5 วิธีเก็บเงินฉบับทำได้จริง สำหรับ ‘ชาวออฟฟิศ’ ที่อยากออกไปท่องโลก
Share
เชื่อว่าชาว Mover หลายคนคงจะมีทริปท่องโลกในฝันกันอยู่แล้ว เพราะการได้ ออกไปท่องโลก นั้น เปรียบเสมือนการได้ออกไปใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้มีข้อจำกัดอยู่แค่ห้องสี่เหลี่ยมแบบที่ชาวออฟฟิศต้องเจอในทุกๆ วัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชาวออฟฟิศอย่างเราๆ ไปไม่ถึงทริปในฝันนั้นก็เห็นจะเป็นเรื่องการเก็บเงินนั่นเอง เพราะกว่าจะเก็บเงินไปเที่ยวได้แต่ละทีมันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรเมื่อฝันแล้วก็ต้องไปให้ถึง วันนี้เราเลยมีวิธีง่ายๆ สำหรับการเก็บเงินของชาวออฟฟิศมาแนะนำกัน
วิธีที่ 1 แบ่งค่าเดินทางเป็นรายเดือน
สำหรับการเก็บเงินวิธีนี้จะเป็นการแบ่งเก็บที่ละเดือน โดยแต่ละเดือนคุณจะได้เข้าใกล้ทริปในฝันของคุณมากขึ้น เช่น ถ้าคุณตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวสักที่นึง โดยใช้เงินในทริปนี้ทั้งหมด 25,000 บาท และเตรียมวันลาไว้แล้วในอีก 5 เดือนข้างหน้า พอเงินเดือนของเดือนแรกออกก็ให้คุณแบ่งออกมา 5,000 เพื่อใช้สำหรับจองตั๋วเครื่องบินโดยคุณสามารถจองผ่านแอพฯ อย่าง Skyscanner, Jetradar หรือ Traveloka ซึ่งแอพพลิเคชั่นเหล่านี้มักจะมีโปรดีๆ ที่ให้คุณจองในราคาถูกได้ จากนั้นเมื่อได้รับเงินเดือนของเดือนที่สองก็ให้แบ่งออกมาอีก 5,000 เพื่อใช้สำหรับการจองห้องพัก โดยคุณสามารถเลือกที่พักในรูปแบบต่างๆ ได้จากเว็ป Agoda, Booking และ Airbnb ซึ่งก็มักจะมีดีลราคาประหยัดให้กับการจองในแต่ละครั้งด้วย ผ่านไปสองเดือนคุณได้ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักแล้ว พอมาถึงเดือนที่สามก็ให้แบ่งออกมาอีก 5,000 สำหรับค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ รวมถึงค่าเดินทางภายในประเทศที่คุณจะไป ส่วนเดือนที่ 4 และ 5 ก็ให้เก็บไว้ใช้เป็นค่าจิปาถะ เช่น ค่าอาหารหรือค่าของฝาก ช้อปปิ้งต่างๆ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยการเก็บเงินเดือนละ 5,000 ภายใน 5 เดือนได้แล้ว
วิธีที่ 2 เก็บจากการผ่อน 0%
สำหรับชาวออฟฟิศแล้วการมีบัตรเครดิตสักใบคงไม่ใช่เรื่องแปลก เช่นเดียวกันกับการผ่อนชำระสินค้าต่างๆ เพราะในบางทัวร์นั้น คุณก็สามารถแบ่งชำระค่าเดินทางท่องเที่ยวได้โดยใช้บัตรเครดิตรูด 0% ไปก่อนซึ่งวิธีนี้คุณจะจ่ายเงินในแต่ละเดือนเสมือนกับว่าเป็นเงินเก็บเพื่อใช้เดินทางในอีก 10 เดือนข้างหน้า เช่น คุณวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศในอีก 10 เดือนข้างหน้าด้วยเงิน 30,000 บาท จากนั้นคุณก็ลองมองหาบริษัททัวร์ที่พาเที่ยวในประเทศนั้นๆ ในวงเงินที่ไม่เกิน 30,000 บาทดู โดยเฉพาะช่วงที่มีงานส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ นี่แหละ ที่มักจะมีบริษัททัวร์มาออกบูธและมีโปรโมชั่นผ่อน 0% ให้ด้วย เช่นถ้าคุณได้บริษัททัวร์ที่รวมค่าเดินทางและที่พักแล้วอยู่ที่ 25,000 บาท คุณก็จะต้องผ่อนเดือนละ 2,500 บาทไปจนครบ 10 เดือน แต่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการผ่อนบัตรแล้ว คุณก็ยังสามารถเก็บเงินเพิ่มเติมอีกสักเดือนละ 1,000 บาทเอาไว้ใช้จ่ายในการเที่ยวกินหรือช้อปปิ้งเมื่อถึงกำหนดวันเดินทางได้อีกด้วย
วิธีที่ 3 เก็บแบงค์ 20 หรือ แบงค์ 50 ทุกวัน
วิธีสุดคลาสสิควิธีนี้ คือการกำหนดเลยว่าในแต่ละวันคุณจะเก็บแบงค์ 20 ที่ได้จากการใช้จ่ายวันละ 1 ใบเช่นคุณวางแผนเที่ยวในประเทศอีก 5 เดือนข้างหน้า คุณก็เริ่มเก็บเงินด้วยแบงค์ 20 ทุกวันเฉลี่ยเดือนนึงมี 30 วันก็เท่ากับว่าเก็บเงินได้เดือนละ 600 บาท เมื่อผ่านไป 5 เดือนก็จะเป็นเงินทั้งหมด 3,000 บาท ก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินไม่น้อยสำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศแบบ 3 วัน 2 คืน หรือหากใครวางแผนพักร้อนหลายวันกว่านี้ ก็ลองเปลี่ยนเป็นการเก็บแบงค์ 50 บาททุกวันแทน เฉลี่ยแล้วต่อเดือนคุณจะสามารถเก็บเงินได้ 1,500 บาท และเมื่อครบ 5 เดือนก็จะเก็บเงินได้มากถึง 7,500 บาท ก็ถือว่ามากพอสำหรับการพักผ่อนในประเทศของชาว Backpacker กันแล้ว
วิธีที่ 4 หารายได้เสริม
การทำงานออฟฟิศเพียงอย่างเดียวอาจพาตัวคุณไปถึงทริปในฝันได้ยากเกินไป เพราะสำหรับบางคน เงินเดือนในแต่ละเดือนที่ต้องหักค่าห้อง ค่าเดินทาง ค่าอาหารต่างๆ แล้วก็อาจจะเหลือไม่พอเก็บเลยทีเดียว การหารายได้เสริมเพื่อใช้เป็นแหล่งเพิ่มเงินเก็บของคุณถือเป็นทางออกที่ดีและทำได้ง่าย ซึ่งหากคุณยังไม่ค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถอื่นๆ อะไรบ้าง เราของแนะนำให้คุณเริ่มจากการขายสินค้ามือสองของคุณเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ปีลึกที่คุณอาจจะไม่ค่อยได้ใส่มันอย่างจริงจัง หรือรองเท้าผ้าใบที่คุณซื้อมาแล้วแต่ก็ไม่ค่อยจะแมทช์กับเสื้อผ้าที่คุณใส่เป็นประจำ สิ่งของเหล่านี้คุณสามารถปล่อยขายเป็นของมืองสองได้ โดยช่องทางการขายในปัจจุบันก็สามารถทำได้มากมาย ทั้งทางแอพพลิเคชั่น อย่าง Kaidee หรือจะเปิดท้ายกับเพื่อนๆ ตามตลาดรถไฟ หรือตลาดนัดอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากคุณมีความสามารถในด้านอื่นๆ เช่นงานวาดภาพประกอบ,ถ่ายรูป, หรืองานกราฟฟิคต่างๆ ก็สามารถลงพอร์ตของคุณไว้กับเว็ปฟรีแลนซ์ต่างๆ เพื่อให้คนมาจ้างงานคุณ โดยเว็ปไซต์ที่ฟรีแลนซ์ชาวไทยใช้บริการกันมากๆ ก็ได้แก่ Fastwork และ freelanceBay หรือใครจะถ่ายภาพขายกับทาง กับเว็บขายภาพก็มีหลายคนทำแล้วสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำกันมาแล้ว
วิธีที่ 5 เงินตามขั้นบันได
วิธีเก็บเงินแบบสุดท้ายนั้นอาจจะเป็นวิธีที่ดูง่ายในช่วงสองเดือนแรก แต่ช่วงเดือนหลังๆ คุณจะเริ่มรู้สึกว่าการเก็บเงินมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ต้องใช้ความอดทนและวินัยเป็นอย่างยิ่ง โดยวิธีนี้ให้คุณลองกำหนดเป้าหมายดูว่าจะไปเที่ยวในอีกกี่เดือนข้างหน้า เช่น วางแผนไว้แล้วว่าอีก 5 เดือนจะออกเดินทาง ก็ให้คุณเริ่มเก็บเงินตั้งแต่วันแรกด้วยเงิน 1 บาท และวันที่สองเก็บเงิน 2 บาท วันที่สามเก็บเงิน 3 บาท โดยให้เพิ่มจำนวนเงินไปเรื่อยๆ ตามลำดับวัน ซึ่งเฉลี่ย 5 เดือนอยู่ที่ 150 วัน ก็เท่ากับว่าวันสุดท้ายคุณจะต้องเก็บเงินในวันนั้นด้วยจำนวน 150 บาท และเมื่อเราลองมาคำนวณดูแล้ว การเก็บเงินด้วยวิธีนี้ในระยะเวลา 5 เดือน คุณจะสามารถเก็บเงินได้ถึง 11,325 บาท เลยทีเดียว ก็ถือว่าเป็นจำนวนมากพอสำหรับการออกทริปในแถบประเทศเพื่อนบ้าน หรือจะเลือกเดือนทางไปดำน้ำใต้ทะเลแถบอันดามันก็เป็นจำนวนเงินที่เพียงพอแล้ว
ทั้ง 5 วิธีนี้ก็เป็นวิธีเก็บเงินที่ชาวออฟฟิศสามารถทำตามกันได้ง่ายๆ เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนกับวินัยกันสักหน่อย เพื่อทริปในฝันที่ทุกคนตั้งเป้าไว้จะได้เกิดขึ้นกันสักทียังไงละครับ
ภาพจาก pexels.com
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน Mover
Mover.in.th@gmail.com