รวม 5 เทคนิค “เล่นกล้าม” อย่างไรให้เห็นผลรวดเร็วและยั่งยืน!
Share
หลายคนอาจเคยประสบปัญหาที่ว่า เล่นกล้าม มาตั้งนานแล้วทำไมกล้ามถึงไม่โตขึ้นสักที? ที่เป็นแบบนั้นอาจเพราะเกิดจาดหลายปัจจัยเป็นตัวประกอบ ทั้งการกินอาหารที่มีประโยชน์ในแต่ละมื้อ การพักผ่อนของร่างกายในแต่ละวัน และยังรวมถึงท่าทางของการเล่นเวทอีกด้วย การยกให้ถูกท่าถูกวิธีนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากๆ เช่นกัน หากเอาแต่ยกแบบผิดวิธี กล้ามที่คุณใฝ่ฝันเอาไว้ก็คงจะไม่มาหาคุณเป็นแน่ ในวันนี้ MOVER จึงจะมาพูดถึงการเล่นกล้ามเล่นเวทยังไงที่เรียกว่าถูกต้องถูกจุด ทำให้เห็นผลรวดเร็วและยั่งยืน
#1 | กำหนดจุดที่ต้องการ
ก่อนที่เราจะลงมือเล่นกล้ามนั้น เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ต้องการให้ส่วนไหนของร่างกายมีกล้ามขึ้นมา รวมทั้งต้องกำหนดด้วยว่ากล้ามที่ต้องการนั้นเป็นแบบไหน จะเน้นกล้ามเนื้อหรือว่าเน้นลีน เพื่อปูทางไปสู่การเลือกแผนในการออกกำลังกายให้เกิดกล้ามนั้นเอง
#2 | เล่นท่าอย่างถูกต้อง
อย่างที่รู้กันว่าในแต่ละท่วงท่าของการฝึกนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกล้ามเนื้อมัดที่ต้องการถูกฝึกให้ได้รับการฝึกมากที่สุด แต่ถ้าหากว่าเราทำท่าที่ใช้ในการออกกำลังกายหรือท่าที่ฝึกผิดรูปแบบผิดวิธี ก็จะทำให้น้ำหนักที่ต้องฝึกในกล้ามเนื้อจุดนั้นเปลี่ยนไป ทางที่ดีควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถึงวิธีการเน้นกล้ามเนื้อแต่ละส่วนไปจะดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นแทนที่จะใช้เวลาในการสร้างกล้ามเนื้อแบบเต็มที่ ก็จะต้องแบ่งเวลาไปซ่อมในส่วนที่ทำพลาดไปอีก
อย่างเช่นถ้าเราฝึกด้วยวิธีที่ผิดจากที่ผู้เชี่ยวชสญแนะนำ เช่นห่อไหล่หรือพับศอกผิดจากมุมที่ถูกต้อง ก็จะทำให้น้ำหนักที่ควรกระทำต่อหน้าอกของเรานั้น ตกไปสู่กล้ามเนื้อจุดอื่นๆ แทน ฉะนั้นเองการควบคุมท่าทางการออกกำลังกายให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรต้องศึกษาอย่างแม่นยำก่อน เพื่อที่เราจะสามารถโฟกัสกล้ามเนื้อที่ต้องการจะเล่นได้ถูกจุด
#3 | ใช้หลักการ “เกร็ง หน่วง นำ”
จากคำอธิบายที่ว่าการที่กล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งมีความตึงมากกว่านั้น ก็จะทำให้มีแนวโน้มที่จะรับแรงได้ก่อน เพราะเนื่องจากว่าน้ำหนักนั้นจะส่งผ่านไปสู่กล้ามเนื้อที่ตึงได้ดีกว่า และจากหลักการนี้เองที่ทำให้ผู้ที่ต้องการที่จะฝึกต้นแขนให้ถูก แต่ว่าไปเกร็งตรงช่วงไหล่และตรงช่วงบ่ามากเกินไป ในจังหวะที่เรายกและออกแรงนั้นทำให้กล้ามเนื้อตรงไหล่และบ่ารับน้ำหนักมากกว่าตรงต้นแขนที่เราต้องการจะฝึก โฟกัสจึงไปตกที่ไหล่และบ่ามากกว่าช่วงต้นแขนนั่นเอง
ดังนั้นการใช้หลักการนี้ให้ถูกต้องนั่นก็คือการเพิ่มความตึงและพยายามเกร็งตรงกล้ามเนื้อมัดนั้นก่อนที่เราจะออกแรงจริงๆ และต้องทำการปล่อยกล้ามเนื้ออื่นๆ ให้คลายลงก่อนด้วย เช่นถ้าเราต้องการที่จะเล่นแขน ให้เราเกร็งกล้ามเนื้อตรงมัดแขนของเราก่อนที่เราจะยกเวทจริงๆ เพื่อที่เราจะสามารถโฟกัสกล้ามเนื้อมัดนั้นได้อย่างถูกจุดมากยิ่งขึ้น
#4 | จังหวะที่ใช้ในการเล่น
จังหวะในที่นี้หมายถึงจังหวะของการเล่นเวท เพราะจังหวะและความเร็วในการเล่นท่าหรืออุปกรณ์ต่างๆ นั้นก็ส่งผลต่อการโฟกัสกล้ามเนื้อเหมือนกัน ถ้าเราฝึกในจังหวะที่มีความเร็ว ออกแรงแบบระเบิด เราก็จะรู้สึกแค่ช่วงครั้งแรกๆ กับครั้งสุดท้ายเพียงเท่านั้นเอง ส่วนช่วงกลางๆ ของการเล่นนั้นก็คงเหมือนจะหายๆ ไปจากความรู้สึกของเรา ซึ่งวิธีนี้หากผู้ฝึกไม่สามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีจริงๆ การเล่นแบบออกแรงระเบิดก็จะทำให้โฟกัสได้ยากมากยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้นเราควรที่จะยกในน้ำหนักที่เหมาะสมกับเราและทำให้จังหวะในการเล่นช้าลง จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะโฟกัสกล้ามเนื้อที่ต้องการจะเล่นได้ดีมากยิ่งขึ้น และยังทำให้เราเรียนรู้ท่วงท่าการเล่นท่านั้นๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย
#4 | การทำให้กล้ามเนื้อหมดแรงก่อน
เป็นเทคนิคที่ทำให้กล้ามเนื้อตรงจุดที่เราโฟกัสนั้นหมดแรงโดยรวมไปก่อน และเมื่อเรารู้จุดที่กล้ามเนื้อมัดนั้นล้าแล้ว ก็จะสามารถทำให้เราโฟกัสการเล่นกล้ามเนื้อมัดนั้นได้ตรงจุดยิ่งขึ้น โดยการจับความรู้สึกไปยังความล้าของกล้ามเนื้อมัดนั้นนั่นเอง
#5 | อาหารเป็นส่วนสำคัญ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นการเล่นกล้ามเองก็เช่นกันการเลือกทานอาหารที่เหมาะกับรูปแบบการเล่นกล้ามนอกจากเสริมพลังและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ออกมาคมสวยแล้ว ยังช่วยให้ร่างการไม่ขาดสารอาหารด้วย เพราะบางคนเลือกที่จะอดแป้ง และทานแต่โปรตีนจากเนื้อสัตว์เท่านั้น ซึ่งเราต้องบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ผิด เนื่องจากร่างกายคนเราต้องการสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ในทุกๆ วัน ดังนั้นการเลือกงดทานแป้งทำให้อาจเกิดอาการโหยแป้งของร่างกายได้ จนนำไปสู่การเกิดโยโย่เอ็ฟเฟ็กต์นั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะบิ้วด์กล้ามให้ดูดี เราไม่แนะนำให้งดอาหารแต่ให้ควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอดีกับความต้องการจะดีที่สุด