แนะนำ 3 ทริปเที่ยวใกล้เมืองกรุง ไปเช้าเย็นกลับได้แบบชิล ๆ
Share
เพราะบางครั้งชีวิตก็ต้องการความสงบแบบที่ในเมืองใหญ่ ๆ มอบให้เราไม่ได้ แต่จะให้ไปไหนไกล ๆ นั้นหน้าที่การงานก็ไม่เป็นใจให้ลาหยุดยาวได้ ดังนั้น One Day Trip แบบง่าย ๆ ที่ไม่ต้องเสียเวลามากมาย ไปใช้เย็นกลับได้แบบชิล ๆ ที่สำคัญได้ใช้เวลากับตัวเองได้มากขึ้นกว่าตอนอยู่ในเมืองอย่างไม่น่าเชื่อจึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนกรุงที่สุดแล้ว
วันนี้ MOVER จึงขอเสนอ 3 ทริปสุดชิลใกล้ ๆ กรุงเทพ ใว้พักผ่อนหย่อนใจจากปัญหาและความวุ่นวายต่าง ๆ รับรองว่าเป็นการชาร์จพลังชีวิตได้อย่างดี พร้อมกับไปลุยงานในวันต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน
#1 อยุธยา
หลายคนคงคิดว่าจังหวัดนี้จะมีแต่วัด วัด วัด และวัด ซึ่งก็จริงอย่างนั้นแหละครับ แต่! นอกจากวัดวาที่มีมากมายแล้ว อยุธยาก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ และสถานที่ที่น่าสนใจอีกไม่น้อยเลย ดังนั้นวันนี้เราจะมาเริ่ม #รีวิวอยุธยา เป็นทริปแรก ว่านอกเหนือจากวัดแล้วนั้นจังหวัดนี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง แบบที่ไม่จำเป็นต้องมีรถส่วนตัว เพราะทริปนี้เราใช้การเดินทางตั้งแต่รถไฟ เรือ ไปจนถึงปั่นจักรยาน รับรองว่ าใคร ๆ ก็ไปตามได้แน่นอน เริ่มจากการนั่งรถไฟที่สถานีรถไฟกรุงเทพเวลา 6.40 นาฬิกา เพราะจะได้มีเวลาเหลือเที่ยวได้ระหว่างวัน เป็นรถไฟชั้น 3 ขบวนที่ 135 ปลายทางสถานีอุบลราชธานี และมีขบวนรถขากลับให้เลือกหลากหลายเวลาตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงค่ำ ๆ
เมื่อผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ เราก็เดินทางมีถึงสถานนีอยุธยาจุดหมายของวันนี้ ซึ่งเราโชคดีมาก ๆ ที่อากาศกำลังดีไม่ร้อนเกินไป เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานรอบเขตเมืองได้แบบชิล ๆ เมื่ออกจากสถานนีเราจึงตัดสินใจว่าจะข้ามเรือไปยังโซนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สนนราคาค่าข้ามเรือคนละ 5 บาทเท่านั้น เมื่อข้ามมาได้จึงตัดสินใจเช่าจักรยานคันละ 50 บาทตลอดทั้งวันพร้อมแผนที่และเส้นทางแนะนำ หรือหากใครสนใจอยากเช่าเป็นมอเตอร์ไซต์แทนที่นี่ก็มีให้เลือกได้เช่นกัน
จากนั้นก็เริ่มไปที่เช็คอินแลกโดยการขับลัดเลาะซอยบ้านคนระแวกนั้นออกไปยังบริเวณวัดมหาธาตุ แต่เป้าหมายของเรายังไม่ใช่วัด เพราะในทริปนี้เราจะเน้นที่พิพิธภัณฑ์เป็นหลัก สถานที่แรกของเราจึงเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดแสดงวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ ที่พบภายกรุวัดพระมาหาธาตุและวัดราชบูรณะ ประกอบไปด้วยเครื่องทองต่าง ๆ และเสื้อผ้า ข้าวของ เครืองใช้ในสมัยโบราณถือเป็นสถานที่มีคุณค่าทางประวิตศาสตร์อย่างมาก
ถัดมาคือหอศิลป์แห่งชาติพระนครศรีอยุธยา ภายในจะจัดแสดงประวัติความเป็นมา รวมถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในย่านนี้ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งมีคำบรรยายให้เลือกหลากหลายภาษาเช่น ไทย จีนและญี่ปุ่น ถัดจากหอศฺลป์แห่งนี้เราตั้งใจจะไปกันต่อที่ ท้องฟ้าจำลองพระราชานุสรณ์พระจอมเกล้าฯ แต่เมื่อปั่นจักรยานไปถึงก็ได้ค้นพบว่ามันปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ เศร้า ๆ กันไปครับสำหรับเช็คอินนี้ แต่ระหว่างทางก็มีวิวสวย ๆ ของโบราณสถานให้ได้ชมตลอดทาง ถือว่าชดเชยกันได้
เราจึงเปลี่ยนจุดหมายกลับไปยังวัดมหาธาตุอีกครั้งหนึ่งเพื่อเสริมสร้างศิริมงคลให้กับการเดินทางครั้งนี้สักหน่อย ต้องขอยอมรับว่าในตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับการเที่ยวในวัดเลย แต่เมื่อได้เข้าไปด้านในก็พบว่ามีโบราณสถานที่สวยงามมากมาย ถึงแม้ว่าจะผุพังไปตามกาลเวลาบ้าง และไฮไลท์สำคัญของวัดนี้ก็คือเศียรพระในต้นไม้ที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่ามหัศจรรย์มากทีเดียว ถือว่าการเข้าวัดครั้งนี้นั้นได้เติมเต็มทั้งเรื่องจิตใจและเพลิดเพลินกับศิลปะสมัยโบราณได้ดีกว่าที่คิด
เมื่ออกจากวัดมหาธาตุเราก็มุ่งหน้ากลับไปยังท่าเรือลัดเลาะตามตรอกซอกซอยที่เป็นย่านชุมชน ถือว่าเป็นการเยี่ยมชมวิถีชีวิตและให้เวลาตัวเองได้คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีเช่นกัน ถือว่าเป็นการสิ้นสุด One Day Trip ได้อย่างน่าพอใจ ก่อนที่เราจะนั่งรถไฟรอบ 4 โมงกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
#2 นครนายก
ทริปที่ 2 นี้เราจะพาไป #รีวิวนครนายก กันเพราะหลายคน ๆ คงจะนึกว่านี่เป็นแค่จังหวัดทางผ่านหรือทุ่งนาโล่ง ๆ ไม่มีอะไรให้เที่ยวสักเท่าไหร่ เราจึงขอนำเสนอ 3 สถานที่ท่องเที่ยว 3 รูปแบบในจังหวัดนครนายกมาให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยวตามกันง่าย ๆ แบบ One Day trip ที่ใช้เวลาขับรถเพียง 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพก็จะได้พบกับธรรมชาติมากมาย
ที่หมายแรกของเราคือ ภูกะเหรี่ยง ที่แห่งนี้เป็นเหมือนกึ่งพิพิธภัณฑ์และร้านอาหาร รวมถึงมีวิวทุ่งนาขนาดใหญ่ให้ได้เดินเล่นถ่ายรูปกันเพลิน ๆ โดยมีค่าเข้าชมเพียง 49 บาทพร้อมน้ำดื่ม 1 แก้ว แต่อาจจะต้องโทรมาสอบถามทางร้านก่อนสักหน่อยหากต้องการจะมา เพราะหากคุณมาถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวพอดี ก็อาจจะพลาดวิวเด็ด ๆ ไปได้ แต่สิ่งที่ทุกคนที่มาห้ามพลาดคือการได้ลองชิมสมุนไพรของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นมะนาวอัญชัญ ชาเขียว หรือกระเจี๊ยบพุทราจีน ต้องยอมรับเลยว่ารสชาติดีทุกแก้ว อร่อยจนต้องซื้อซ้ำ
สถานที่ถัดมาคือ น้ำตกสาริกา สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดนครนายก เป็นน้ำตกที่มีความสูง 9 ชั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 8 โมงถึง 5 โมงเย็นของทุกวัน โดยมีค่าเข้า 40 บาทต่อคน ตรงจุดนี้เราสามารถขึ้นไปเล่น้ำตกได้ตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึง 5 ส่วนชั้นอื่น ๆ ทางอุทยานปิดเอาไว้เป็นเขตของป่า แต่สำหรับชั้นที่ 5 นั้นก็ถือว่าวิวสวยมากแล้ว นอกจากนั้นในน้ำตกบางชั้นเราก็สามารถเห็นปลาว่ายน้ำได้ด้วยเช่นกัน ถือว่าคุ้มค่าเหนื่อยที่ได้เดินขึ้นมาจริง ๆ
สถานที่สุดท้ายของทริปนาครนายกก็คือ ยอดเขาหล่น ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นกับชื่อนี้ แต่ถ้าเราบอกว่านี่คือสถานที่ถ่ายทำ MV เพลงลมเปลี่ยนทิศของวง BigAss บางคนคงจะเริ่มนึกภาพกันออกแล้ว ซึ่งสถานที่ที่ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ใกล้กรุงเทพแบบนี้จริง ๆ แล้วเราสามารถใช้เวลาเดินทางไปกลับแบบวันเดียวได้สบาย ๆ ยอดเขาหล่นนั้นตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับทางไปน้ำตกสาริกา ด้านหน้าจะมีค่ายลูกเสือสาริกาตั้งอยู่ ใช้เวลาเดินทางขึ้นมาด้านบนเพียงแค่ 10 นาที แต่วิวที่ได้เจอนั้นเราบอกเลยว่าเกินคุ้ม! เพราะบรรยากาศด้านบนที่เต็มไปด้วยใบหญ้าแห้งสีแหลืองทองและหน้าผาหินที่คุณสามารถลองปีนได้นั้นไม่ได้หาง่าย ๆ ในเมืองกรุงแน่นอนส่วนขากลับใครที่ยังพอมีเวลาและแรงเหลือก็ยังสามารถแวะหาของกินของฝากกันได้ต่อที่ตลาดโรงเกลือ
#3 ชลบุรี
เมื่อพูดถึงจังหวัดชลบุรี บางแสนหรือพัทยาก็คงจะเป็นสถานที่แรก ๆ ที่ทุกคนนึกถึง แต่งจริง ๆ แล้วชลบุรีก็ยังมีเกาะต่าง ๆ อีกมากมายให้เราได้ไปสัมผัสน้ำทะเลและหาดทรายอย่าง เกาะล้าน ที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไม่นานมากไม่ว่าจะใช้วิธีขับรถมาเองหรือว่านังรถตู้ที่สถานีขนส่งเอกมัยมาก็ได้ ส่วนเวลาข้ามฝากจากท่าเรือแหลมบาลิฮายไปถึงท่าหน้าบ้าน (หรือท่าหาดแหวนก็ได้) เพียงครึ่งชั่วโมง โดยเรือรอบแรกจะออกจากฝั่งพัทยาเวลาประมาณ 7 โมงและขากลับจะออกจากท่าเรือฝั่งเกาะล้านรอบสุดท้ายเวลา 6 โมงเย็น
เมื่อคุณก้าวขาขึ้นเกาะล้านมาแล้ว สิ่งแรกที่คุณต้องคิดคือการเดินทางว่าใช้วิธีไหน ซึ่งก็มีสองวิธีหลัก ๆ คือเหมาะรถสองแถวและเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเอง ข้อดีของการเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเองก็คือเราสามารถแวะที่ไหนก็ได้ทุกจุดบนเกาะ เพราะที่นี่มีจุดชมแวะและหาดให้เลือกเล่นอยู่หลายที่เหมือนกัน แต่จุดที่เป็นไฮไลท์ที่สุดคือ หาดตายาย เพราะเป็นหาดที่สะอาดและเป็นส่วนตัวที่สุด
หลังจากเล่นน้ำทะเลและชายหาดจนหนำใจแล้ว ก็ไปแวะหาของกินพร้อมบรรยากาศชิล ๆ ริมทะเลกันต่อได้ที่ร้าน มาหารักคาเฟ่ ซึ่งมีเมนูให้เลือกหลากหลายตั้งแต่สลัด ข้าว ไปจนถึงขนมเค้กและเครื่องดื่มสูตรต่าง ๆในราคาที่ไม่สูงมาก ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับท่าเรือด้วย ดังนั้นกินอาหารชมวิวพระอาทิตย์ตอนเย็น ๆ กันได้จนพอใจแล้วค่อยกลับไปขึ้นเรือรอบสุดท้ายก็ยังได้
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com