบรนด์ รวมถึงองค์ประกอบที่โดดเด่นในยุคนั้นๆ มาร้อยเรียง และบอกเล่าผ่านโชว์ที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของโชว์
โชว์สุดอลังการนี้ ได้พาทุกคนย้อนเวลาไปพบกับจุดกำเนิดของแบรนด์ไฮเนเก้น เริ่มจากการคิดค้นสูตรลับเฉพาะตัวของเบียร์ไฮเนเก้น ตลอดจนเส้นทางแห่งความสำเร็จตลอดระยะเวลา 145 ปี ที่การันตีคุณภาพระดับมาตรฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งกว่าจะเป็นโชว์สุดอลังการให้ทุกคนได้ชมอย่างเพลิดเพลินกว่า 1 ชั่วโมงเต็มนั้น ใช้เวลาร่วมหกเดือนในการเตรียมงานส่วนของโปรดักชั่น นอกจากนี้ยังได้ทีมออกแบบโชว์ที่อดีตเคยร่วมมือกับ Sleep No More ละครบรอดเวย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสหรัฐอเมริกา มาร่วมกำกับการแสดงและเขียนบท นำทีมโดย ครูลูกปูน อริศรา ชวนไชยสิทธิ์ และดร.นลิน เพ็ชรอินทร์ ไดเร็กเตอร์ของโชว์สุดอลังการนี้
ดร.นลิน เพ็ชรอินทร์ ผู้ประสานงานโปรเจ็ค และผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแสดง บริษัท Ring the Bell จำกัด เปิดเผยอย่างเอ็กซ์คลูซีฟว่า
“โชว์ที่เราทำร่วมกับไฮเนเก้นครั้งนี้ เป็นโชว์รูปแบบใหม่มากๆ และยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งโชว์แบบ Interactive Theater คือการที่ผู้ชมไม่เพียงแค่นั่งดู แต่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ บางฉากผู้ชมอาจต้องกลายเป็นนักแสดง ซึ่งบทพูดจะไม่ได้ฟิคไว้ตายตัว โดยเราจะให้โจทย์กับนักแสดงว่าเขาคือใครในบท เมื่อมีผู้ร่วมงานเข้ามาชม นักแสดงจะต้องสามารถโต้ตอบพูดคุยได้ ซึ่งในแต่ละโซนจะแบ่งเรื่องราวตามแต่ละยุคแตกต่างกันไป นักแสดงจะได้รับบทและการแต่งกายตามยุคนั้นๆ เพื่อให้มีความสมจริงมากที่สุด ในขณะเดียวกันภาพรวมของโชว์ต้องไม่ทำให้แบรนด์ไฮเนเก้นดูเก่าหรือย้อนยุคจนเกินไป เราจึงต้องผสมผสานระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตผนวกกับสิ่งที่คนในยุคปัจจบันจับต้องได้เช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่ท้าทายอย่างมากและเราต้องทำมันให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะเราไม่ได้เพียงออกแบบแค่โชว์แต่ยังผสมผสานงานดนตรีเข้าร่วม เช่น เพลงประกอบและเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ช่วยผลักดันให้โชว์นี้ครบทุกมิติและน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ครูน้อยยังกล่าวเสริมอีกว่า
“แม้ว่าช่วงแรกๆ ทุกอย่างจะดูยากไปหมดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดหาพื้นที่จัดแสดง รวมถึงการจัดรอบเข้าชมที่สามารถรองรับจำนวนผู้เข้าชมได้อย่างเหมาะสม เพื่อที่ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ที่สุด ในขณะที่เรามีเวลาอย่างจำกัดในการแสดง จึงต้องคิดอย่างรอบด้านและรอบคอบเพื่อหาวิธีให้คนมาร่วมชมงานได้เยอะที่สุด ต้องขอบคุณทางไฮเนเก้นที่คิดอะไรแปลกใหม่ออกมาอยู่เสมอ นอกจากผู้ชมที่มาจะได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่กลับไปแล้ว ยังทำให้ทีมเราเองได้รู้จักเรื่องราวเบื้องลึกของไฮเนเก้นที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย พิสูจน์ได้ว่ากว่าแบรนด์ไฮเนเก้นจะกลายเป็นที่ยอมรับทั่วโลกมาถึงทุกวันนี้ ไม่ง่ายเลย ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เจ๋งจริงๆ และนิยามที่ว่า The same great taste ก็จริงอย่างที่ว่า ถึงแม้ว่าเราไม่เคยดื่มเบียร์ยุคสมัยนั้นๆ แต่ก็มั่นใจในคุณภาพระดับมาตรฐานที่ไฮเนเก้นยังคงรักษามาโดยตลอดตั้งแต่ปีค.ศ. 1873”
นายพีรัท จงอัศญากุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น เสริมเพิ่มเติมจากครูน้อยว่า
“สำหรับโชว์ในครั้งนี้ เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเหล่าสาวกไฮเนเก้นเท่านั้น ทางไฮเนเก้นและเหล่าทีมงานทุกคนจึงตั้งใจเป็นอย่างยิ่งและใช้เวลาเตรียมการณ์ ทั้งหมดตลอดหกเดือนเต็มเพื่อองค์ประกอบทุกอย่างออกมาดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกทีมนักแสดงที่ทุกคนจะต้องศึกษาเรื่องราวในเหตุการณ์ของแต่ละยุคสมัยเพื่อสื่อสารโต้ตอบกับผู้เข้าชม รวมถึงฉากและบรรยากาศที่สมจริงอีกด้วย เราจัดเต็มทุกรอบการแสดงแน่นอน มั่นใจได้ว่าทุกคนที่เข้าไปจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างแน่นอนครับ”
สำหรับบทบาทมิสเตอร์ไฮเนเก้นที่ได้ แมทธิว ดีน มาสวมบทร่วมแสดงในโซนปี 1873 นับเป็นครั้งแรกที่แมทธิวได้ร่วมแสดงโชว์รูปแบบอินเตอร์แอคทีฟและสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าแมทธิวจะเคยแสดงละครมาก่อน แต่ต้องยอมรับว่าโชว์รูปแบบอินเตอร์แอคทีฟต้องใช้ศาสตร์ทางการแสดงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะต้องสวมบทบาทตัวละครแล้ว ยังต้องมีไหวพริบสามารถต่อบทต่อกลอนกับผู้ชมได้อีกด้วย จึงต้องมีการเตรียมตัวและซุ่มซ้อมอย่างหนักเพื่อเข้าถึงบทบาทที่ได้รับและแสดงให้ดูสมจริงมากที่สุด