พูดคุยกับพระเอกขาลุย ‘เวียร์-ศุกลวัฒน์’ เรื่องไลฟ์สไตล์ดิบๆ บนบิ๊กไบค์ และกลุ่มเพื่อนซี้
Share
จากแคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ที่จัดขึ้นที่ขอนแก่น ทำให้ครั้งนี้ Mover ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระเอกขาลุย “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารส” ที่มีทั้งความชิลล์เป็นกันเอง และความดิบ เรียล มันส์ สไตล์ลูกผู้ชายแมนเต็มขั้น
ถึงเรื่องไลฟ์สไตล์ งานอดิเรกอย่างการขี่มอร์เตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ไปจนถึงเรื่องธุรกิจที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไม่แพ้งานในวงการบันเทิง มาฟังเรื่องจริงของเวียร์จาก 7 คำถามสไตล์ผู้ชายแมน ๆ ที่จะทำให้คุณรู้จักชีวิตจริงของเขา ที่มีอะไรมากกว่าที่เห็นในจอแก้ว
#1 ไลฟ์สไตล์แบบไหนที่ใช่เวียร์ ระหว่างชีวิตในเมือง กับชีวิตที่ขอนแก่น
จริง ๆ แล้วผมชอบชีวิตบ้านเกิดมากกว่าเพราะด้วยความที่เราผูกพัน แล้วมันเป็นไลฟ์สไตล์เราเกิดและโตมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่แฮงค์เอาต์ ผมชอบในส่วนที่เป็นต่างจังหวัด ทุ่งนาตอนเย็น ๆ รวงข้าวหรืออะไรแบบนี้ แต่โอเคพอเราไปอยู่กรุงเทพฯ มันก็ไม่ใช่ว่าแย่ไปซะหมด มันก็มีเรื่องของความสะดวกสบายเข้ามา แต่ว่าตอนนี้ผมว่าขอนแก่นก็เจริญไปไกลแล้วนะ ก็ชอบอยู่บ้านมากกว่าครับ
#2 ความทรงจำ ชีวิตในจังหวัดขอนแก่น และการใช้เวลาร่วมกันเพื่อน
จริง ๆ แล้วเพื่อนที่ยังคบกันอยู่ปัจจุบันนี้ก็คือเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เนิสเซอรี่เลย เรียกว่าเป็นบุคคลสำคัญในครอบครัวเลยแหละ เพราะว่าพ่อแม่รู้จักกันหมด ฝากกันได้หมด เรารู้จักกันมา 20 กว่าปีแล้ว ก็เกิดครึ่งชีวิตเนอะ เพราะฉะนั้นไลฟ์สไตล์ของเราก็จะมีตั้งแต่ เรียนหนังสือ ทำกิจกรรม ออกกำลังกาย เล่นดนตรี คือทุกอย่างเราก็เฮโลกันไปหมด ส่วนใหญ่ก็จะหากิจกรรมที่โรงเรียน เพราะว่าตอนเรียนอยู่เนี่ย กลุ่มเราที่เป็นกลุ่มเพื่อนซี้เลย ก็สมัครเข้าเป็นกรรมการนักเรียน โอ้โหคราวนี้ยิ่งมีกิจกรรมอะไรกันเยอะแยะมากมาย ไลฟ์สไตล์ก็ชิลครับ แอบซ่า (นิด ๆ) ด้วย คือเป็นกลุ่มที่คนขอนแก่นรู้จักอะ ประมาณว่า อ๋อ ไอกลุ่มนี้หรอ กลุ่มสาธิต(มข.)
#3 เสน่ห์ของบิ๊กไบค์ในแบบของเวียร์ ศุกลวัฒน์
ผมว่าไม่จำเป็นจะต้องทำความเร็วหรือว่าสปอร์ตอะไรแบบนั้นนะครับ เพราะว่าโดยส่วนตัวผมเนี่ย ผมแค่รู้สึกว่าพอผมได้ขี่มอร์เตอร์ไซค์ออกไปมันคืออิสระแล้วไง แล้วก็ผมรู้สึกว่ามอร์เตอร์ไซค์มันเป็นเหมือนเพื่อน คือเราต้องดูแลเค้าด้วย และเค้าก็ต้องดูแลเรา เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย ไม่มีพ่อแม่หรือแฟนคนไหนอยากหรือสนับสนุนให้เราขี่มอร์เตอร์ไซค์บิ๊กไบค์หรอก แต่ถ้าเรามีวินัยในการขี่ เราดูแลตัวเองให้เค้ารู้สึกว่ามันปลอดภัย
ผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่าหลงไหล เวลาที่เราได้อยู่คนเดียวในหมวกกันน็อค เวลาเราได้ออกไปข้างนอก จริงแค่ใกล้ ๆ อย่างเขาใหญ่ก็ฟินแล้ว บางทีเราได้คิด ได้ข้อมูลใหม่ ๆ มีไอเดียขึ้นมาจากการที่เราได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวในหมวกกันน็อค หลาย ๆ งาน หลาย ๆ โปรเจคก็เกิดขึ้นจากการออกทริปขี่มอร์เตอร์ไซค์กันนี่แหละครับ
#4 ถ้าเปรียบตัวเองเป็นบิ๊กไบค์ได้ จะเปรียบเป็นยี่ห้อไหน รุ่นอะไร และเพราะอะไร
มันก็ต้อง Triumph อยู่แล้วครับ เพราะผมเป็นดีลเลอร์ขายมอร์เตอรไซค์ยี่ห้อนี้อยู่ ร้าน Triumph รังสิตอะ (ขำ) จริง ๆ ผมชอบ Triumph Scrambler มันเป็นมอร์เตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิค แล้วก็เป็นตัวที่เป็นแอดเวนเจอร์ แต่เป็นแบบคลาสสิคนะ มีความเหมือนผมมาก เพราะว่ามันมีความแคสช่วลคลาสสิค ไม่ได้แต่งตัวมากแต่ก็ดูดี แล้วก็มีความลุยเป็นแอดเวนเจอร์ เป็นรถที่ขี่ลุยไปได้ทุกสภาพถนน ก็เหมือนผมที่ชอบไปท่องเที่ยวทะเล ปีนเขา ทำกิจกรรมลุย ๆ อะไรแบบนี้ เป็นเหมือนเพื่อนรักกันเลยครับ ก็เลยชอบรุ่นนี้
#5 แนะนำบิ๊กไบค์สักคันให้นักบิดมือใหม่
จริง ๆ พูดยากนะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่ขี่มอร์เตอร์ไซค์เนี่ย มันไม่จบแค่คันเดียวหรอก แต่ถ้าอยากจะเริ่ม ผมว่าเริ่มจากอะไรที่มันคลาสสิคหรือง่ายก่อนดีกว่า ก็อย่างเช่นรถ Triumph Bonneville ครับ อยากให้เริ่มจากรถที่เป็นคลาสสิคขี่ง่าย แต่ถ้าเอาจริง ๆ เลยนะ คืออยากให้ขี่รถที่เป็นวิบากอะ เพราะการขี่รถวิบากหรือที่เรารู้จักกันว่ารถ “dirt” เนี่ย มันจะเป็นทักษะทุกอย่างของการขี่มอร์เตอร์ไซค์ทุกรุ่นทุกแบบ เพราะว่ามันใช้การทรงตัวอะไรอย่างนี้ สุดท้ายนะผมเห็นหลายคนขี่มาทุกแบบ ตั้งแต่คลาสสิค, สปอร์ต, naked bike, street bike ขี่มาทุกอย่าง ลุยแอดเวนเจอร์มาหมด สุดท้ายมาจบที่รถวิบาก dirt bike เข้าป่ากันให้พัลวัน เพราะว่าสนุกและปลอดภัย ที่ปลอดภัยนี่ก็เพราะว่าชุดต้องเต็มครับ ช่วงคออะไรคือล็อคไว้หมดเลย
#6 ด้วยความที่เวียร์เป็นผู้ชายขาลุย มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้วไม่ได้ผมดูแลอะไรเยอะนะครับ แค่พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยเราดูแลร่างกายด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ หรือว่าพยายามพักผ่อนให้เยอะ ในเรื่องของการบำรุงผิวอะไรพวกนี้ อย่างเต็มที่ผู้ชายเลย ทากันแดดก็พอแล้ว แล้วก็ดื่มน้ำวันนึงให้เยอะเลย นะครับ แค่นี้เลย ผมไม่ได้ไปดูแลความสวยความงามอะไรเยอะ เพราะเป็นผู้ชายอะ เราต้องดูแข็งแรง
#7 ในฐานะที่เวียร์เป็นนักแสดง แล้วก็ยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากอีกคนหนึ่ง อยากแนะนำคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองสักชิ้นว่าอย่างไรบ้าง
สิ่งแรกคือต้องดูตลาดครับ ว่าเราทำอะไรแล้วใครคือเป้าหมายของเรา อย่างที่ 2 คือสิ่งที่ลงทุนไปต้องเป็นสิ่งที่เรารัก เพราะถ้าเราไม่รัก เราก็จะอยู่กับมันได้ไม่นาน อย่างที่ 3 คือเราต้องมีทีมที่ professional อย่างน้อยฝากชีวิตได้ไม่งั้นเราก็จะเหนื่อย แล้วก็เดี๋ยวนี้โลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญแล้ว คนทำธุรกิจเองได้หมด และมันไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านด้วย ใครมีไอเดียใหม่ ๆ ออกมาก็สามารถทำได้ ที่สำคัญคืออย่าไปกลัวครับ เราต้องลอง ทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้เราทำได้
ซึ่งงานที่ทำให้ราได้มารู้จักกับเวียร์-ศุกลวัฒน์มากขึ้นก็เกิดขึ้นจาก แคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด ของ“น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ที่ชวนเวียร์ในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ มาร่วมถ่ายทอดความหมายของคำว่าเพื่อนซี้ ในโฆษณาชุดใหม่ “เรื่องจริงจากเพื่อนซี้” สร้างจากเรื่องจริงระหว่างเวียร์และแก๊งเพื่อนซี้นอกวงการ นำเสนอภายใต้แนวคิดเพื่อนซี้ที่เติบโตมาด้วยกันจนเสมือนเป็นคนในครอบครัว รู้ใจกันจนสามารถทำสิ่งดีๆ ให้กันโดยไม่ต้องพูด เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนซี้ ทำให้เรารู้ใจเพื่อน และเพื่อนรู้ใจเราดีที่สุด
โดยแคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด มี “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” มาร่วมถ่ายทอดเรื่องจริงระหว่างเวียร์และแก๊งเพื่อนซี้นอกวงการ ที่มีมิตรภาพอันยาวนานกว่า 20 ปี ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “เรื่องจริงจากเพื่อนซี้” ซึ่งคุณเวียร์ นับเป็นคนที่สามารถสะท้อนคอนเซ็ปต์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ผ่านเรื่องราวที่น่าประทับใจของมิตรภาพระหว่างกลุ่มเพื่อนซี้ที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน
คุณเวียร์-ศุกลวัฒน์ กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ดีใจครับที่ได้เป็นตัวแทนในการถ่ายทอดมิตรภาพของเพื่อนผมเองเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก ๆ การมีเพื่อนมากมาย คงไม่ดีเท่าเรามี “เพื่อนซี้” ที่รู้ใจ ซึ่งผมโชคดีมากที่มีเพื่อนซี้มากกว่าหนึ่งคน มิตรภาพของผมและเพื่อนถูกนำมาถ่ายทอดในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ โดยเรื่องราวเป็นการย้อนไปในสมัยวัยเรียน ซึ่งเพื่อน ๆ ต่างรู้ว่าผมมีความสนใจอยากเข้าวงการบันเทิง จึงแอบนำรูปผมไปโพสในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง จนทำให้พี่เอ-ศุภชัยเห็นและเดินทางมาถึงขอนแก่น เพื่อทาบทามให้เข้าวงการ เพื่อนกลุ่มนี้จึงเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ผมได้เข้าวงการจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
ขณะเดียวกันในภาพยนตร์โฆษณาก็ยังมีเรื่องราวที่ผมและกลุ่มเพื่อน ๆ ทำเซอร์ไพรส์เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เรียนวิศวะที่ออสเตรเลีย ด้วยการร่วมหุ้นกันเปิดธุรกิจเล็ก ๆ เพื่อให้เพื่อนคนนั้นได้ตามความฝันของตัวเอง เพราะเราซี้กันมากทำให้เราต่างก็รู้ว่าเพื่อนแต่ละคนต้องการอะไร เลยสามารถทำสิ่งดี ๆ ให้กันได้โดยไม่ต้องบอกครับ”
นอกจากการถ่ายทอดเรื่องจริงของมิตรภาพที่น่าประทับใจแล้ว คุณเวียร์ยังได้คัฟเวอร์เพลง “เราและนาย” เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้อีกด้วย ซึ่งเป็นเพลงแห่งความทรงจำที่คุณเวียร์และแก๊งเพื่อนใช้ร้องด้วยกันเป็นประจำ ร่วมติดตามกิจกรรมที่น่าสนใจภายใต้แคมเปญ #เพื่อนซี้รู้ดีสุด ได้ที่ www.facebook.com/Changworld
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com