‘Old School Shaving’ วิธีโกนหนวด สไตล์วินเทจ ฉบับสุภาพบุรุษยุค 1900s
Share
การ โกนหนวด แบบ close shave โดยใช้ใบมีดคมกริบ ศิลปะ Old School Shaving เสน่ห์ความพิถีพิถันที่สื่อถึงความเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงกำลังเลือนหายไปในปัจจุบัน ซึ่งผู้ชายยุคใหม่น้อยคนจะได้สัมผัสกับสุนทรีย์และความเรียบลื่นของการ grooming ระดับโปรที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมือนกับยก Barber Shop สไตล์อังกฤษมาไว้ในบ้าน
วันนี้ Mover เลยขอนำเอาศิลปะของการโกนหนวดมาฝากกัน ทั้งอุปกรณ์และขั้นตอนต่าง ๆ แบบจัดเต็ม ที่รับรองว่าจะทำให้ผู้ชายในยุคเร่งรีบนี้ อยากลองผันตัวไปเป็นสุภาพบุรุษยุคเก่ากันอย่างแน่นอน
Tools
1 Safety Razor
การจะได้หน้าที่เรียบลื่นแบบสุภาพบุรุษในหนัง ต้องเริ่มต้นพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์! ซึ่งในปัจจุบันชื่อของ Safty Razor อาจไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก ซึ่งมีดโกนอันนี้ก็มีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับมีดโกนด้ามพลาสติกในสมัยนี้ ที่มีด้ามจัดและด้านใบมีด แต่ความพิเศษของมันก็คือการใช้ใบมีดแบบที่เราใช้ทำการทดลองในห้องแล็ปนั่นล่ะ สอดเข้าไปตรงช่องสอดมีด ที่ด้ามคมจะโผล่พ้นออกมาด้านนอกแท่นใส่เพื่อใช้โกนหนวดนั่นเอง ซึ่งเมื่อคุณรู้สึกว่ามีดทู่แล้วก็สามารถเปลี่ยนได้บ่อยตามต้องการโดยไม่ต้องเสียดายเงินมาก เพราะราคาไม่แพง และความคมที่กำหนดได้เองนี้ยังจะทำให้การโกนหนวดแบบ Close Shave ทำได้นุ่มนวล เรียบลื่น และที่สำคัญคือละเอียดขึ้นด้วย
2 Straight Razor
จริง ๆ แล้วการโกนหนวดก็ถือได้ว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งเลยทีเดียว เพราะมีขั้นตอน อาศัยฝีมือสูง ยิ่งถ้าโกนกับใบมีดหรือ Straight Razor ที่ใช้ในสมัยก่อนด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องใช้ความละเอียดให้มากยิ่งกว่าการใช้มีดโกนแบบด้ามในปัจจุบัน แต่ก็ให้ความเนี้ยบและความฟินแบบ Old School ได้ดีเยี่ยม ซึ่ง Blade แต่ละอันก็มีหลายแบบ ทั้งรูปทรงการจับ ความคม และลักษณะการโกนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องลองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจออันที่ใช่ครับ ใครที่มาสายสุนทรีย์และชื่นชอบอารมณ์วินเทจ ห้ามพลาด!
3 Shaving Brush
เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่ง Shaving Brush นี้นอกจากจะใช้สำหรับตีโฟมโฟมโกนหนวดแล้ว เวลานำมาทาหน้าก่อนโกนจะทำให้ตัวโฟมเข้าไปแทรกระหว่างเส้นขนได้แบบเส้นต่อเส้น ทำให้โกนหนวดได้ดีและเรียบลื่นขึ้นกว่าเดิม และเคล็ดลับของมันก็คือเป็นขนแปรงที่ทำมาจากขนสัตว์ 2 ชนิด ได้แก่ หมูป่าและแบดเจอร์ แต่ขนของหมูป่าจะแข็งและอุ้มน้ำได้น้อยกว่าขนของแบดเจอร์ และราคาก็ถูกกว่าอีกเช่นกัน แต่ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์การโกนหนวดแบบฟิน ๆ แนะนำให้ตัดใจซื้อแปรงที่ทำจากขนของแบดเจอร์เลย
4 Shaving Soap & Cream
มาถึงตัวตำกำเนิดโฟมหนานุ่มแบบคลาสสิคสไตล์กันบ้าง Shaving Soap จะเป็นก้อนแข็ง มาพร้อมกับกระดาษห่อ หรือตลับ และ Shaving Cream ที่เป็นที่ความนิยมมากกว่า เพราะตีฟองได้ง่ายกว่า ทำให้เหมาะกับสาย Old School มือใหม่
5 Lathering Bowl
ถ้วยสำหรับตีโฟม
6 Straight Razor Strop
สายหนังลับมีด Straight razor
Steps of Old School Shaving
ลองเปลี่ยนการโกนหนวดธรรมดาสุดรวดเร็ว มาเป็นการโกนแบบพิถีพิถันรับเช้าวันใหม่กับ Old School Shaving ฉบับปี 1900s ที่หลายคนขนานนามมันว่า ritual หรือพิธีกรรมอย่างนึงเลยก็ว่าได้ เพราะต้องการความละเอียด เวลา และฝีมือ แถมยังต้องมีอุปกรณ์สุดเนี้ยบ ถ้าจะให้ได้ครบเซ็ทโกนแบบราชาก็จะประกอบไปด้วย Straight Razor, Shaving Brush, Shaving Cream หรือ Soap, ถ้วยผสม, Pre-shave Oil, Aftershave, และเส้นหนังลีบใบมีดโกน ซึ่งทั้งหมดก็ถือเป็นศิลปะที่มีเสน่ห์แขนงหนึ่งเลยทีเดียว ในชีวิตลูกผู้ชายคนหนึ่ง อยากให้ลองดูสักครั้งครับ
1 Skin prep
มีคนจำนวนไม่มากที่จะเห็นความสำคัญของการ “เตรียมผิว” ก่อนการโกนหนวด ซึ่งจุดประสงค์ของขั้นตอนนี้ก็คือทำให้เส้นขนนุ่มขึ้น เพื่อให้โกนได้ง่ายและไม่ระคายเคืองผิว ดังนั้นการโกนหนวดหลังอาบน้ำอุ่นจึงเป็นวิธีเตรียมผิวที่ดีที่สุด เพราะนอกจากความร้อนจากน้ำจะทำให้เส้นขนนุ่มแล้ว ยังทำให้ผิวชุ่มชื่นอีกด้วย หรือจะใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำร้อน บิดหมาด วางลงบนใบหน้าบริเวณที่จะโกนก็ช่วยได้เหมือนกัน
แต่ถ้าคุณต้องการวิธีที่รวบรัดกว่านี้ การใช้ pre-shave oil หรือ conditioner ก็สามารถช่วยให้เส้นขนนุ่มขึ้นได้ลึกถึงรูขุมขนเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ pre-shave เหล่านี้จะมีความสามารถเป็น primer และเพิ่มความลื่นให้กับผิวเพื่อการ close shave ที่เรียบลื่นแล้ว ยังช่วยลดการเกิดตุ่มหนังไก่และขนคุดได้อีกด้วย
2 Lather up
ขอเรียกง่าย ๆ ว่า “การตีโฟม” แล้วกันครับ เริ่มต้นที่แปรงที่เปียกน้ำกำลังดี
ถ้าใช้ Shaving Soap ก็สามารถนำแปรงลงไปถูวนในตัวสบู่ได้เลย ซึ่งจะเสร็จเรียบร้อยเมื่อปลายแปรงจับตัวเข้าด้วยกันกับฟองแล้ว จากนั้นก็เอาลงมาผสมน้ำพอประมาณแล้วถูวนต่อในถ้วยผสมจนเนื้อฟองกลายเป็นเนื้อโฟมหนานุ่ม
สำหรับ Shaving Cream นั้น ให้ใช้โฟมปริมาณเท่ากับเมล็ดอัลมอนด์ ใส่ถ้วยแล้วตีโฟมก่อน จากนั้นค่อย ๆ ใส่น้ำแล้วถูวนจนกลายเป็นเนื้อโฟมหนานุ่ม ซึ่งถ้าคุณยังเห็นฟองอยู่นั่นแปลว่าคุณใส่น้ำมากและเร็วเกินไป ให้ตีจนกว่าจะได้เนื้อโฟมเนียน
จริง ๆ แล้วการตีโฟมนี้สามารถทำได้ 3 แบบด้วยกันคือ ตีโฟมในถ้วย บนผ่ามือ หรือบนหน้าโดยตรง โดยการตีโฟมบนหน้านี้ ก็เริ่มต้นจากการโหลดโฟมหรือสบู่ลงบนแปรงให้พร้อม จากนั้นถูลงบนใบหน้า ซึ่งมี 2 ลักษณะคือ ถูตรง ๆ ซ้าย-ขวา ขึ้น-ลง และถูแบบวนเป็นวงกลม ซึ่งขั้นตอน Lather up เหล่านี้อาจดูเหมือนใช้เวลานาน แต่ถ้าทำจนชำนาญแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น
3 Shave
หลังจากเตรียมผิวและตีโฟมเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของการทาโฟมลงบนผิว โดยคุณสามารถใช้แปรงทาลงไปได้เลย
ซึ่งการโกนแบบ Old school นี้ จะใช้ใบมีดแบบ Straight razor โดยจับให้เหมือนในภาพจะทำให้ควบคุมองศาและการโกนได้ดีกว่า
ในการโกนให้ใช้มืออีกข้างที่ไม่ถนัด ดึงหนังให้ตึงเพื่อให้โกนได้ง่าย จากนั้นตั้งมีดโกนทำองศา 30 องศาจากผิวหน้า แล้วโกนด้านเดียวกับเส้นขน โดยกดน้ำหนักลงเล็กน้อยเพื่อให้โกนได้เรียบเนียน แต่อย่ามากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ในส่วนของคางให้ระวังเป็นพิเศษเพราะเป็นผิวอ่อนและมีโอกาสโดนบาดได้สูง เวลาโกนให้ทำผิวให้ตึงและโกนไปในแนวตามภาพ
4 Post Shave
จบขั้นตอนการโกนหนวดด้วยการล้างหน้ากับน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน จากนั้นทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อประโลมและรีเฟรชผิว และปิดท้ายด้วยครีม aftershave ที่ช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการโกน หลีกเลี่ยงการใช้บาล์มหรือโฟม aftershave ที่เป็น alcohol-based เพราะจะทำให้ผิวแห้ง
Clean Your Shaving Brush
1 ล้าง & ตาก
ในการล้างทำความสะอาด Shaving Brush นี้ แค่ล้างกับน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว จากนั้นจะสะบัดเบา ๆ เพื่อไล่น้ำส่วนเกิน หรือจะซับด้วยผ้าเช็ดตัวก็ได้ จากนั้นตากให้แห้งในที่ ๆ อากาศถ่ายเท ซึ่งเราแนะนำว่าให้วิธีการแขวนแปรงให้ห้อยหัวลงจะดีที่สุด โดยส่วนมากแล้วคุณได้ได้ที่แขวนแปรงมาพร้อมกับแปรงเลย
2 แช่ทำความสะอาด
เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก ผสมน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:5 แล้วแช่แปรงไว้ประมาณ 5-7 นาทีแล้วล้างออก และเนื่องจากขนแปรงทำมาจากขนสัตว์ ซึ่งก็เหมือนกับผมของเรานี่แหละ ควรลงโฟมนวดผมเพื่อไม่ให้ขนแปรงแห้งเสียด้วย