ย้อนรอยเส้นทางกว่าที่เจ้า Snoopy จะมาโลดแล่นบนหน้าปัดนาฬิกา Omega
Share
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับตัวการ์ตูนดังอย่างเจ้าหมาบีเกิ้ลตัวสีขาวอย่าง Snoopy ที่โลดแล่นอยู่ในจอทีวีและภาพยนตร์มาเนิ่นนาน แต่ในตอนนี้มันจะไม่ได้อยู่แค่ในจอแก้วอีกต่อไปแล้ว เพราะเจ้าหมาน้อยตัวนี้ยังได้กระโดดเข้ามาอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาของ Omega อีกด้วย พอถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเจ้านี่ถึงมาอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาได้ล่ะ วันนี้ MOVER มีคำตอบมาให้ครับ
#1 | The Story Begins
เรื่องราวทั้งหมดของ นาฬิกา Snoopy นั้นมันเริ่มต้นในปี 1968 หลังจากโครงการ Mercury และ Gemini ได้จบลง ทางนาซ่าเองต้องการที่จะทำการให้รางวัลเพื่อเป็นการยกย่องบุคลากรของทั้งนาซ่าเองและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโครงการสำรวจที่ได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจและทำงานกันอย่างเต็มที่และหนักหน่วงเพื่อที่จะทำให้การสำรวจอวกาศเป็นไปได้ด้วยดีและประสบผลสำเร็จ ทางนาซ่าเองต้องการให้ของขวัญที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนรู้จักหรือเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ๆ ทีมงานคนหนึ่งจึงได้เสนอให้ใช้เจ้า Snoopy นี่แหละ
แต่ต้องไม่ใช่เวอร์ชั่นธรรมดา ๆ นะเพราะงานใหญ่ทั้งทีก็ต้องเป็น Snoopy ที่สวมชุดอวกาศ! และผู้ที่สร้างเจ้า Snoopy อย่างคุณ Charles M. Schulz ก็เห็นชอบด้วย จึงได้ทำการวาดเวอร์ชั่นพิเศษที่เรียกว่า “ Snoopy the Astronaut ” ออกมาเพื่อที่จะให้นาซ่าเอาไปทำเป็นแม่พิมพ์ทำเข็มที่ติดเสื้อที่หลอมมาจากเหรียญเงิน เพื่อที่จะนำเข็มนี้ไปติดกับประกาศนียบัตร และได้ตั้งชื่อรางวัลนี้ว่า “ Silver Snoopy Award ” นั่นเอง
#2 | When Snoopy Meets Omega
ต้องเล่าย้อนไปในภารกิจการสำรวจอวกาศ The Apollo 13 ในขณะที่ยานกำลังจะเข้าสู่ดวงจันทร์ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น นั่นคือยานได้รับความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุจนทำให้นักบินอวกาศทั้ง 3 คนตกอยู่ในอันตราย ทางนาซ่าจึงได้แนะนำให้ทั้ง 3 คนนั้นเข้าไปอยู่ในยานลูนาร์โมดูลที่จะใช้ลงดวงจันทร์แทน วินาทีนั้นคือช่วงวิกฤตของนักบินทั้ง 3 คนโดยแท้จริงเพราะยานลูนาร์โมดูลนั้นไม่ใช่ยานที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถกลับโลกได้ ทางทีมงานภาคพื้นดินจึงได้คิดหาวิธีการที่จะพา 3 คนนั้นกลับมายังโลกให้ได้ และก็คิดออกนั่นคือการใช้วิธีกลับโลกด้วยการใช้แรงเหวี่ยงจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์นั่นเอง
แต่นักบินต้องเป็นคนที่กะเวลาของการเอง ซึ่งนาฬิกาที่ใช้จับเวลาในตอนนั้นก็คือ นาฬิกา Omega Speedmaster นั่นเองเพื่อให้พอดีกับการคำนวณจากทีมงานของภาคพื้นดิน เพื่อที่จะจุดระเบิดเครื่องยนต์และบังคับยานให้ลงจอดในมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างปลอดภัย ซึ่งก็สามารถผ่านไปได้อย่างลุล่วง ถึงแม้ภารกิจร่อนลงบนดวงจันทร์จะล้มเหลว แต่นักบินอวกาศทั้ง 3 คนก็ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้เอง Omega จึงกลายเป็นส่วนสำคัญในการที่นักบินอวกาศใช้จับเวลานับถอยหลังเพื่อจุดระเบิดเครื่องยนต์ในการนำยานกลับเข้าสู่วงโคจรของโลกและนำพาไปสู่การกลับบ้านอย่างปลอดภัยของนักบินทั้ง 3 คนอีกด้วย เหตุการณ์นี้เองจึงทำให้ Omega ได้รับรางวัล Silver Snoopy Award ดังกล่าวข้างต้น อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ Omega เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่มีเจ้า Snoopy ปรากฎอยู่บนหน้าปัดและฝาหลังในเวลาต่อมา
#3 | Step to the Next Level
และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้เกิดนาฬิกาสนู้ปปี้รุ่นที่ 2 ที่ชื่อเรียกว่า Apollo 13 Silver Snoopy Award ซึ่งจะมีขอบสเกลจับเวลา 14 วินาทีในการนับถอยหลังเพื่อที่จะจุดระเบิดเครื่องยนต์อีกด้วย และเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ทำการผลิตออกมาเพียงแค่ 1970 เรือนเพียงเท่านั้น ซึ่งตรงตามปีที่ Omega ได้รับเลือกสำหรับให้รางวัล อีกทั้งยังเป็นปีที่ Apollo 13 ได้สิ้นสุดลงนั่นเอง ซึ่งราคาของเจ้าเรือนนี้อยู่ที่ประมาณ 200,000 กว่าบาท แต่ด้วยประวัติความเป็นมาอันน่าทึ่งนี้เอง จึงทำให้เจ้านาฬิกาเรือนนี้มีคุณค่ามากมายมหาศาลในการเก็บสะสมนั่นเอง