เปิดประวัติ “Lamborghini” จากผู้ผลิตรถไถ สู่แบรนด์ซูเปอร์คาร์ระดับโลก
Share
หากกล่าวถึงรถซูเปอร์คาร์ที่อยู่แถวหน้าในโลก ณ ขณะนี้ “Lamborghini” หรือลัมโบร์กินี ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ที่มีอายุยังไม่นานมาก แต่ชื่อเสียงถือว่าระบือไกลไปทั่วทุกมุมโลก เพราะลัมโบร์กินี เป็นมากกว่ารถ และเป็นยิ่งกว่าแบรนด์ทั่วๆ ไป ซึ่งวันนี้พวกเรา MOVER จะมาเล่าถึงความเป็นมา และความพิเศษของแบรนด์นี้ได้รู้จักกัน
“มาหา Lamborghini ถ้าต้องการรถที่ดีที่สุดในโลก”
ลัมโบร์กินีเป็นแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ที่ปรากฎโฉมบนโลกนี้มาแล้วกว่าห้าทศวรรษ ลัมโบร์กินีเป็นแบรนด์รถซูเปอร์คาร์สายสปอร์ทพันธุ์อิตาลี มีโลโก้แบรนด์เป็นรูปวัวกระทิง บนตรากรอบรูปโล่ห์ โดยมีแถบชื่อ Lamborghini พาดทับอยู่ด้านบน โดยการนำรูปวัวกระทิงมาใช้เป็นภาพสัญลักษณ์ ก็เพราะวัวกระทิง เป็นสัญลักษณ์ปีเกิดของ เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ผู้ก่อตั้งลัมโบร์กินีขึ้นมา
ลัมโบร์กินีเริ่มต้นกิจการด้วยคำขวัญว่า “มาหาลัมโบร์กินี ถ้าต้องการรถที่ดีที่สุดในโลก” ซึ่งรถสปอร์ททุกรุ่นที่ลัมโบร์กินีผลิตออกมา จะได้รับคำนิยามจากเหล่านักเก็บสะสมรถซูเปอร์คาร์ว่า “รายได้สูง รสนิยมสูง” โดยลัมโบร์กินีใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถก้าวขึ้นมาเทียบกับแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ชื่อดังในตำนานอย่าง Ferrari ได้สำเร็จ
“เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี จากผู้ผลิตรถไถ สู่แบรนด์ซูเปอร์คาร์ระดับโลก”
ลัมโบร์กินีกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในปี 1962 โดย เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี นักธุรกิจชาวอิตาลีผู้สร้างตัวจากเงินในกระเป๋าเพียงไม่กี่หมื่นลีร์ สู่นักธุรกิจระดับมัลติมิลเลียนแนร์ ผู้มีกิจการใหญ่โตในการอุตสาหกรรมรถแทรคเตอร์ และเครื่องปรับอากาศของ ของเมืองมะกะโลนี เขาได้แบ่งเงินส่วนหนึ่งในการก่อตั้ง บริษัท AUTOMOBILI FERRUCCIO LAMBORGHINI S.p.A ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตรถสปอร์ทเพื่อขายแข่งกับแบรนด์อย่าง Ferrari โดยเฉพาะ เหตุก็เพราะ เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ไม่พอใจกับบริการของ Ferrari เท่านั้น
เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่เด็ก และจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ ทางด้านอุตสาหกรรมโดยตรง เขาเริ่มทำงานในอู่ซ่อมเครื่องยนต์ในช่วงอายุ 20 กว่าๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้ทำงานในฐานทัพอากาศ โดยทำหน้าที่ซ่อมแซมยานยนต์ต่างๆ ซึ่งหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกบังคับให้ทำงานต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร ไปจนถึงปี 1946
หลังจากเขาถูกปล่อยตัวจากกองทัพ เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ได้กลับไปซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ในประเทศอิตาลี โดยใช้อะไหล่ต่างๆ จากกองทัพ และเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงงานรถแทรกเตอร์ จนได้รับความสำเร็จในเวลาต่อมา ซึ่งด้วยรสนิยมชมชอบของเขา นั่นก็ทำให้เขาชื่นชอบรถของแบรนด์ Ferrari เป็นอย่างมาก และมีซื้อมาเก็บไว้หลากหลายรุ่น
โดยในช่วงนั้น Ferrari เป็นแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ในแนวหน้าเพียงเจ้าเดียว และเป็นแบรนด์ที่มีงานบริการที่ยังไม่ดีนัก แต่ผู้ซื้อ หรือเจ้าของรถจะไม่กล้าที่จะฟ้องร้องอะไร เพราะกลัวโดนสั่งห้ามซื้อรถของ Ferrari ซึ่งในช่วงต้นๆ ของทศวรรษที่ 60 เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ได้ทำการถอย Ferrari 250 GT ออกมาขับ และเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น ซึ่งเขาก็ได้ส่งซ่อมอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าการซ่อมแซมจะไม่ตรงจุดเสียที จนเขาอดไม่ได้ที่จะไปพบกับ เอนโซ เฟอร์รารี ด้วยตัวเองในโรงงานของ Ferrari โดยตรง และกล่าวเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อรถ Ferrari ให้เอนโซ เฟอร์รารี ได้รับรู้
เอนโซ เฟอร์รารี ได้ตอกกลับ เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ว่าเป็นเพียงแค่คนบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับรถสปอร์ต ต่างกับตัวเขาที่มีอยู่เต็มเปี่ยมทั้งความรู้ และในสายเลือด และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ทำการสร้างรถเป็นของตนเองออกมาขาย เพื่อตอกกลับเอนโซ เฟอร์รารีให้เจ็บแสบที่สุด
โดยเขาเริ่มต้นจากการหาบุคลากรที่ดีก่อน และต่อด้วยสร้างรถ GT ออกมา ซึ่งมันโดดเด่นด้วยคุณภาพ และความเร็วที่สูงกว่า อีกทั้งยังรวมไปถึงการบริการที่ดี กับการรับฟังปัญหาของลูกค้าอย่างจริงจัง พร้อมช่วยเหลือเจ้าของรถอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้บริษัทลัมโบร์กินี รวมถึงโรงงานถูกสร้างห่างจากโรงงานของ Ferrari เพียง 15 กม. เท่านั้น
ทั้งนี้ ด้วยความที่ เฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี มีโรงงานรถแทรกเตอร์อยู่ก่อนแล้ว ทำให้รถของสัมโบร์กินีสามารถสร้างออกมาจนแล้วเสร็จ ก่อนที่โรงงานแห่งใหม่จะสร้างเสร็จเสียอีก ซึ่งเฟร์รุชชิโอ สัมโบร์กินี ได้เข้าไปดูแลทุกกระบวนการสร้างด้วยตนเองทั้งหมด จนกำเนิด สัมโบร์กินี 350 GTV ตัวต้นแบบออกมาในปี 1963 ได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนจะสร้างคันแรกที่ใช้งานได้จริงในช่วงมีนาคมของปี 1964 และปราบ Ferrari ได้สำเร็จอีกด้วย