Type to search

Hang out & Travel Lifestyle

Chiangmai Road Trip ดอยม่อนเงาะ – แม่แตง by Nissan X-Trail

Share

กระแสการท่องเที่ยวที่มาแรงมากๆในปี 2560 ที่ผ่านมานี้ คงหนีไม่พ้นการท่องเที่ยวแบบ Road Trip ทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นลักษณะที่ท่องเที่ยวด้วยการขับรถและแวะไปตามแผนที่ที่วางไว้ ต่างจากการแค่ขับไปเที่ยวยังที่ที่หนึ่ง Road Trip จะเน้นการท่องเที่ยว และได้ทำกิจกรรมระหว่างทางมากกว่า และการท่องเที่ยวแบบที่ 2 ที่ได้รับความนิยมมาสักพักใหญ่ๆแล้วก็คือ

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อาจจะไม่ต้องถึงกับไปปลูกป่า แต่เพียงแค่รบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด ครั้งนี้ Mover ได้มีโอกาสเดินทางไปพร้อมๆ กับการทดลองการขับขี่ Nissan X-Trail รถยนตร์ SUV ที่ออกมาเพื่อตอบโจยท์การท่องเที่ยวในลักษณะนี้ เพราะด้วยห้องโดยสารที่ใหญ่ สมถรรภาพของรถก็สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกๆสภาพถนน ยังไงก็ลองตาม Mover ไปเที่ยวและร่วมเปิดเส้นทางอนุรักษ์กันที่จังหวัดเชียงใหม่

 DAY 1 

การทดลองขับขี่แบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภายใต้โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ของนิสสันซึ่งมุ่งตามรอยบุคคลต้นแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-ภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยหลังจากที่ได้อบรมการขับขี่อย่างปลอดภัยกันที่ศูนย์ของสยามนิสสันแล้ว เราจะขับรถขึ้นดอยม่อนเงาะ เพื่อไปมอบของใช้ที่จำเป็นให้กับน้องๆ ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านม่อนเงาะ ซึ่งเป็นเวลาใกล้ๆเที่ยงแล้ว  ทัศนวิศัยการมองเห็นถือว่าดีเยี่ยม ระยะทางที่ไปก็ประมาณ 70 กิโลเมตร ทางช่วงแรกในส่วนของอำเภอแม่ริมถือว่ายังเป็นทางตรงสบายๆ จนเมื่อเข้าสู่ทางขึ้นดอยม่อนเงาะ ทางค่อนข้างชันพอสมควร เส้นทางมีโค้งหักศอก และมีช่วงที่แคบพอสมควร แต่พวกเราก็ขึ้นไปจนถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร

ขึ้นมาแล้วก็ต้องไปให้สุดยอดดอยม่อนเงาะ ม่อนเงาะเป็นอีกดอยที่ค่อนข้างใกล้กับตัวเมืองมาก ใช้เวลาเพียง 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเป็นดอยที่คุณสามารถขับขึ้นมาได้โดยไม่ต้องค้างคืน แต่ยังสามารถได้วิวและความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ไม่แพ้ดอยอื่นในเชียงใหม่ ที่สำคัญถนนหนทางมารถขับขึ้นมาได้ด้วยรถ SUV แม้คนที่ไม่ชินทางก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว และรับรองว่าวิวที่ได้เจอนั้นคุ้มค่ามากๆ

ดอยม่อนเงาะ

พอขึ้นมาถึงจุดชมวิวก็จะได้เจอกับวิวพาโนราม่าอย่างที่เห็นนี้ สามารถพักดื่มกาแฟ หรือทานผลไม้เมืองเหนืออย่างสตอเบอร์รี่ไปพลางๆได้

ถ้ามองลงมาจากยอดดอยเราก็จะเห็นไร่ชาอยู่เบื้องล่าง ซึ่งจะเป็นจุดเช็คพอยต์ต่อไปของเราด้วย ขับลงมาอีกเพียงแค่ 11 กิโลเท่านั้น ก็จะได้เจอกับไร่ชาลุงเดช สามารถและจิบชาพร้อมชมวิวได้แบบใกล้ชิดกับธรรมชาติสุดๆ

หลังจากแวะพักรับประทานอาหารเติมพลังเรียบร้อยแล้วก็ไปกันต่อที่ไฮไลท์ของทริปนี้ ตามโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ร่วมสืบสานพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ผ่านการเดินทางพบไปกับ คุณแสงเดือน ชัยเลิศ บุคคลต้นแบบของโครงการฯ ผู้ร่วมก่อตั้ง ศูนย์อภิบาลช้าง บุคคลต้นแบบที่ใช้แนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติควบคู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวตามพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9

 

 

นอกจากจะได้เยี่ยมชมเหล่าช้างป่าที่ได้รับการช่วยเหลือจากทางศูนย์และนำอาหารมาให้แลัว ทางคุณ แสงเดือน ชัยเลิศ ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างในไทย เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่างาช้างยังคงเป็นสินค้าตกแต่งบ้านที่มีความต้องการอย่างมาก สวนทางกับจำนวนช้างในประเทศ หลายครั้งที่การตัดงาช้างอย่างผิดวิธีทำให้ช้างได้รับความบาดเจ็บสาหัส หลายครั้งที่ไม่สามารถรักษาได้จึงเกิดเป็นความสูญเสียสัตว์ประจำประเทศของเราไป และที่น่าเสียใจคือยังไม่มีการผ่านกฏหมายที่ช่วยคุ้มครองช้างในเรื่องนี้ Nissan และ Mover จึงขอเป็นอีกกระบอกเสียงในการส่งต่อเรื่องราวเล่านี้ จบกิจกรรมในวันแรกกันแต่เพียงเท่านี้ไปพร้อมกับอากาศ 22 องศาของอำเภอแม่แตง

 DAY 2 

เดินทางออกจากที่พัก สิบแสนรีสอร์ท กันในช่วงสายแม้แสงแดดจะเริ่มแรงแล้ว แต่ด้วยอุณหภูมิที่แตะๆ 20 องศา จึงยังรู้สึกเย็นสบาย พร้อมออกไปสัมผัสธรรมชาติกันต่อที่ ทุ่งดอกคอสมอส ณ พื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองแกน ที่ได้เนรมิตพื้นที่มากกว่า 10 ไร่  เพื่อปลูกดอกคอสมอสฝรั่งเศส หรือที่ชาวเหนือเรียกกันว่าทุ่งคำแผ้แหล้ นี้ให้เป็นสวนดอกไม้สีชมพูขนาดใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพเป็นที่ระลึก

ระหว่างที่เราออกจากอำเภอแม่แตงเพื่อไปรับประทานอาหารกันในตัวเอง ระยะทางอีกประมาณ 50 กิโลเมตร เรามาดูภายในห้องโดยสารของเจ้านิสสันเอ็กซ์เทรลกันดีกว่า หลังทางที่บุกป่าผ่าดงมาด้วยกัน 1 วันเต็ม คือภายในรถ SUV แน่นอนว่าเขาโดดเด่นเรื่องความกว้างขวางอยู่แล้ว ที่นั่งก็มาในรูปแบบเธียเตอร์สไตล์ คือนึกถึงโรงละครที่เก้าอี้หลังๆจะยกสูงขึ้นไป โดยในรุ่น 2.5V และ 2.0V จะเป็นที่นั่งแบบ 3 แถว หรือ 5+2 ที่นั่ง นั่งหลังก็ไม่มีร้อนด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน ปรับแยกอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา

มาที่แผงหน้าจอสัมผัสก็ไม่ต้องห่วง รถสมัยนี้มันต้องดู GPS ได้ มีจอมองหลังและต่อสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งนิสสันเขาก็มีพร้อม รวมถึงพาโนรามิค ซันรูฟ (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ ขาดไม่ได้เลยสำหรับการท่องเที่ยว Road Trip แบบนี้

ส่วนของเครื่องยนตร์การขับขึ้นและลงดอยสูง รวมถึงทางลาดชันที่สมบุกสมบันเหมาะสมกับ สมรรถนะเครื่องยนต์ของเอ็กซ์เทรลทุกรุ่น ที่สามารถตอบสนองการเดินทางได้เป็นอย่างดี โดย นิสสัน เอ็กซ์เทรล มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 2 แบบหลักๆ คือ เครื่องยนต์เบนซินที่มีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งขนาดความจุ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์แบบไฮบริดขนาด 2.0 ลิตรที่มาพร้อมระบบเพียวไดร์ฟไฮบริด (Pure Drive Hybrid) และคลัทช์คู่อัจฉริยะ (Intelligent Dual Clutch Control) ที่ทำให้มีพละกำลังและอัตราเร่งเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรแต่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันน้อยกว่าเครื่องยนต์แบบเดียวกันกว่า 20% ทั้งนี้ เอ็กซ์เทรลยังมาพร้อมกับเกียร์ X-TRONIC CVT พร้อม ระบบ manual mode 7 สปีด ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพอัตราเร่งและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

พร้อมระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะที่ผู้ขับขี่ถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง (Active Engine Brake) และระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Active Ride Control) ที่ถือเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ที่มีเพียงเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น นอกจากนี้ ยังติดตั้งกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor – AVM) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่บริเวณพื้นที่คับแคบเพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง มือใหม่ก็ขับขึ้นดอยได้ เป็นการชาเลนจ์ตัวเองไปอีกแบบ

กลับสู่ตัวเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ยังเหลืออีก 2 จุดที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเที่ยวในเมืองแต่ก็ยังอยากสัมผัสวิถีธรรมชาติอยู่ โดยจุดแรกคือร้านอาหารมีนา มีข้าว อาหารออแกนิคภายใต้บรรยากาศร้านที่เหมือนทานอาหารอยู่บ้าน ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และเสียงนกร้อง ยิ่งถ้าพาสาวๆมา พวกเธอจะต้องเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพอาหารที่สไตล์ลิ่งไปด้วยดอกไม้ และสีส้นต่างๆ ส่วนรสชาตินั้นก็ดีมากไม่แพ้หน้าตาแน่นอน

และแล้วก็มาถึงจุดสุดท้ายของทริปนี้ เรามากันที่ บ้านข้างวัด คอมมูนิตี้เล็กๆที่รวมเอาร้านอาหารและร้านค้า รวมถึงสตูดิโอที่ทำงานคราฟต์ เป็นชุมชนที่นำเอาบ้านเก่ามาผสมผสานกับคาเฟ่สมัยใหม่ เน้นการพึ่งพากันเอง ถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่พอเพียงและน่าเอาเป็นแนวทางมากๆ ใครที่ชอบชิลไปกับกาแฟดีๆและงานศิลปะ แนะนำเลยว่าต้องมาให้ได้

 

ถือเป็นการปิดทริปอย่างสมบูรณ์แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน แต่ก็ได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ต่อไปนี้คงอ้างไม่ได้แล้วว่ามีเวลาน้อยไม่รู้จะไปไหน ลองไปตามเส้นทางที่นิสสันพาเราไปในครั้งนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย และอย่าลืมหัวใจของ Road Trip นั่นก็คือเพื่อนร่วมทาง ทั้งที่คนที่มากับเรา และคนที่เราได้พบปะระหว่างทาง พวกเขาอาจจะเปลี่ยนนิยามการเดินทางของคุณไปตลอดเลยก็ได้ : )


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com

 

 

 

 


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags