Type to search

Interview

Interview: เผยแนวคิดสุดสปอร์ตของ “แชมป์ – วิทวัส ชินบารมี” ทายาทกิจการนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์สุดหรูของเมืองไทย

Share

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับรถซูปเปอร์คาร์สุดเท่อย่าง McLaren 720s ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนตร์ที่ล้ำที่สุดในขณะนี้ โดยทางผู้ผลิตได้ติดตั้งเทคโนโลยีรุ่นใหม่ของรถยนต์ฟอร์มูล่า-1 อย่าง McLaren Brake Steer ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความเฉียบคมในการขับขี่ ทำให้ McLaren 720s สามารถหยุดรถจากความเร็ว 200 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาทีเท่านั้น และในขณะนี้ก็ได้จัดจำหน่ายอยู่เป็นทางการผ่านดีลเลอร์อย่าง Niche Cars ที่ในคราวนี้ได้กลับมาทำตลาดรถหรูอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง

แต่ในวันนี้เราไม่ได้มาเพื่อพูดถึงเจ้ารถสปอร์ตสุดหรูคันนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะ MOVER ยังได้มีโอกาสมาพูดคุยกับคุณวิทวัส ชินบารมี หรือ “แชมป์” กรรมการผู้จัดการและทายาทบริษัทนำเข้ารถหรูหลากหลายแบรนด์รวมถึง McLaren อย่าง นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ที่จะมาเปิดเผยแง่มุมดี ๆ ทั้งในการทำธุรกิจและไลฟ์สไตล์ในแบบสปอร์ต ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

#1 | ก่อนอื่นช่วยแนะนำแบรนด์ McLaren ให้ชาว MOVER ได้รู้จักกันมากขึ้นอีกสักหน่อยครับ

ต้องขออธิบายก่อนนะครับว่า McLaren นั้นจะแบ่งรุ่นรถออกเป็นทั้งหมด 3 คลาสก็คือ Sport Series หรือรุ่นที่เล็กที่สุดก็จะมี 540 กับ 570s ถัดมาก็จะเป็นรุ่น Super Series ซึ่งก็จะเป็นรุ่น 720s ตัวนี้นี่แหละ ณ ปัจจุบันถือว่าเป็นคันแรกในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ส่วนคลาสสุดท้ายก็จะเป็น Ultimate Series หรือ P1 ครับ

#2 | อะไรคือความแตกต่างระหว่งการซื้อรถจาก Niche Cars กับการซื้อรถแบบจดประกอบ?

ผมต้องบอกก่อนว่ารถยนตร์นั้นไม่เหมือนกับพวกเพรชหรือเครื่องประดับอื่น ๆ เพราะเมื่อซื้อแล้วมันก็ต้องการการดูแลรักษา เพราะฉะนั้นถ้าซื้อกับดีลเลอร์อย่างเรานั้นก็จะได้ในเรื่องของ Service ที่มีความมืออาชีพถูกเทรนด์จากเมืองนอกทั้งหมด เพราะรถพวกนี้เมื่อมันมี Performance สูงนั้นก็จะไม่สามารถไปซ่อมบำรุงตามอู่ทั่ว ๆ ไปได้ และยังจะต้องมีเครื่องมือพิเศษต่าง ๆ ที่ทางเราก็ลงทุนไปเยอะพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณไปซื้อพวกรถจดประกอบก็จะไม่สามารถใช้เซอร์วิสตรงนี้ได้เหมือนซื้อกับดีลเลอร์ ส่วนถ้าพูดถึงรถจดประกอบนั้นผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่มีใครอยากที่จะเสี่ยงซื้อรถจดประกอบหรอกครับ เพราะว่ามันคือการเอาเข้ามาเป็นอะไหล่แล้วประกอบเอง ทำให้อาจจะไม่ได้แข็งแรงตามมาตราฐานของแบรนด์เมื่อเทียบกับซื้อกับดีลเลอร์ครับ

#3 | คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า “รวยอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องโง่ด้วย” ?

อย่างแรกผมอยากให้มองว่าทุกคนมีฝันและการซื้อรถซุปเปอร์คาร์ก็เป็นฝันของเขา อีกส่วนหนึ่งนั้นเงินที่พวกเขาเอามาซื้อซุปเปอร์คาร์นั้นส่วนหนึ่งก็กลายเป็นภาษีคืนให้กับประเทศ ซึ่งก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นก็ไม่ได้ต่างกับการซื้อของทั่ว ๆ ไปเหมือนกัน ดังนั้นที่บอกว่ารวยอย่างเดียวไม่ได้ต้องโง่ด้วยนั้นไม่จริงเลย ทุกคนมีความฝัน ทุกคนมี Passion ที่ต่างกันออกไป และยิ่งถ้าคุณได้ศึกษามันจริง ๆ ลงลึกไปกับมันคุณก็จะพบว่าแต่ละอย่างที่มันออกมามันต้องอาศัยสกิลที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมันก็เหมือนเป็นเฟอนิเจอร์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง บอกไลฟ์สไตล์ สร้างความสุขให้กับคุณได้ และที่สำคัญคือคนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ว่าเอาเงินสดมาซื้อ แต่เค้ามีการจัดไฟแนนซ์ก่อนซื้อ ดังนั้นเขาก็ถือว่านั่นคือกำไรชีวิตของเขา สรุปง่าย ๆ ว่าถ้าคุณมีเงินแล้วคุณชอบรถ แต่คุณไม่ซื้อรถที่คุณชอบ นั่นเท่ากับคุณขาดทุน เพราะมีเงินเยอะแค่ไหนตายไปก็เอาไปไม่ได้ แต่รถถ้าซื้อตอนนี้ก็ได้ขับตอนนี้เลย

#4 | ถ้าเปรียบเทียบตัวเองเป็นรถซูปเปอร์คาร์สักคัน จะเลือกเป็นคันไหน เพราะอะไร

ถ้าจะให้เปรียบเทียบจริง ๆ ก็คงจะเป็น McLaren ตัวนี้นี่แหละครับ เพราะว่าการทำงานของผมทุกวันนี้ก็พยายามทำให้ Performance ของผมมันเหมือนกับซุปเปอร์คาร์ ทุกอย่างจะต้องรวดเร็ว ว่องไว และที่สำคัญคือผมชอบอะไรที่ไม่เหมือนใครเลย อะไรก็ตามที่เป็นของแปลก ๆ อาจจะ Limited หรือไม่ก็ได้ ผมจะชอบให้ความสำคัญกับของพวกนี้มากกว่า ซึ่งก็เหมือนกับ McLaren ตรงที่ทุกวันนี้มันก็ยังเป็นซุปเปอร์คาร์ที่ในไทยยังมีจำนวนน้อยอยู่ ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหนคนก็จะไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งผมจะชอบแบบนี้มากกว่าการที่ไปไหนมาไหนแล้วก็เหมือนไปโหวกเหวกโวยวายว่าฉันขับคันนี้คันนั้นมา

#5 | ยังจำความรู้สึกที่ได้ขับรถคันแรกในชีวิตได้อยู่หรือเปล่า?

ต้องย้อนไปก่อนว่าผมเริ่มชอบรถตั้งแต่ที่คุณพ่อซื้อรถคันเล็ก ๆ แต่ว่ามีเกียร์มีระบบเหมือนรถจริงเลย ผมก็จะขับเล่นวนอยู่ในโชว์รูมคุณพ่อตั้งแต่ตอนนั้น แต่มาก็ได้ลองฝึกขับรถจริง ๆ กับ Honda Civic เกียร์ธรรมดาก่อน แล้วถึงขยับมาเป็นรถคันแรกของผมจริง ๆ นั่นก็คือ Lotus Elan ครับ ซึ่งความรู้สึกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย เพราะว่าอะไรก็ตามที่มีแรง G นั้นสำหรับผมมันค่อนข้างเพิ่มความสนุกและแปลกใหม่ รวมถึง Performance ต่าง ๆ ของพวกซุปเปอร์คาร์ก็ทำได้ดีกว่ารถปกติทั่วไปอยู่แล้ว มันเลยเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ

#6 | ระหว่าง Design กับ Performance อะไรที่มีส่วนในการตัดสินใจซื้อมากกว่ากัน?

สำหรับผมเป็นเรื่องของสมรรถนะในการขับมากกว่าครับ ต้องบอกก่อนว่ารถยนตร์มันให้ความรู้สึกและสามารถสื่อสารกับคนขับได้ อย่างรถที่สมรรถนะดี ๆ ก็สามารถสื่อให้คนขับรู้สึกปลอดภัย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นรถที่ไม่ได้มาตราฐานก็จะทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัยได้ ทั้งหมดนั้นเกิดจากการเซ็ตติ้งที่ดีพร้อมจากโรงงานซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่รถทุกคนควรจะมี แต่หลาย ๆ แบรนด์ทุกวันนี้ก็อาจจะมองข้ามตรงนี้ไปสักหน่อย ดังนั้นยังไงสมรรถนะก็ต้องมาก่อนดีไซน์ครับ

#7 | มาที่เรื่องการแต่งกันบ้าง คุณแชมป์มีไอเท็มที่ชอบหรือว่าสไตล์เสื้อผ้าที่แต่งบ่อย ๆ ไหม?

ก็มีสะสมพวกนาฬิกาบ้างครับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหรือแฟชั่นผมก็ไม่ได้ว่าจะต้องใส่ของแบรนด์อะไรนะครับ เน้นอะไรที่ใส่สบายแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวตนของผมองมากกว่า ปกติก็ไม่ได้ใส่สูทผูกเนกไทอะไรเลย ใส่เป็นเสื้อยืดกางเกงวอร์มแล้วก็รองเท้าผ้าใบสะพายเป้แบบคนทั่วไปนี่แหละครับ

#8 | อะไรคือความเหมือนและแตกต่างในการดูแลรถกับการดูแลผู้หญิง?

รถไม่มีความรู้สึกแต่ผู้หญิงมีครับ แน่นอนว่าเราก็แคร์คนจริง ๆ ที่มีความรู้สึกมีชีวิต มีจิตใจ มีทุกอย่างมากกว่า อย่างรถเราซื้อตอนนี้ขับตอนนี้ แต่ถ้าผมตายไปก็เอาไปไม่ได้ รถมันก็จัดงานศพให้ผมไม่ได้ แต่คนที่เรารักสามารถทำให้เราได้ แค่นี้ก็แตกต่างกันแล้วครับ

#9 | สุดท้ายนี้ MOVER อยากให้คุณแชมป์ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเองสักหน่อย

ก็อยากฝากถึงทุกคนที่อยากทำธุรกิจไม่ว่าจะเกี่ยวกับอะไรก็ตามนะครับ อย่าทำเพียงเพราะว่าแค่อยากแล้วก็ทำเลย เพราะการเป็นเจ้าของงธุรกิจนั้นใคร ๆ ก็อยากเป็นกันหมด แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ เพราะในระหว่างทางก็จะมีอุปสรรคอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งถ้าคุณไม่เตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับกับวิกฤติที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ซึ่งมันต้องเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้วไม่เร็วก็ช้า ดังนั้นข้อกฏหมายต่าง ๆ คุณต้องศึกษาให้ดี ความรู้พวกนี้มันได้ใช้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าคุณมีเวลาได้ลองศึกษาทุกอย่าง เห็นปัญหาในมุมต่าง ๆ ได้เริ่มจากการเป็นลูกจ้างคนอื่นก่อนก็จะยิ่งช่วยให้คุณพร้อมมากขึ้น ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณจะไปเจอในอนาคตเวลาที่เป็นเจ้าของกิจการ แต่ว่าได้รู้เอาไว้ผมว่าก็เป็นประโยชน์กับตัวเองเหมือนกัน วันนี้ไม่เจอ วันนี้ก็อาจจะต้องเจอ ยิ่งธุรกิจคุณโตขึ้นก็เหมือนกับการขี่หลังเสือจะไปต่อก็ยากจะลงก็ไม่ได้แล้ว ดังนั้นเราต้องทำตัวเองให้พร้อมเสมอครับ

ก่อนจากกันไป MOVER ขอฝากไว้สักเล็กน้อยว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือทำอะไร แต่ทุกคนมีสิทธิ์ฝัน ตราบใดที่ความฝันของคุณไม่ทำร้ายใคร ดังนั้นใครที่ต้องการครอบครองรถสปอร์ซุปเปอร์คาร์สักคัน อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวไปครับ หากคุณได้ลองพยายามอย่างที่สุดแล้ว ไม่แน่ในวันหนึ่งคุณอาจจะได้สิ่งนั้นทื่คุณต้องการก็เป็นได้


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags
waritto

it's not too late to MOVE forward.

  • 1