Type to search

Featured Interview

(English Interview) ทำความรู้จัก “ภูมิ วิภูริศ” นักร้องหนุ่มเจ้าของเพลงฮิต Lover Boy

Share

MOVER ขอพาทุกคนไปรู้จักกับนักร้องหนุ่มอินดี้ขวัญใจแฟนเพลงทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในปีนี้หนุ่มภูมิมีทัวร์คอนเสิร์ตมากมายทั้งในโซนเอเชีย อเมริกา และยุโรป แต่ในวันนี้เราขอเบรกงานทัวร์ไว้สักครู่ แล้วพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวชีวิตของหนุ่มคนนี้กันให้มากขึ้น ต้องขอบอกเลยว่านี่ถือเป็นบทความแรกที่ “ภูมิ วิภูริศ” จะให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษแบบเต็มรูปแบบอีกด้วย

1. When did your passion for music begin?

My passion for music, I think I don’t know exactly when it started but I grew up listening to a lot of music. So when it came around to high school, I started picking up instruments. The first instrument I learned was a drum kit and I started playing a guitar at age 15 and from there, I just really liked covering songs on youtube and then when 17, I decided hey I wanted to write my own songs. So I don’t know exactly when it started but it is like a gradual journey to what is now my passion.

1. เมื่อไหร่ที่ภูมิรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงไหลในเสียงดนตรี?

ความหลงในเสียงเพลงของผมเหรอครับ ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหน แต่ผมโตมากับการฟังเพลงหลายประเภท ผมเริ่มจับเครื่องดนตรีตอนเรียนอยู่ High School เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ผมเรียนคือกลองชุด และเริ่มเล่นกีต้าร์ตอนอายุ 15 ช่วงนั้นชอบคัฟเวอร์เพลงลง YouTube มากครับ พออายุ 17 ก็อยากลองเขียนเพลงของตัวเองดูบ้าง เอาจริงผมก็ไม่รู้นะครับว่ามันเริ่มตอนไหน แต่มันเหมือนกับหนทางที่ค่อยๆ พาผมไปสู่สิ่งที่ผมหลงใหลอยู่ในตอนนี้

2. Let’s talk about “Lover Boy”, why you choose Pattaya as the main location?

To be honest, I didn’t choose it because when I finished the song I sent it to my friend “Jean Khamkwan”, she’s a director and then I was like “You imagined the song however you wanted to imagine it.” and yeah she chose Pattaya and I was like “Okay let’s go.” and then we shot it and then it came out looking like Miami for some reasons. So yeah, that wasn’t my decision but I’m happy I went to Pattaya.

2. ทำไมถึงเลือกถ่าย MV เพลง “Lover Boy” ที่พัทยา?

ผมไม่ได้เป็นคนเลือกครับ เพราะพอทำเพลงเสร็จผมก็ส่งให้พี่จีน คำขวัญที่เป็นผู้กำกับลองฟังเพลง  แล้วให้พี่เขานึกภาพดูว่าเอ็มวีจะออกมาเป็นยังไง ปรากฏว่าพี่เขาเลือกสถานที่ถ่ายเป็นพัทยา ผมก็แบบ โอเค งั้นเราไปกันเลย พอถ่ายทุกอย่างเสร็จ เอ็มวีออกมา กลายเป็นว่าเหมือนเราไปถ่ายที่ไมอามี่ ก็นั่นแหละครับ ถึงผมจะไม่ได้ตัดสินใจเลือกเองแต่ผมก็แฮปปี้นะที่ได้ไปถ่ายที่นั่น

3. Dose “Lover Boy” change your life?

I think it made people aware of me a lot more in Thailand. Before then I was kind of like a pretty not underground but like not that well-known. It brought a lot of Thai audience to my music. Yeah now it becomes my nickname. Everyone calls me “Lover Boy”.

3. เพลง Lover Boy เปลี่ยนชีวิตของภูมิไปบ้างไหม อย่างไรบ้าง?

ผมคิดว่าเพลง Lover Boy ทำให้คนไทยรู้จักผมเยอะขึ้น เมื่อก่อนผมเป็นแค่แบบ ไม่เชิงนักร้องใต้ดินนะครับ แต่ก็ไม่ได้ดังมาก มันทำให้คนไทยรู้จักเพลงผมมากขึ้นนะ เหมือนตอนนี้ Lover Boy กลายมาเป็นชื่อเล่นผมไปแล้ว ใครๆ ก็เรียกผมว่า Lover boy

4. Are you that “Lover Boy”?

No way! I think people get the wrong idea that I’m very flirty like that. But it’s more like a fantasy sorta song like this casanova I’ll take a girl that I wish I had. It’s like a fun sorta tune but I’m not like that always.

4. แล้วคิดว่าตัวเองเป็น “Lover Boy” เหมือนในเพลงไหม?

ไม่เลยครับ ไม่เลย คนเข้าใจผิดกันว่าผมเจ้าชู้มากเหมือนในเพลง แต่จริง ๆ เพลงมันออกแนวแฟนตาซี แบบเป็นคาสโนว่าที่อยากจะจีบผู้หญิงคนไหนก็จีบได้หมด เป็นเพลงจังหวะสนุก ๆ มากกว่า แต่ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้แบบนั้นนะ

5. If not “Lover Boy”, what would you call yourself?

What would I call myself other than “Lover Boy”? I’d call myself average boy I don’t know like I’m normal, a normal boy.

5. ถ้าไม่ใช่ Lover Boy เหมือนในเพลง แล้วภูมิจะเรียกตัวเองว่าเป็นอะไรดี?

ถ้าไม่ให้เรียกตัวเองว่า Lover Boy ผมคงเรียกตัวเองว่า Average Boy มั้ง ไม่รู้สิครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดา ผู้ชายธรรมดา ๆ

6. The moment giving you the biggest smile?

A moment that gave me the biggest smile? I feel like this morning when I had breakfast so I was smiling. Most recent one was when I went to play in Indonesia and then everyone was singing along and then they sang along to one of my old songs and that made me smile a lot.

6. เหตุการณ์ไหนที่ทำให้ภูมิยิ้มกว้างที่สุด?

ช่วงเวลาที่ทำให้ผมยิ้มกว้างที่สุด น่าจะเป็นเมื่อเช้านี้ตอนที่ผมกินข้าว จริง ๆ มีช่วงล่าสุดที่ผ่านมาตอนที่ผมไปเล่นที่ประเทศอินโดนีเซีย ทุกคนร้องเพลงไปพร้อมกับผม แม้กระทั่งเพลงเก่า ๆ พวกเขาก็ร้องได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มกว้างมาก ๆ เลยครับ

7. Have you ever thought that one day you can go this far?

No, I didn’t really see this coming especially at this age. Being able to tour overseas this year. Yeah I didn’t see it coming.

7. เคยคิดไหมว่าวันไหนตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้

ไม่เลยครับ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ ยิ่งอายุเท่านี้ด้วย ไม่คิดว่าปีนี้จะได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศด้วยซ้ำครับ

8. As a film student, do you have a Favourite movie character / scene?

Favorite movie character? It’s hard! I like a lot of movies. Um, to think of one right now it’s very hard. Or favorite scene, right? Let’s do scene. I like the scene from Little Miss Sunshine. It’s like the climax when they go to the beauty pageant and then the little girl does like a stripper dance and then they try to get up on stage and then her parents like her family comes up and starts dancing with them. That’s like my favourite of all time.

8. เห็นว่าภูมิเลือกเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ อยากทราบว่ามีตัวละครหรือว่าฉากไหนในหนังที่ภูมิชอบมาก ๆ ไหม?

หนังเรื่องโปรดเหรอครับ ยากจัง ผมชอบหนังหลายเรื่องเลย แต่ถ้าให้เลือกมาหนึ่งเรื่องตอนนี้เหรอ อ่า ยากมาก ฉากที่ประทับใจก็ได้ใช่ไหมครับ เอาฉากดีกว่า ผมชอบฉากหนึ่งในเรื่อง Little Miss Sunshine นับว่าเป็นฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ เป็นตอนที่พวกเขาไปงานประกวดนางงาม แล้วเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นตัวเอกก็เต้นเหมือนระบำเปลื้องผ้า ครอบครัวของเด็กคนนี้ก็ขึ้นไปบนเวทีแล้วพวกเขาก็เต้นด้วยกัน เป็นฉากที่ผมประทับใจมากครับ 

9. Which artist do you want to collaborate with?

Too many, to be honest, I wanna collaborate with everyone. I would say a song with Mac Demarco would be pretty cool. I speak of him all the time but I never said that I wanted to do a song but like now a song with him would be my life.

9. ศิลปินคนไหนที่ภูมิอยากจะร่วมงานด้วยมากที่สุด?

โห เยอะมากครับ จริง ๆ ผมอยากร่วมงานกับทุกคนเลย แต่ถ้าให้เลือกตอนนี้คงเป็น Mac Demarco ผมพูดถึงเขาบ่อยมากแต่ผมไม่เคยพูดเลยว่าผมอยากทำเพลงกับเขา ถ้าได้ทำเพลงกับเขาสักเพลงคงจะถือเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ครับ

Phum Viphurit

10. If you were a Prime Minister, what would you do?

If I was a prime minister, what would I do? I would do so many things.The first thing I would do, I think I would make the next day a public holiday ‘cause everyone could use some downtime.

10. ถ้าได้เป็นนายกสักหนึ่งวัน ภูมิจะทำอะไรบ้าง?

ถ้าผมได้เป็นนายกผมอยากจะทำอะไรใช่ไหมครับ? ผมคงทำหลาย ๆ อย่างเลยแหละ แต่สิ่งแรกที่จะทำ ผมคิดว่าผมคงจะทำให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะทุกคนจะได้ใช้วันหยุดพักผ่อนกันบ้าง

Phum Viphurit

11. What’s on your mind when singing?

What’s on my mind? Actually, my mind goes to a lot of places. Sometimes I’d be thinking of something but I’d be thinking of something else. I’m thinking about what was I thinking when I wrote the song or hey look at that guy in the back he’s smiling at me.

11. ตอนที่ร้องเพลง ภูมิคิดอะไรอยู่ในใจบ้าง?

ตอนร้องเพลงผมคิดไปเรื่อยเปื่อยเลยครับ บางครั้งก็คิดเรื่องนี้บ้าง เรื่องนั้นบ้าง บางครั้งผมก็คิดว่าตอนเขียนเพลงนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่นะ หรือไม่ก็คิด เฮ้ ดูผู้ชายที่อยู่ข้างหลังตรงนั้นสิ เขากำลังยิ้มให้ผม ประมาณนี้

Phum Viphurit

12. If you weren’t heartbroken, would you still be a singer?

I think so, yeah. I think back then I was just like, I was a young teenager so kinda looking for anything that would be content for a song. I like heartbroken. It’s like the most natural pure feeling but imagine if no one broke my heart when I was young, I think I’d still be writing, I hope so.

12. ถ้าตอนนั้นภูมิไม่อกหัก คิดว่าวันนี้จะยังเป็นนักร้องอยู่ไหม?

ถ้าตอนนั้นผมไม่ได้อกหัก ผมก็ยังจะเขียนเพลงอยู่ครับ นึกย้อนไปช่วงนั้น ผมเป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง เอาจริงผมชอบความรู้สึกตอนที่อกหักนะ มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่จริงที่สุดแล้วเพราะมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าตอนนั้นไม่มีใครหักอกผม ผมก็คิดว่าผมน่าจะยังคงเขียนเพลงอยู่

Phum Viphurit

13. What’s Thai Music Industry in your view?

I think It’s great! There’s a lot of bands, a lot of variety in music as well and yeah, I hope more of us gets to go play overseas.

13. ในความคิดภูมิวงการเพลงไทยเป็นอย่างไร

ผมคิดว่าดีเลยครับ มีวงเยอะแยะมากมาย แนวเพลงก็หลากหลาย ผมหวังให้วงไทยหรือศิลปินไทยเป็นที่รู้จักในต่างประเทศเยอะขึ้น

Phum Viphurit

14. Is there a chance to release your Thai song?

Very soon I might be doing a project involving me singing in Thai but for the moment I don’t have any plans writing songs in Thai. It’s hard enough for me to write songs in English so maybe in the future but not now.

14. ภูมิมีเแพลนที่จะปล่อยเพลงไทยบ้างไหม?

เร็ว ๆ นี้จะมีโปรเจ็กต์ที่ผมต้องร้องเพลงไทย แต่เรื่องเขียนเพลงไทยตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลยครับ แค่เขียนเพลงภาษาอังกฤษก็นับว่ายากพอสำหรับผมแล้ว บางทีในอนาคตอาจจะมีคิด ๆ บ้าง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอนครับ

15.  Phum Viphurit in the next 10 years?

I think I’ll be 33 so I hope I’d still be doing what I’m doing now. If not, I’d like to be like a producer developing other talents. I’d love to be making my own films sending them to festivals. I hope I’d have a house by then, maybe a car and maybe like a bulldog, yeah I’d like to have a pet bulldog.

15. คิดว่า “ภูมิ วิภูริศ” ในอีกสิบปีต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?

นับไปอีก 10 ปีข้างหน้า ตอนนั้นผมน่าจะอายุ 33 หวังว่าผมยังจะคงทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ ผมอยากจะเป็นโปรดิวเซอร์ที่มากความสามารถคนหนึ่ง ผมอยากลองทำหนังสักเรื่องหนึ่ง แล้วส่งไปเข้าร่วมเทศกาลหนัง ผมหวังว่าผมจะมีบ้านสักหลังหนึ่งแล้วนะตอนนั้น มีรถคันหนึ่งด้วย กับสุนัขพันธุ์บูลด็อกอีกหนึ่งตัว

Phum Viphurit

16. Who is “Phum Viphurit” in your eyes?

Who is Phum Viphurit in my eyes? I don’t know. I don’t really take time to have a look at myself like existentially but I think I’m a very chilled average guy. Just one day, his music just blew up on the Internet and now just travelling the world all of sudden. I’m very chilled, very happy, very content with life I would say.

16. ใครคือ “ภูมิ วิภูริศ” ในสายตาของภูมิเอง?

ภูมิ วิภูริศคือใครในสายตาของผมเหรอครับ ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยสำรวจตัวเองสักเท่าไร แต่ผมคิดว่าผมเป็นแค่ผู้ชายทั่วไปคนหนึ่ง ที่อยู่ ๆ เพลงของเขาก็เกิดบูมขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ต และได้มีโอกาสเดินทางไปในหลาย ๆ ประเทศ ผมคงบอกได้แค่ว่าผมเป็นคนที่ชิล แฮปปี้ และพอใจกับชีวิตมากคนหนึ่งครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags
waritto

it's not too late to MOVE forward.

  • 1