อุ่นเครื่องก่อนลงสนามด้วย 10 ชุดแข่งบอลโลกที่ดีที่สุดของปี 2018
Share
เริ่มแล้วนะครับ! สำหรับมหกรรมกีฬาที่มวลมนุษย์ผู้ชายเกือบทั่วโลกให้การรอคอยมานานถึง 4 ปีนั่นก็คือศึก บอลโลก 2018 นั่นเองที่ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะเริ่มฟาดแข้งกันแล้ว โดยทุกครั้งที่งานใหญ่แบบนี้จัดขึ้นแฟนบอลหลาย ๆ คนนอกจากจะติดตามเรื่องของการติดตามผู้เล่นแต่ละทีมชาติที่ผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาแล้ว เรื่องของ “ชุดแข่ง” ก็นับเป็นอีกสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจไม่แพ้เรื่องอื่นเลยทีเดียว เพราะในทุกปีที่จัดบอลโลกขึ้น ชุดแข่งของแต่ทีมชาติก็จะมีการออกแบบลวดลายใหม่อยู่เสมอ ไม่ต่างจากเสื้อผ้าแฟชั่นเลยทีเดียว ทำให้มีแฟนบอลอีกหลายคน ต่างชื่นชอบที่จะตามเก็บสะสมชุดแข่งในบอลโลกทุกครั้งที่จัดขึ้นด้วย
ดังนั้นเพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาสุดคลาสสิคแบบนี้ และเอาใจคอบอลชาว Mover ทุกคนที่รอคอยกันมานานถึง 4 ปี เรามี 10 ชุดแข่งที่หลายคนยกให้ว่าเป็นที่สุดของศึกปี 2018 ครั้งนี้มาฝากกัน โดยเป็นชุดแข่งของ10 ทีมชาติจาก 32 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบมา ส่วนจะมีทีมโปรดของใครบ้างหรือป่าวนั้น ตามมาส่องกันได้เลย!!
อันดับที่ 10 : ชุดแข่งทีมชาติไอซ์แลนด์ (ชุดเหย้า)
ทีมที่มาพร้อมฉายา นักรบน้ำแข็ง ที่ครั้งนี้สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยพวกเขามาพร้อมชุดแข่งภายใต้คอนเซ็ปท์ “Fire and Ice” ที่เป็นการออกแบบของแบรนด์ “Errea” ในการนำสีแดงและสีน้ำเงินมาผสมผสานกัน ให้เหมือนไฟและน้ำแข็งตามคอนเซ็ปท์การออกแบบ ซึ่งบริเวณแขนเสื้อจะมีการไล่เฉดสีแดงกับน้ำเงิน ทำให้ดูเป็นเอกลักษณ์และเด่นสวยงาม
อันดับที่ 9 : ชุดแข่งทีมชาติเยอรมัน (ชุดเหย้า)
ทีมแชมป์เก่า และเจ้าของผลงานแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง “อินทรีเหล็ก” ปีนี้ยังคงมาพร้อมชุดแข่งที่ดูดีเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิม โดยในคราวนี้มาในโทนสีสว่างเหมือนเช่นเคย แต่มีการนำเอาความคลาสสิกของโทนสีชุดแข่งของพวกเขาในยุค 1990 ปีที่พวกเขารุ่งเรืองคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ มาดีไซน์ต่อยอดผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีการออกแบบเสื้อผ้าชั้นนำของแบรนด์ Adidas ทำให้ออกมาเป็นชุดแข่งที่แฟน ๆ ทั่วโลกต่างหมายปองและต้องการหาซื้อไม่แพ้ชุดแข่งชาติอื่นเลย
อันดับที่ 8 : ชุดแข่งทีมชาติเดนมาร์ก (ชุดเหย้า)
นับเป็นปีที่เซอร์ไพร์พอสมควรสำหรับ “ทัพโคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก ที่ครั้งนี้แบรนด์เสื้อผ้า “Hummel” ออกแบบชุดแข่งได้อย่างเรียบง่าย ไม่เน้นดีไซน์อะไรมากมาย ซึ่งก็ค่อนข้างขัดกับภาพลักษณ์ของแบรนด์พอสมควรที่มักจะชอบออกแบบชุดแข่งให้กับทีมชาติเดนมาร์กในสำไตล์หวือหวาทุกปี แต่ถึงปีนี้จะมาในสไตล์เรียบง่าย ก็ยังแอบแฝงลูกเล่นด้วยการใส่ลวดลายลงไปบนเสื้อพอประมาณทำให้ชุดแข่งดูมีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน
อันดับที่ 7 : ชุดแข่งทีมชาติอังกฤษ (ชุดเหย้า)
มาต่อกันที่ทีมขวัญใจคนไทยอย่างทีมชาติอังกฤษกัน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ยังให้ทางแบรนด์ “Nike” เป็นผู้ออกแบบและผลิตชุดแข่งให้ สำหรับชุดแข่งของทัพสิงโตคำรามครั้งนี้มาในโทนสีขาวที่เรามักเห็นกันจนคุ้นตาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีการนำคอนเซ็ปท์ย้อนยุคตามเทรนด์แฟชั่นชุดแข่งในปีนี้มาเพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้ออกมาเป็นชุดแข่งที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีความน่าสนใจจากความคลาสสิกของการออกแบบจาก Nike ทำให้เป็นชุดแข่งทีมชาติอีกทีมที่น่าสะสมในปีนี้
อันดับที่ 6 : ชุดแข่งทีมชาติโคลอมเบีย (ชุดเหย้า)
หนึ่งในตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้อย่าง โคลอมเบีย ที่ครั้งนี้มาพร้อมชุดแข่งสีเหลืองนวล ที่ทาง Adidas ผู้ผลิตและออกแบบชุดแข่งทีมชาติในปีนี้ โดยการดีไซน์นั้นต้องการสื่อถึงยุค Golden era ของวงการฟุตบอลทัพ Los Cafeteros รวมไปถึงเอกลักษณ์ของชุดแข่งในบอลโลกปี 1990 มาผสมผสานเข้าไป พร้อมทั้งนำสีธงชาติโคลอมเบียมาตัดสลับที่แขนเสื้อ ทำให้ดูเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทีมมากยิ่งขึ้น
อันดับที่ 5 : ชุดแข่งทีมชาติญี่ปุ่น (ชุดเหย้า)
ปีนี้ขุนพลทัพ “บลูซามูไร” หรือทีมชาติญี่ปุ่นหนึ่งในตัวแทนของทีมชาติของทวีปเอเชีย สำหรับปีนี้พวกเขาก็มาพร้อมชุดแข่งภายใต้การดูแลผลิตและออกแบบของ Adidas ที่นำสีน้ำเงินที่เป็นสีประจำทีมชาติญี่ปุ่น มาแต่งเติมลูกเล่นด้วยลวดลายซิกแซก จนทำให้กลายเป็นชุดแข่งที่สื่อกีฬาหลายสำนักต่างยกย่องว่า เป็นชุดแข่งที่ดูลงตัว สวยงามเป็นอันดับต้น ๆ ของชุดแข่งทีมชาติทั้งหมด และยังเป็นชุดแข่งที่สามารถนำใส่ไปเดินเล่นห้าง หรือโอกาสอื่น ๆ ก็ได้แบบไม่เขินอายอีกด้วย
อันดับที่ 4 : ชุดแข่งทีมชาติฝรั่งเศส (ชุดเหย้า)
อีกหนึ่งทีมชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก Nike เป็นชุดแข่งสไตล์ย้อนยุคไปยังสมัยฟุตบอลยูโรปี 1984 ที่เน้นความเรียบง่าย พร้อมทั้งนำลวดลายลูกเต๋าบริเวณหน้าอก มาใส่ในชุดแข่งปีนี้ ทำให้ชุดแข่งดูโดดเด่น ดุดัน แต่แฝงไปด้วยความเรียบง่าย และเมื่อผสมผสานเข้ากับสีของธงชาติ ที่ทาง Nike ผู้ออกแบบนำมาใส่ไว้บริเวณคอเสื้อด้านหลัง และตัดเส้นด้วยสีดำ ทำให้ชุดแข่งออกมาดูลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อันดับที่ 3 : ชุดแข่งทีมชาติบราซิล (ชุดเหย้า)
เป็นอีกหนึ่งทีมขวัญใจแฟนบอลไทยกับทีมชาติบราซิล โดยในปีนี้ทาง Nike ได้รับสิทธิ์ในการออกแบบและผลิตชุดแข่งให้ทัพเซเรเซา แซมบ้า ซึ่งมาในคอนเซ็ปท์เหมือนชุดแข่งทีมชาติอื่น ๆ ที่นำเอาความคลาสสิกของชุดแข่งของทีมตัวเองในอดีตมาผสมผสานกับความทันสมัย และปีนี้ทาง Nike ก็ได้เลือกใช้ชุดแข่งของทีมชาติบราซิลปี 1950 ในนัดชิงชนะเลิศกับอุรุกวัย มาเป็นคอนเซ็ปท์ในการออกแบบ ที่ยังคงใช้แพทเทินการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมชาติบราซิล คือสีเหลืองตัดสีเขียว มาเป็นหัวใจหลักของชุดนี้ ทำให้ได้ชุดแข่งที่คงความเป็นบราซิล แต่แฝงกลิ่นอายย้อนยุค ทำให้กลายเป็นชุดแข่งแบบไร้กาลเวลา
อันดับที่ 2 : ชุดแข่งทีมชาติเบลเยี่ยม (ชุดเหย้า)
มากันที่ชุดแข่งของทีมชาติไฟแรงอย่างทีมชาติเบลเยี่ยม ที่ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ มีดาวรุ่งและซุปเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลเกิดขึ้นมากมายที่นี้ โดยครั้งนี้ทาง Adidas ได้เลือกใช้ชุดแข่งในศึกยูโรปี 1984 มาเป็นไอเดียต่อยอดออกแบบชุดแข่งให้กับเบลเยี่ยม ซึ่งดึงเอกลักษณ์ลวดลายแพนเทรินแบบ Argyle มาใส่คาดอกบนชุดแข่งในปีนี้ ทำให้กลายเป็นชุดแข่งที่ดูมีพลัง พร้อมเจอทีมคู่แข่งในกรุ้ปอย่าง อังกฤษ, ตูนิเซีย และปานามา
อันดับที่ 1 : ชุดแข่งทีมชาติไนจีเรีย (ชุดเหย้า)
กลายเป็นชุดแข่งม้ามืด ที่สื่อกีฬาเจ้าดังหลายสำนักในยุโรปต่างยกให้เป็นชุดแข่งที่มีความเอกลักษณ์ แฟชั่นไม่เหมือนใคร จนทาง Nike เจ้าของงานออกแบบต้องรีบวางจำหน่าย เพื่อโกยรายได้ทันทีที่เปิดตัว โดยทาง Nike ได้เลือกใช้สีเขียวซึ่งสีประจำทีมชาติไนจีเรียมาปรับเฉดสีใหม่ให้ดูทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงกลิ่นอายชุดแข่งในยุคปี 1994 ของพวกเขามาผสมผสานกัน เสริมด้วยลวดลายซิกแซกแซมด้วยสีดำและขาว ทำให้กลายเป็นชุดแข่งที่เด่นไม่ซ้ำใคร และมีความเป็นเอกลักษณ์ของทีมอินทรีมรกตไนจีเรีย