Type to search

Business Make A Move

รวม 5 แอปพลิเคชั่นสำหรับออมเงิน ใช้ดีและฟรีทั้ง iOS และ Android

Share

ในยุคปัจจุบัน “เงิน” เปรียบเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะขาดไปไม่ได้ในชีวิต นั่นทำให้การใช้จ่ายของเราถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจำเป็นต้องรู้จักเอาใจใส่ ตรวจสอบ และปรับเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพตามรายได้ที่เรารับมาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน การทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากๆ อีกทั้งคนทำยังต้องจดจำรายรับ หรือรายจ่ายที่เกิดขึ้นไว้ให้ได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไร้ประสิทธิภาพ และน้อยคนนักจะทำ 

แต่ปัญหานั้นก็ได้หมดลง เมื่อโลกของเราก้าวสู่ยุคสมาร์ทโฟน หรือยุคแอปพลิเคชั่น “แอปพลิเคชั่นสำหรับออมเงิน” จึงถือกำเนิดขึ้นมา และมันใช้งานได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และต่อไปนี้คือ 5 แอปพลิเคชั่นสำหรับออมเงิน ใช้ดีและฟรีทั้ง iOS และ Android ที่คนต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายต้องโหลดมาเอามาใช้

1 | Wallet – ติดตามสถานะการเงิน

 

แอปออมเงินตัวแรกที่ผมขอแนะนำคือ “Wallet – ติดตามสถานะการเงิน” มันเป็นแอปฟรีบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android ซึ่งมียอดติดตั้งสูงมากถึง 1,000,000 การติดตั้ง จุดเด่นของแอปออมเงินตัวนี้ ไม่ได้มีดีแค่การบันทึกรายรับรายจ่าย การสรุปผลที่ดูและเข้าใจได้ง่าย แต่มันคือ

  1. ฟังก์ชั่นในการ ซิงค์เข้ากับธนาคาร ของเรา ทำให้รายรับรายจ่ายของเราอัพเดทในแอปได้เองทันที
  2. ตัวแอปมีการจัดทำกราฟ และภาพรวมทางการเงิน ของเราออกมาค่อนข้างดูได้ง่าย ซึ่งแยกเป็นหมวดๆ ตั้งแต่บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต เดบิต หนี้ และเงินสด
  3. ตัวแอปยังมีฟังก์ชั่นงบประมาณ ที่ทำให้เราวางแผนการเงินของเราได้อย่างยืดหยุ่น
  4. มีฟังก์ชั่นแชร์บัญชี เมื่อต้องใช้บัญชีร่วมกับคนอื่น
  5. และสุดท้ายคือตัวแอปยังจัดเต็มพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นที่สนับสนุนการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ซัพพอร์ทสกุลเงินหลายสกุล ซิงค์คลาวด์อัตโนมัติ การแจ้งเตือน และอื่นๆ อีกมากมาย

2 | Monefy – Money Manager

 

แอปออมเงินตัวที่สอง “Monefy – Money Manager” สำหรับผมมันถือเป็นแอปที่มีความน่าสนใจไม่แพ้แอปตัวแรกเลย มันมีจุดเด่นด้านการใช้งาน และกราฟฟิกที่เข้าใจได้ง่าย ฟังก์ชั่นไม่เยอะเท่า Wallet – ติดตามสถานะการเงิน เพราะตัวแอปพุ่งเป้าไปที่การจัดการเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย และวางแผนเกี่ยวกับการเงินเป็นหลักนั่นเอง ทั้งนี้เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เพิ่มหมวดหมู่รายจ่าย ใส่รายรับ และกดคลิ๊กไปที่ภาพรายจ่ายของเรา กรอกตัวเลข จบ~

  1. ฟังก์ชั่นน้อย ไม่ซับซ้อน เน้นบันทึกรายรับรายจ่ายเป็นหลัก
  2. มีฟังก์ชั่นวิดเจ็ต ใช้งานได้เลยผ่านหน้าจอโดยไม่ต้องเปิดแอป
  3. ซัพพอร์ทหลายสกุลเงิน
  4. มีโหมดงบประมาณ สำหรับจัดสรรค์การเงินได้อย่างอิสระ
  5. และซัพพอร์ทการทำบัญชีหลายบัญชี

3 | Money Keeper

 

“Money Keeper” เป็นแอปออมเงินตัวที่ 3 ที่ผมคิดถึง เมื่อต้องทำบทความแอปออมเงินบทความนี้ คือ Money Keeper เป็นแอปที่ค่อนข้างจะธรรมดาที่สุดใน 5 แอปที่ผมนำมาเสนอ แต่ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับใครก็ตามที่รู้สึกว่า Wallet – ติดตามสถานะการเงิน มีฟังก์ชั่นที่เยอะเกินไป และรู้สึกว่า Monefy – Money Manager ก็มีฟังก์ชั่นที่น้อยเกินไป Money Keeper จะเป็นแอปออมเงินที่อยู่ระหว่างทั้งสองแอปที่กล่าวมา หรือพูดง่ายๆ คือมีฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนที่แอปออมเงินควรจะมี ไม่มาก และไม่น้อยเกินไปนั่นเอง

  1. มีฟังก์ชั่นงบประมาณสำหรับควบคุมการใช้จ่ายของเรา
  2. มีฟังก์ชั่นสำหรับควบคุมหนี้ และการกู้ยืม
  3. มีระบบคลาวด์ซัพพอร์ท

4 | งบการเงินด่วน – บริหารรายจ่าย

 

สำหรับแอปออมเงินแอปนี้จะค่อนข้างพิเศษหน่อยครับ เพราะตัวผมใช้งานแอปตัวนี้อยู่ “งบการเงินด่วน – บริหารรายจ่าย” เป็นแอปที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเหมือนกับ Money Keeper เลยครับ แต่โดดเด่นกว่าด้วยฟังก์ชั่นภาษาไทย ใช่ครับตัวเป็นแอปภาษาไทย ทำให้เราสามารถเข้าใจ และใช้งานมันได้ง่าย โดยนอกจากด้านภาษาแล้ว ตัวแอปยังมาพร้อมภาพสัญลักษณ์ต่างๆ สำหรับใช้สร้างหมวดหมู่ให้ออกมาได้อย่างหลากหลาย ถ้าถามตัวผมว่าทำไมถึงเลือกใช้แอปออมเงินแอปนี้ สิ่งแรกที่ผมตอบได้คือตัวแอปมีการจัดเรียงฟังก์ชั่นต่างๆ เอาไว้อย่างเรียบง่าย และเราสามารถปรับแต่งได้เอง มีฟังก์ชั่นสำหรับใช้ติดตามการใช้จ่ายของเราได้แบบรายวัน และมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป

  1. ปรับแต่งหน้าแสดงผลต่างๆ ได้อิสระในระดับนึง ทำให้เราจัดเรียงสิ่งสำคัญต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
  2. มีฟังก์ชั่นบัญชีแบบธรรมดา และแบบลับ โดยแบบลับใช้สำหรับติดตามธุรกิจขนาดเล็ก และงานอดิเรกต่างๆอีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นเครดิตการ์ดติดมาให้อีกด้วย
  3. มีฟังก์ชั่นงบประมาณสำหรับควบคุมการเงิน
  4. มีวิตเจ็ต 2 ชุดสำหรับใช้งานโดยไม่ต้องเปิดแอป
  5. มีระบบชาร์ท 5 แบบในการสรุปผลงานเงินของเรา อีกทั้งยังสามารถดูรายรับรายจ่ายของเราในรูปแบบปฏิทินได้อีกด้วย

5 | Money Manager Expense & Budget

 

แอปออมเงินตัวสุดท้ายที่ผมอยากแนะนำก็คือ “Money Manager Expense & Budget” แอปออมเงินแอปนี้ค่อนข้างมีฟังก์ชั่นในการใช้งานครบครันพอๆ กับแอป Wallet – ติดตามสถานะการเงิน โดดเด่นเครื่องมือหลายๆ อย่างที่สมบูรณ์ และหน้าตาที่ละเอียดแต่เข้าใจได้ง่าย การันตีด้วยยอดดาวน์โหลดกว่า 5,000,000 ดาวน์โหลด โดยมีฟังก์เด่นๆ ดังนี้

  1. ฟังก์ชั่นงบประมาณ สำหรับควบคุมการเงิน
  2. ฟังก์ชั่นบัตรเครดิต / เดบิต สำหรับใช้ตรวจสอบยอดเงิน และยอดชำระ นอกจากนี้ยังสามารถซิงค์กับตัวบัตร เพื่ออัพเดทการใช้งานได้แบบอัตโนมัติอีกด้วย
  3. มีระบบรหัสผ่าน
  4. แปลงออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้
  5. มีฟังก์ชั่นบุ๊กมาร์ก สำหรับเข้าถึงหมวดหมู่สำคัญๆ ที่ใช้งานบ่อยๆ ได้ทันที
  6. มีวิตเจ็ต
  7. มีโปรแกรมบน PC สำหรับจัดการข้อมูลต่างๆ แบบละเอียด

จริงๆ แล้วแอปออมเงินในตอนนี้ค่อนข้างมีให้เลือกใช้งานเยอะมากๆ ครับ แต่ถ้าให้ผมจัดแบ่งหมวดหมู่ แอปเหล่านี้จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ครับ คือกลุ่มที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานจำนวนมาก เช่น Wallet – ติดตามสถานะการเงิน และ Money Manager Expense & Budget เหมาะสำหรับคนที่ต้องจัดการเงินจำนวนมาก หรือต้องการความละเอียดที่สูง กลุ่มที่สองคือ กลุ่มแอปที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานกลาง ๆ เช่น Money Keeper และ งบการเงินด่วน – บริหารรายจ่าย แอปกลุ่มนี้เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป ที่ต้องการควบคุมการเงินแบบธรรมดา โดยกลุ่มนี้จะมีฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนตามที่เราต้องใช้งานอยู่แล้ว และกลุ่มที่สามก็คือกลุ่มที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานน้อย ๆ เช่น Monefy – Money Manager กลุ่มนี้เหมาะกับคนที่พึ่งอยากลองทำบัญชีรายรับรายจ่าย ด้วยฟังก์ชั่นที่น้อย ทำให้เราโฟกัสไปที่การใช้จ่ายได้ง่ายกว่าแอปกลุ่มอื่น ๆ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags