เอาใจสายคุมโทนกันอีกครั้งครับ โดยวันนี้ MOVER ขอมาในลุคผู้ชายสายอบอุ่นด้วยการแมทช์เสื้อผ้าสี EARTH TONE ที่จะช่วยเสริมลุให้ดูหล่อเท่ แฝงความละมุนละไมแบบหนุ่มรักษ์ธรรมชาติกันครับ แฟชั่นสีเอิร์ธโทน อีกหนึ่งแนวการแต่งตัวที่วนเวียนอยู่ในกระแสตลอดจนเรียกได้ว่าสีกลุ่มนี้ใส่ยังไงก็ไม่เอ้าท์ สีในกลุ่มสีเอิร์ธโทน คือสีที่ยึดจาดความเป็นธรรมชาติ หรือโทนสีที่เราสามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น สีเขียวโทนต่าง ๆ สีเขียวใบไม้ สีน้ำตาล รวมถึงโทนสีเบจ ซึ่งสีสันต่าง ๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้นอกจากจะสบายตาแล้ว ยังสามารถนำมาแมทช์เข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี การแมทช์เสื้อผ้าโทนนี้ให้น่าสนใจมีหลากหลายวิธี ซึ่งวิธีการแมทช์สีวิธีหนึ่งที่อยากให้ลองนำไปแต่งตามดู คือการใช้โทนสีสามสีในการแต่งตัวหนึ่งลุค เช่น คุณอาจเลือกใส่เสื้อสีเขียว กางเกงสีเบจ ส่วนรองเท้าก็เลือกเป็นสีน้ำตาลเข้ม ‘โทนสี’ ก็มีความสำคัญในการแต่งตัวไม่แพ้รูปแบบของเสื้อผ้า อย่างเช่น เวลาที่เราแต่งตัวในชุดโทนสีดำก็จะเสริมบุคลิกให้ดูเป็นหนุ่มเท่ น่าค้นหา ได้ไม่ยาก แต่หากในทางกลับกันถ้าเลือกใส่เสื้อผ้าโทนสว่างอย่างสีขาวหรือสีฟ้า ...
การตื่นเช้ามาทำงานก็ว่ายากแล้ว แต่การเลือกชุดที่จะใส่ไปทำงานนั้นยากกว่ามาก จะแต่งเรียบ ๆ ก็กลัวจะดูไม่เท่แถมบางทียังดูสูงวัยอีก แต่จะให้แต่งอินเทรนด์ด้วยสีสดใสก็อาจจะไม่เหมาะกับสถานที่และหน้าที่การงานสักเท่าไหร่ ดังนั้น MOVER จึงขอเสนอทางเลือกที่อยู่ตรงกลางระหว่าง “ความดูดี” และ “ความเหมาะสม” สามารถใส่ไปทำงานได้ แม้ในวันที่มีประชุมสำคัญแต่ก็ไม่ดูธรรมดาจนเกินไป เป็นลุคที่ลงตัวกับทุกสถานการณ์
ในการใส่เสื้อผ้าแต่ละวันนอกจากว่าต้องคิดจะใส่อะไรดี สิ่งสำคัญอีกข้อที่ต้องคำนึงคือเรื่องคู่สี ถ้าใส่สีนี้แล้วจะเข้ากับอีกชิ้นมั้ย หรือควรจะเป็นสีอะไร แค่แทรกด้วยสีนั้นดีมั้ย เรียกได้ว่าเยอะจนปวดหัว ซึ่งส่วนใหญ่เราก็มักจะหยิบจับสีจำพวก “Earth Tone” มาใส่เพราะมันเซฟที่สุด ดังนั้นวันนี้ Mover เลยจะนำเสนอสูตรสำเร็จการจับคู่สีที่ใส่ยังไงก็รอด ให้ทุกคนได้ใช้เป็นคู่มือในการเลือกใส่ชุดในแต่ละวัน สี “Earth Tone” คือสีที่มีพื้นฐานจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเราบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ น้ำ หิน ดิน ทราย หรือท้องฟ้า โดยแต่ละสีก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปเช่น สีกรมท่าเหมือนมหาสมุทร ให้ความรู้สึกนิ่งสงบ ลึกซึ้ง หรือสีส้มเหมือนพระอาทิตย์ตกดิน ให้ความรู้สึกคึกคัก ร้อนแรง ...
ความหมายของชื่อแบรนด์ Muji จริง ๆ แล้วมีความหมายว่า “ไม่มีแบรนด์” ซึ่งสะท้อนถึงความไม่ยึดติด พอเพียง และเรียบง่าย ตามสไตล์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสไตล์การแต่งตัว เพราะหลายแบรนด์เลือกแข่งขันกันทำเสื้อผ้าสีสันสดใส แต่มูจิ กลับเลือกคอนเซ็ปต์สินค้าไปในแบบพอเพียง เรียบง่ายสไตล์มินิมอล