รสชาติขนานแท้จากศิลปะการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม กับมิตรไมตรี ที่ทำให้ทุกมื้อของ “ROSEWOOD PHUKET” โดดเด่นและเป็นหนึ่ง
Share
ตำรับอาหารดั้งเดิมที่มีพื้นฐานอยู่ที่ความเรียบง่ายในการใช้เครื่องปรุงคุณภาพสูงท่ามกลางบรรยากาศเหมือนฝันริมทะเล สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เป็นกันเองระหว่างที่มิตรสหาย และสมาชิกครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา คือคำจำกัดความของอาหารแต่ละมื้อที่ทาง ROSEWOOD Phuket Resort ได้มอบให้แก่แขกที่มาเยือน โดยมีห้องอาหารสี่แห่งที่มาพร้อมศิลปะขนานแท้แห่งการปรุงอาหารมาให้ได้เลือกรับประทาน ทำให้ที่แห่งนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางการสังสรรค์ของผู้คนท้องถิ่นบนเกาะนี้ และยังเป็นจุดหมายปลายทางของรสชาติที่ต้อง-ลิ้ม-ลองของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนอีกด้วย
บนจุดยืนอันมั่นคงด้านคุณภาพ โจวานนิ ปาลแม็กชิโอ ผู้อำนวยการแผนกอาหารและเครื่องดื่ม ดำเนินการควบคุมดูแลห้องอาหารแต่ละส่วนของโรสวูด ภูเก็ตอย่างละเอียด ในฐานะชาวอิตาเลียนผู้มีวิสัยในการให้ความสำคัญแก่เรื่องของอาหารการกิน และมีหัวใจรัก หลงใหลในไวน์ ค็อกเทล และซิการ์ โจวานนี่สั่งสมประสบการณ์การทำงานในโรงแรม และที่พักรับรองระดับหรูทั่วยุโรป และเอเชียมานานกว่า 15 ปี
“การวิจัยครอบคลุมถึงต้นกำเนิดของสูตรในการปรุงอาหาร และการอนุรักษ์แนวคิดของการทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ด้านอาหาร ถูกถ่ายทอดไปสู่ห้องอาหารแต่ละห้องของเราให้มีความโดดเด่น” โจวานนิกล่าว “พ่อครัว หรือเชฟของเราได้เรียนรู้มาโดยตรงว่าคนรุ่นก่อนปรุงอาหารกันอย่างไร และพวกเขาต่างชื่นชมความสุข รื่นรมย์ใจจากวิธีปรุงอาหารอันเรียบง่ายจากห้องครัวแบบดั้งเดิม ดังนั้นห้องอาหารแต่ละแห่งของเราจึงมอบปฏิสัมพันธ์อันต่อเนื่องและราบรื่นระหว่างผู้รับรอง กับแขกผู้มาอย่าง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประสบการณ์มื้ออาหารที่ดีที่สุดในทุกวัฒนธรรมทั่วโลก”
“ตาข่าย” เป็นห้องอาหารทะเลไทย ซึ่งห้องอาหารนั้นแยกตัวออกมาจากหมู่อาคารหลักของรีสอร์ท เปิดทำการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม แขกเหรื่อผู้แวะเวียนมาต่างสัมผัสได้ถึงชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวเกาะภูเก็ตอย่างสมจริงในทุกแง่มุมท่ามกลางบรรยากาศจำลองหมู่บ้านชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งประกอบไปด้วยเพิงบ้าน และศาลาริมทะเลที่ปลูกสร้างจากไม้ท่อนแปรรูปนำกลับมาใช้งานใหม่ ร่วมกับวัสดุชนิดอื่นๆ
Taste of Rosewood Phuket
นอกเหนือจากพื้นที่ในร่มแล้ว ศาลาเปิดโล่งสองหลังยังได้จัดชุดโต๊ะบาร์บีคิวและเสิร์ฟแบบไทยสำหรับหมู่คณะ โดยมีเก้าอี้นั่งเล่นหย่อนใจจัดวางกระจายทั่วบริเวณครัวกลางแจ้ง ครอบคลุมไปถึงส่วนเตรียมอาหารเพื่อให้แขกเหรื่อได้จับตาดูกระบวนการปรุงอาหารสด พร้อมดื่มด่ำกับกลิ่นหอมกรุ่นราวกับกำลังอยู่กลางครัวในบ้านของชาวประมงพื้นเมือง “ตาข่าย” (หมายถึงแหจับปลา) ได้จัดสรรรายการอาหารโดยอิงจากของสด นั่นคือกุ้งหอยปูปลาที่จับได้ในแต่ละวันของชาวบ้านท้องถิ่น เพื่อความมั่นใจว่าจะมีก็แต่เพียงอาหารทะเลสดใหม่ที่สุดมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ซึ่งทัศนียภาพประทับใจในห้องอาหารแห่งนี้ยังรวมถึงสวนสมุนไพรและพืชผักสวนครัว ตลอดจนบ่อปลาซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตลาดอาหารทะเลท้องถิ่น
อาหารไทยต้นตำรับ อาทิเช่นปอเปี๊ยะสดสอดไส้กุ้ง มันแกว ถั่วงอก และพริก จิ้มซ้อสมะขาม หมูฮ้อง ซึ่งเป็นหมูสามชั้นต้มซีอิ๊วกับพริกไทยดำ และกระเทียมตำรับปักษ์ใต้กับขนมถ้วยใบเตย ล้วนเป็นฝีมือการปรุงโดยคู่เชฟไทยประจำห้องอาหารคือ “นัน” รอดแก้วกับแสงชาญ “ใหญ่” สุทธิธัมมานน ทั้งสองรู้จักกันครั้งแรกจากการร่วมแบ่งปันความรัก หลงใหลในการปรุงอาหารไทยภาคใต้ขนานแท้และต่างลับฝีมือ บ่มเพาะทักษะทางการทำอาหารมาตลอด 30 ปีที่อยู่ร่วมกันโดยเริ่มจากร้านอาหารแผงลอยขนาดเล็กจนขยับขยายไปเป็นร้านอาหารทะเลชื่อดัง
ทิวทัศน์ทะเลอันดามันที่ “ตาข่าย” จากใต้ร่มเงาของต้นกร่างหรือไทรทองเก่าแก่ที่ชาวบ้านนับถือช่างเหมาะจะเป็นสถานที่ในการมอบความร่มรื่น ให้ดื่มด่ำกับรสชาติค็อกเทลหมักบ่มในหม้อดินสูตรต่างๆซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องดื่มพื้นบ้าน อย่างเช่น Galangal Negroni Gin (เนโกรนียินผสมข่า), Tom Yum Moscow Mule Vodka (มอสโคว์ มูล วอดก้าสูตรต้มยำ) และ Sweet Basil Mojito (โมฮิโต้โหระพา) แต่ละอย่างล้วนได้รับการปรุงสูตรเป็นเหล้าผสมสมุนไพรไทยตำรับพิเศษก่อนนำไปหมักบ่มในหม้อดินขนาดใหญ่เป็นเวลาถึงหกเดือนเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมทางกลิ่นและรสอย่างที่คุณจะไม่เคยได้ลิ้มลองจากที่ไหนมาก่อน
Red Sauce เป็นห้องอาหารอิตาเลียนของโรสวูด ภูเก็ต ได้รับการตั้งชื่อตามซอสแดงซึ่งทุกครัวเรือนในอิตาลีล้วนมีไว้เป็นเครื่องชูรสหลักของการปรุงอาหาร นอกจากที่นั่งในร่มแล้วยังมีระเบียงกลางแจ้งมองออกไปเหนือสระว่ายน้ำที่สงบร่มรื่นร่วมกับทิวทัศน์ตระการตาของอ่าวมรกต ในส่วนครัวเปิดขนาดใหญ่ใจกลางห้องอาหาร แขกผู้มาเยือนสามารถจับกลุ่มกับผองเพื่อนและสมาชิกครอบครัว อันเป็นบรรยากาศเฉพาะตัวของวัฒนธรรมอิตาเลียน ในขณะเดียวกันก็สามารถได้พูดคุยกับเชฟและทีมผู้ปรุงอาหารพร้อมกับเพลิดเพลินในรสชาติของเค้กและกาแฟ เครื่องดื่มยามค่ำเรียกน้ำย่อยหรืออาหารจานต่างๆ
เชฟผู้บริหาร ลูก้า เดอ เนชรี เป็นชาวอิตาเลียนโดยกำเนิด ได้ถ่ายทอดความหลงไหลที่เขามีต่อการปรุงอาหารตำรับอิตาเลียนดั้งเดิมกับรสชาติสุดกลมกล่อมมาสู่รายการอาหารชวนลิ้มลอง ด้วยการใช้เนื้อนำเข้าคุณภาพสูงร่วมกับส่วนผสมท้องถิ่นซึ่งอาศัยการเพาะปลูกให้เติบโตตามธรรมชาติ แขกของห้องอาหารสามารถเริ่มต้นวันกับมื้อเช้าชูกำลังอันประกอบไปด้วยอาหารตามสั่งและตัวเลือกจากบริเวณปรุงสดในห้องอาหารหรือเพลิดเพลินกับมื้อเที่ยง ซึ่งให้รสชาติละมุนลิ้นในจากการปรุงเตรียมอย่างเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็น Panzanella Salad with Seared Tuna, Speck and Stracchino Piadina, Arugula and Pachino Tomatoes และ Straciatella Pizza หรือความวิจิตรบรรจงของอาหารค่ำตำรับอิตาเลียนแท้อย่าง Sea Bass Crudo Bistecca Fiorentina เสิร์ฟสำหรับสองที่ และอกไก่ Roasted Free Range Half-Chicken
ค่ำคืนที่ Red Sauce อาจเริ่มต้นจากการเติมเต็มประสบการณ์มื้ออาหารตามธรรมเนียมดั้งเดิมด้วยอิตาลี Vermouth ซึ่งมีให้เลือกสามแบบคือ bianco (เวอร์มุธขาว), dry (เวอร์มุธผสมมาร์ตินี่) และ red (เวอร์มุธ ผสมเนโกรนิ) โดยจัดวางมาบนถาดไม้เสิร์ฟพร้อมเครื่องแกล้มแบบฉบับอิตาเลียน ในขณะที่คอไวน์จะได้พบกับผู้ชำนาญด้านไวน์โดยเฉพาะ ที่จะเปิดไวน์ชั้นเลิศให้ชิมพร้อมชีสคุณภาพเคียงมาด้วยกัน เป็นโอกาสให้แขกทั้งหลายได้พูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินระหว่างจิบไวน์ทั้งแบบแก้วเดี่ยวหรือไวน์เหยือก
“ไม้” โดดเด่นด้วยการเป็นห้องอาหารที่มีสองบุคลิกแตกต่างกัน นั่นคือการเป็นบาร์ริมสระว่ายน้ำในตอนกลางวันที่สามารถนอนเล่นได้ และหลังฟ้าพลบค่ำก็จะกลายเป็นเลาจน์ภูมิฐานท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลคลอเสียงดนตรีจากดีเจ แขกผู้มาเยือนสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายในศาลาไม้ท่อนเปิดโล่งตกแต่งด้วยศิลปะม่านร้อยลูกปัดและทอดกายบนเบาะยาว หรือพักผ่อนบนชานระเบียงรอบสระ
ค็อกเทลในแบบฉบับของ “ไม้” ถูกออกแบบโดย จานการ์โล แมนชิโน่ บาร์แมนผู้ชำนาญการชงเครื่องดื่มเหล้าผสมชื่อดังระดับโลก ภายใต้แดดยามบ่าย แขกที่มาพักสามารถทิ้งกายไปบนโซฟาขนาดใหญ่พร้อมจิบค็อกเทลคืนความสดชื่น ซึ่งมีส่วนผสมท้องถิ่นในการปรุงอย่างมะม่วงของ Mango Moscato Spritzer เบียร์ไทยใน Beer Margarita Tequila หรือมะพร้าวสำหรับ Pina Colada Slush ส่วนเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยยามค่ำเต็มไปด้วยตัวเลือกสุดประทับใจทั้งเหล้าผสม ไวน์ปรุงรส และเนโกรนิ อย่างเช่น The Unusual ซึ่งปรุงสูตรด้วยเวอร์มุธเบียงโก้ วอดก้า กับเชอร์เบ็ทส้ม; Limoncello Spritzer ไวน์พรายฟองผสมน้ำมะนาว และ Vintage Negroni อันซับซ้อนด้วยเวอร์มุธรอซโซ คินาโต้ จิน ริโนมาโต้ และบิตเตอร์
บรรยากาศผ่อนคลายสไตล์ชนบทของ The Shack ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นที่สังสรรค์ริมชายหาดอันน่าประทับใจของโลก ซึ่งเป็นรูปแบบเรียบง่ายทว่าลงตัวที่สุด ความหลากหลายของอาหารทะเลสดใหม่ในแต่ละวันจะมีการเขียนเป็นรายการขึ้นกระดานไว้ ทุกอย่างคือวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากอ่าวไทย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งนางอันดามัน ปลากะพงแดง และปลาเก๋า ครัวเปิดกลางห้องอาหารสะดุดตาด้วยเตาอิบหินร้อนกับเตาถ่านเคียงขนานเคาน์เตอร์ที่นั่ง เพิ่มอารมณ์ลำลองของการรับประทานอาหารริมสระว่ายน้ำ
A Sense of Taste in Phuket
แขกผู้มาเยือนสามารถสัมผัสกับแง่มุมอันหลากหลายทางตำรับอาหารที่ครบครันของภูเก็ตได้ผ่านโปรแกรม A Sense of Taste หรือ “ความหมายแห่งรสชาติ” ของรีสอร์ท อันรวมถึงภารกิจ “พันธมิตรแหล่งผลิต” หรือ Partners in Provenance เพื่อเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนศิลปะทางการผลิต และแปรรูปวัตถุดิบทางการปรุงอาหาร ร่วมกับการนำเสนอรายการอาหารต่างๆ ประจำฤดูกาลของท้องถิ่น หัวหน้าคนครัวจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเหล่าเกษตรกรและเจ้าของผลิตผลคุณภาพในท้องถิ่น ซึ่งล้วนจัดส่งเครื่องปรุง/ส่วนผสมเพาะปลูกในบ้านอันได้มาตรฐานระดับสูงอย่างเช่น “บ้านหมี่” ธุรกิจทำบะหมี่ไข่ในครอบครัวสืบทอดกันมาถึงรุ่นที่สามด้วยการใช้เครื่องนวดแป้งรีดเส้นบะหมี่อายุยาวนานถึง 100 ปี ฟาร์ม “บิ๊ก บี” ที่มอบผลผลิตจากน้ำผึ้งป่า และน้ำผึ้งเกษตรอินทรีย์ เช่นเดียวกับฟาร์มแพะ “นานัว” ซึ่งทำการเลี้ยงแพะนมแบบปล่อยไว้ผลิตน้ำนมแพะเกษตรอินทรีย์ รวมถึงสวนกสิกรรมเพาะปลูกสับปะรดภูเก็ต
โปรแกรม “ความหมายแห่งรสชาติ” A Sense of Taste ยังประกอบไปด้วยกิจกรรม Epicurean Encounters หรือ “พบกับรสชาติแห่งชีวิต” ที่จะพาแขกผู้สนใจขึ้นเกาะไปผจญภัยกับดินแดนของอาหาร ส่วน A Fisherman’s Journey หรือ “การเดินทางของชาวประมง” พวกเขาจะขึ้นเรือยอช์ทสุดหรูออกไปเผชิญธรรมชาติงดงามตระการตาของท้องทะเลอันดามัน และพบกับอาหารทะเลสดที่สุดในห้วงน้ำเมืองร้อนเขตนี้ หลังคว้าอุปกรณ์จับปลาแบบไทยจากหมู่บ้านประมงราไวที่พลุกพล่าน แขกผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะล่องเรือสู่เกาะรายาเพื่อเหวี่ยงแหลงสู่ผืนน้ำใสกระจ่าง ระหว่างรอก็ใช้เวลาไปกับการดำน้ำตื้น, ว่ายน้ำ หรืออาบแดดบนเกาะ จนเมื่อกู้แหกลับขึ้นเรือ ก็จะทำการเสิร์ฟเครื่องดื่มดับกระหายคลายร้อนก่อนดิ่งตรงกลับมายังรีสอร์ทเพื่อฟื้นฟูความสดใสอีกครั้งกับค็อกเทล และรับประทานมื้อค่ำซึ่งปรุงจากสิ่งที่จับมาได้ในวันนั้นเป็นการส่วนตัวภายในศาลาของห้องอาหาร “ตาข่าย”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ rosewoodhotels.com
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม @rosewoodhotels