Type to search

Grooming Tutorial

เหงื่อ.. คำแสลงของผู้ชาย แต่กลับกลายเป็นการขับน้ำที่มีประโยชน์กว่าที่คิด

Share

เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน ที่หลาย ๆ คนชอบแซวว่ามี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และ ร้อนมากที่สุด แม้จะเข้าหน้าฝนแล้ว ก็ยังไม่วาย ร้อนจัด สลับกับชื้น ๆ แฉะ ๆ ทุกปี พอร้อนจัด บวก ชื้น แบบนี้ภาพที่เห็นจนชินตาคือ เสื้อที่โชคไปด้วยเหงื่อ  หน้าที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำ  จนบางคน “เหงื่อหยดติ๋ง ๆ” จริง ๆ ดูแล้วก็เป็นภาพที่ไม่สบายตาเอาเสียเลย

วนมาก ในบางปีตายกันหลายร้อยคน  ส่วนมากก็จะเป็นผู้สูงอายุซึ่งอยู่ในที่ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ  พออากาศร้อนมากะทันหันไม่คุ้นเคย  เหงื่อออกไม่ทัน  ก็เลยตายเอาได้ง่ายๆ คนไทยเราไม่ค่อยเกิดเรื่องแบบที่ว่านี้ จะพบก็คือ หนาวตายมากกว่า…..ก็สลับกัน เพราะเราไม่คุ้นกับอากาศหนาวพออุณหภูมิอากาศลดลงเร็ว ๆ เราปรับตัวไม่ทัน  อุณหภูมิในตัวเราลดลง เราก็ตายได้

 ทำไมเหงื่อถึงเค็ม? 

ร่างกายเรามีต่อมเหงื่ออยู่ทั่วตัวนะครับ ประมาณกันว่ามีอยู่ราว ๆ 2-4 ล้านต่อม คนที่เหงื่อออกเก่ง ๆ นั้นออกได้หลายลิตรต่อชั่วโมง หรือ 10 กว่าลิตรต่อวันทีเดียว เวลาร้อนมาก ๆ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ เราจึงกระหายน้ำเป็นสัญญาณว่าร่างกายเราเริ่มขาดน้ำแล้ว  อีกอย่างที่เราจะรู้สึกก็คือ เหงื่อออกมาก ๆ เราจะเพลีย  อันนี้เป็นเพราะเราสูญเสีย “เกลือแร่” ไปกับเหงื่อมากนั่นเองครับ  เราทุกคนคงทราบดีเวลาเหงื่อเข้าปากจะรู้สึกเค็ม ๆ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะในเหงื่อนั้นมีเกลือแร่อยู่นะครับ  เกลือแร่ต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งจำเป็นกับร่างกาย เราจึงต้องคอย “เก็บ” เกลือแร่  ไม่ให้ขับออกไปทางปัสสาวะและทางเหงื่อมากจนเกินไป  ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของไตและต่อมเหงื่อ  พอเหงื่อออกน้อย ๆ เราเก็บเกลือแร่กลับได้ทันก็ไม่มีปัญหาอะไร  แต่พอเหงื่อออกมาก ๆ ออกเร็ว ๆ ต่อมเหงื่อเรารับมือไม่ไหว  ก็เลยสูญเสียเกลือแร่เป็นปริมาณมาก ๆ ได้……..เราก็เลยเพลีย  บางทีเราก็เลยต้องชดเชยด้วยการดื่มน้ำที่มีเกลือแร่เข้าไปเวลาออกกำลังกายหนัก ๆ ซึ่งก็จะพอช่วยได้นะครับ

 เหงื่อยิ่งออก ไขมันยิ่งลด? 

 

เหงื่อนั้นเป็นทางกำจัดสารหลาย ๆ อย่าง ด้วยนะครับ  โลหะและยารับประทานบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อรา  รวมทั้งยารักษามะเร็งบางตัว  จะถูกร่างกายขับทางเหงื่อ  แต่เหงื่อไม่ใช่ทางขับไขมันนะครับ  เรามักจะพบบ่อย ๆ เวลาไปออกกำลังกายตามฟิตเนสต่าง ๆ จะมีคนตัวอ้วน  ๆ มานั่งในห้องซาวน่า หรือในห้องสตรีม  เหงื่อแตกพลั่กอยู่เป็นครึ่งชั่วโมง ค่อนชั่วโมง  แต่ไม่ออกกำลังใด ๆ….สองปี สามปีผ่านไป  คนเหล่านี้ก็ยังคงนั่งในห้องซาวน่า และก็มีแต่จะอ้วนขึ้น ๆ นักมวยเขาใช้วิธีรีดเหงื่อเพื่อลดน้ำหนัก “ช่วงสั้น ๆ” ก่อนชั่งน้ำหนักครับ  พวกนั้นเขาน้ำหนักเกินเป็น “ขีด” พอเหงื่อออกน้ำหนักก็ลดลงอยู่ในพิกัด ชั่งน้ำหนักก็ผ่าน  ก็แน่ละครับเหงื่อออก 1 ลิตร น้ำหนักก็ย่อมลดไป 1 กิโล แต่พอชั่งน้ำหนักเสร็จดื่มน้ำเข้าไปใหม่ น้ำหนักก็ย่อมกลับมาเท่าเดิมนะครับ  เพราะฉะนั้นการทำให้เหงื่อออกไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก

 เหงื่อสาเหตุของกลิ่นตัว? 

อีกเรื่องหนึ่ง…  พอได้ยินคำว่าเหงื่อปั๊บ…หลาย ๆ ท่านก็มีคำว่า “กลิ่นตัว” ลอยมาทันที  ทุกท่านคงเคยเดินตามคนที่เหงื่อออกมาก ๆ หรือขึ้นรถเมล์ที่แน่น ๆ หรือเดินในตลาดนัดสวนจตุจักรตอนบ่ายวันอาทิตย์ที่ร้อนจัดนะครับ  คงไม่ต้องบรรยายว่ากลิ่นจากเหงื่อมนุษย์นั้นมันเป็นอย่างไร ความจริงเหงื่อที่ออกใหม่ ๆ นั้น ไม่มีกลิ่นนะครับ  ลองสังเกตดูสิครับ พอเราอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ บางทีจะมีเหงื่อออก แต่ตัวเราก็ไม่เหม็น หรือเวลาวิ่งรอบสวนลุม 2 รอบ เหงื่อท่วมตัว เราก็ยังไม่เหม็น  แต่พอนั่งไปสักพักหนึ่ง  ยิ่งถ้าเป็นพักใหญ่ ๆ ทานข้าวด้วย นั่งรถกลับบ้านด้วย จะสังเกตว่าเริ่มมีกลิ่นไม่ค่อยดี  อันนี้ก็เป็นเพราะบนผิวหนังเราจะมีแบคทีเรียอยู่ ซึ่งจะแปลงสารในเหงื่อบางอย่างทำให้มีกลิ่นขึ้นได้

ยิ่งในบางบริเวณ ไม่ต้องบอกก็คงทราบว่า คือ รักแร้ และในร่มผ้า ที่มีต่อมเหงื่อชนิดพิเศษนั้น… จะยิ่งมีกลิ่นได้มากกว่าบริเวณอื่น  สาเหตุหลักก็มาจากเจ้าแบคทีเรียที่ว่านี่แหละครับ  เพราะฉะนั้นถ้าไปพบแพทย์ก็อาจจะได้ยาฆ่าเชื้อมาทา  หรือได้รับคำแนะนำให้ใช้สบู่ที่มีสารบางอย่างที่ฆ่าแบคทีเรียได้  กลิ่นตัวก็จะลดลง  อีกส่วนที่ทำให้มีกลิ่นได้    คือ อาหารนะครับ  คนบางชาติที่เขารับประทานเนื้อแกะ  เนื้อแพะ  หรือชีสบางประเภทเป็นประจำนั้น  พอเข้ามาในห้องที่เราอยู่ ยิ่งถ้าเป็นสถานที่เล็ก ๆ  อย่าง ในลิฟต์ หรือรถไฟฟ้า ด้วย ยิ่งแย่ใหญ่  เราแทบจะกระโดดหนีนะครับ

 ร่องรอยหลังเหงื่อออก 

อีกโรคที่มากับเหงื่อ คือ กลากและเกลื้อนซึ่งเกิดจากเชื้อราคนละประเภทกัน  กลากนั้นชอบความชื้น ความแฉะ ความอับ เพราะฉะนั้นที่ไหนก็ตามที่มีความอับชื้นพอเหมาะ ราก็จะเจริญเติบโตทันที  เพราะฉะนั้นก็เลยพบบ่อยแถว ๆขาหนีบและฝ่าเท้ารวมทั้งซอกนิ้วเท้า ส่วนเชื้อเกลื้อนนั้นชอบความมัน เหงื่อ และความร้อน  และไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อจากภายนอก  แต่เป็นเชื้อที่อยู่บนผิวหนังคนทุกคน จะสะอาดแค่ไหนก็มีทั้งนั้น  ทีนี้พอเข้าหน้าร้อน เหงื่อออกมากขึ้น ผิวมันมากขึ้น เชื้อราก็ได้ใจ  เกิดผื่นเป็นดวง ๆขึ้น …. ส่วนมากเป็นที่หน้าอกและหลังครับ

ผื่นสุดท้ายที่มักจะเห่อหรือมีอาการมากขึ้นได้เวลาเหงื่อออกมากๆ คือ ผื่นภูมิแพ้-ผิวหนังอักเสบบางประเภท ทำให้บางคนชอบเรียกว่า “แพ้เหงื่อ” ซึ่งที่จริงเราไม่แพ้เหงื่อตัวเองหรอกนะครับ  แต่ผื่นลักษณะที่ว่านี้ ร้อนจัดก็เป็น  หนาวจัดก็เห่อ  แห้งมากก็คัน ชื้นมากก็ยุบยิบ ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ “ผื่นพุทธ” คือ ชอบทางสายกลาง  เหงื่อเองเป็นแค่ตัวกระตุ้นไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง

            ส่วนใครที่มีเหงื่อออกมากนั้น มีวิธีรักษาหลายอย่างนะครับ  ทั้งยาทา  ยารับประทาน  การใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ  การฉีดยาโบทูลินั่มท็อกซิน  การดูดไขมัน (และกำจัดต่อมเหงื่อ) ไปจนถึงการผ่าตัด  ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าเป็นแบบเฉพาะที่ (และเป็นตรงไหน) หรือเป็นแบบทั้งตัว และเป็นมาก เป็นน้อยแค่ไหน รบกวนต่อการดำรงชีวิตหรือไม่ครับ

โดย: ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์
ประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย 


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags