5 วิธี “อัพเงินเดือน” ให้ถึงหกหลักก่อนอายุจะเลยเลขสาม
Share
“เงิน” ถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิต และสำหรับบางคนเงินก็เป็นมากกว่านั้น อาจจะหมายถึงเป้าหมายของชีวิตเลยก็ได้ การอัพฐานเงินเดือนของตัวเองประกอบด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง
ในวันนี้ Mover จะขอนำเสนอวิธีการที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถปรับฐานเงินเดือนของตัวเองให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด และวิธีการเหล่านี้ไม่สำคัญว่าคุณจะอายุเท่าไร ขอเพียงคุณได้เริ่มลงมือทำ การที่คุณได้รับการ อัพเงินเดือน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เราไปทำความรู้จักกับวิธี “อัพเงินเดือน” กันเลย
#Step 1 | สำรวจองค์กรของตัวเองก่อน
องค์กร หรือหน่วยงานที่คุณอยู่ คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า เขาต้องการคนที่มีศักยภาพด้านไหน ศักยภาพด้านไหนที่องค์กรกำลังขาดหาย คุณต้องเป็นจิ๊กจอส่วนที่ขาดนั้นให้จงได้ แสดงให้หัวหน้างานของคุณเห็นว่าคุณสามารถทำสิ่งที่เขามอบหมายไว้ได้ดีกว่าที่เขาได้มอบหมายไว้ให้คุณทำ แต่ก่อนอื่นเลยสิ่งที่คุณควรจะมองให้ออกว่าหน่วยงานของคุณเป็นอยางไรคือ หัวหน้างาน รองหัวหน้างานของคุณเงินเดือนเท่าไร ขนาดองค์กรเป็นแบบไหน คุณมีสิทธิ์ที่จะก้าวไปถึงตำแหน่งที่หัวหน้าคุณอยู่ได้ในเวลากี่ปี คุณเก่งกว่าเขาใช่ไหม ที่สำคัญที่สุด องค์กรนี้ใหญ่พอที่จะให้เงินเดือนในระดับที่คุณต้องการใช่ไหม
ถ้าทั้งหมดนี้คำตอบคือใช่ คุณเก่งกว่า ฉลาดกว่าหัวหน้างานของคุณ คุณก็ลุยเลยองค์กรนี้คือที่ๆใช่สำหรับคุณ แต่ถ้าองค์กรไม่ใหญ่มากพอ หรือคุณดูแล้วการเติบโตทางหน้าที่การงานมันยาก คุณควรที่ย้ายการทำงานของคุณไปในองค์กรหรือหน่วยงานที่ดีกว่า อาจจะไม่ใช่ย้ายบริษัทแต่อาจเป็นการย้ายแผนกของคณจากแผนกเดิม ไปยังแผนกที่มีสิทธิ์ที่จะเติมโตทางหน้าที่การงานมากกว่า ส่วนถ้าหัวหน้างานเก่งกว่าคุณ อันนี้ไม่ต้องไปสนใจ เพราะความเก่งมันตามกันทันได้ และนี่เป็นปัจจัยที่คุณสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง มันอาจจะฟังดูเสี่ยงสักหน่อยสำหรับการย้ายงาน หรือย้ายแผนก แต่ถ้าคุณต้องการเงินเดือนหลักแสน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไมไ่ด้ที่คุณจะต้องก้าวหาความเสี่ยงนั้นก่อน
#Step 2 | Push yourself
Push yourself หรือการผลักดันตัวเองให้เป็นคนที่ดีกว่า เป็นคนที่คู่ควรกว่า เหมาะสมกว่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการรับผิดชอบงานใหญ่ๆได้มากขึ้น ถ้าสามารถทำให้คนอื่นไว้ใจที่จะมอบหมายงานใหญ่ ๆให้คุณ แต่คุณไม่มีศักยภาพในการทำงานนั้นให้สำเร็จลุล่วง ผู้มอบหมายงานให้คุณเขาคงจะไม่กล้ามอบหมายงานให้คุณอีกแน่ ๆ ทั้งนี้การผลักดันตัวเองนั้นรวมไปถึงการฝึกภาษาด้วย ในปัจจุบัน 2 ภาษาคงไม่พอแล้วสำหรับการที่คุณต้องการเงินเดือนมากมายขนาดนั้น เพราะเริ่มมีคนมากมายขึ้นที่สามารถใช้ 2 ภาษาได้ แต่ถ้าคุณสามารถพูดภาษาจีน ญี่ปุ่น หรือภาษาในอาเซียน ประเทศเหล่านี้มีการมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
และถ้าประเทศเหล่านี้ติดต่อองค์กรของคุณ คุณก็คงจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่จะได้ไปสนทนากับเขา ดีไม่ดีขายงานต่างชาติได้ ได้ค่าคอมมิชชั่นมาอีก แค่คิดก็น่าสนใจมากแล้วใช่ไหมละ ในปัจจุบันค่าคอมมิชชั่นกับการติดต่อซื้อขายกับต่างชาติสูงมากซะด้วย นอกจากเรื่องภาษาแล้วความรู้เกี่ยวกับงานของคุณ คุณก็ต้องศึกษาให้รู้อย่างถ่องแท้ รู้สิ่งนั้นแล้วไปให้สุดสายของมัน ให้คนอื่นรับรู้ว่าคุณน่ะเป็นผู้รู้เรื่องนี้มากที่สุดแล้วในองค์กร ร่วมไปถึงการศึกษาต่อในด้านนั้นๆควบคู่ไปกับการทำงานด้วยยิ่งจะดีมาก ๆ เพราะในประเทศไทย กระดาษที่ใช้ยืนยันนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นเครื่องรับประกันความรู้ของคุณ
#Step 3 | Prove yourself
หลังจากที่เรามีความสามารถมากพอเราก็ต้องพิสูจน์จากผลงานให้คนอื่นๆได้เห็น เพื่อให้เขากล้าที่จะมอบตำแหน่งใหญ่ๆให้แก่เราได้ และตำแหน่งใหญ่ๆก็จะนำพาเงินเดือนที่สูงขึ้นให้เราเช่นกัน การพิสูจน์ตัวเองก็สามารถทำได้หลายๆทาง ทั้งทำงานที่ได้รับมอบหมายเดิมให้ดียิ่งๆขึ้นไป หรือเสนอตัวเพื่อรับงานที่นอกเหนือจากของตัวเอง
แต่ต้องระวังดี ๆ ในข้อนี้เพราะอาจจะทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณมองคุณด้วยสายตาแปลกๆได้ แต่ถ้าเราต้องการความก้าวหน้าแล้วละก็ เราก็ต้องบริหารส่วนเพื่อนร่วมงานให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะการที่มีเพื่อนร่วมงานมาสนับสนุนแนวคิดความคิดต่าง ๆ ของเรา หรือช่วยเหลือเราเวลาที่เราลำบาก และยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของทีมเวิร์คในตัวเรา ภาวะผู้นำในตัวเรา
#Step 4 | Advertise yourself to be
การโฆษณาตัวเอง คือการนำเสนอตัวเองให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเรามีศักยภาพแบบไหน เราทำอะไรได้บ้าง สร้างความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานของเรา สร้างความกลัวเกรงให้กับคู่แข่งทางหน้าที่การงานของเรา การโฆษณาตัวเองในยุคสมัยที่มีคนมีความสามารถมากมายแบบนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากว่าเราเป็นคนเก่ง แต่ไม่มีใครเห็น แล้วใครจะกล้ามอบตำแหน่งสำคัญ ๆ ให้เรา มันก็เหมือนกับเราเอาแต่ปิดทองหลังพระเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เมื่อมีผลงานเราก็ควรที่จะกล้ารับผิด และรับชอบ จากงานที่เราได้ทำไป แต่การโฆษณาตัวเอง เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโฆษณาตัวเองให้เว่อเกินไป ขอเพียงให้คนที่รับฟังเราเขาเชื่อว่าเราสามารถทำได้จริงๆก็พอ ตัวอย่างการโฆษณาตัวเองที่เห็นได้ชัดก็คือการจัดโปรไฟล์ของตัวเรา หรือตัวเรซูเม่ของเรานั้นเอง แต่พอคนอื่นรู้ หรือเชื่อว่าเราสามารถทำอะไรได้ เรามีศักยภาพมากแค่ไหน ก็อย่าลืมที่จะอ่อนน้อมถ่อมตน ทำตัวให้น่าคบหาเข้าถึงง่าย และเป็นที่รักต่อเพื่อนร่วมงานด้วย
#Step 5 | Timing and opportunity
ทั้งหมดข้างต้นคือปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้ แต่ขั้นตอนจังหวะเวลา และโอกาสไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถสร้างขึ้นมาด้วยได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่เชิงว่าเราไม่สามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ซะทีเดียว ตัวอย่างเช่นถ้าตัวองค์กรของคุณต้องการคนที่จะมาซื้อสินค้าตัวนี้ ถ้าหากคุณเป็นคนที่กว้างขางสักหน่อย รู้จักคนมากมาย มีคนรู้จักที่เขาต้องการสินค้าตัวนี้พอดี ก็จะได้นำเสนอสินค้าตัวนี้ให้กับเขาดู ถ้าเขาต้องการที่จะซื้อมันพอดี มันก็เป็นโอกาสของคุณที่ได้สร้างผลงานต่อองค์กร
การเร่งอัพฐานเงินเดือนไม่ใช่เรื่องยากหากคุณเป็นคนที่มีความสามารถ และความสามารถ ก็สามารถสร้างได้ด้วยตัวคุณเอง มันเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ด้วยตัวคุณ อยู่ที่คุณจะเลือกแล้วละว่าจะทำงานชิลๆไปวันๆ ให้คนที่มาทีหลังคุณก้าวข้ามคุณไป หรือคุณจะเร่งพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะแซงหน้าคนที่มาก่อนคุณ และไม่ว่าคุณจะได้เงินเดือนสมดังหวังในวัยที่คุณกำหนดหรือไม่ อย่าลืมที่จะ “พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ” เพราะสิ่งนี้คือกุญแจที่สำคัญที่สุดของการทำงาน