‘นิน – ธนิน’ หนุ่มผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการสไตล์ลิ่งตัวเอง
Share
พูดถึงการค้นหาสไตล์ที่ใช่ในการแต่งตัวของแต่ละคน ทุกๆ คนต้องเคยลองผิดลองถูกกันมาไม่น้อย
‘นิน – ธนิน ศรีธวัชพงษา’ เองก็เช่นกัน เขาได้บอกเล่ากับ MOVER ถึงที่มา กว่าจะมาเจอว่าสไตล์กึ่ง Business Casual ว่าคือสไตล์ที่ใช่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วตัวเขาก็ลองมาหลายรูปแบบเหมือนกัน แต่จะชอบได้อย่างไร เมื่อไหร่ อะไรคือแรงบันดาลใจจนถึงขนาดมาเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมถึงการเป็นเจ้าของช่องแนะนำการแต่งตัวสำหรับผู้ชายในยูทูปที่มีผู้ติดตามกว่าหกหมื่นคน เราไปค้นหาคำตอบกับเราได้ในบทสัมภาษณ์นี้กันครับ
แนะนำตัว
ธนิน ศรีธวัชพงษา ชื่อเล่นเรียกว่า นิน ก็ได้ครับ ตอนนี้หลักๆ ทำช่องยูทูปสอนแต่งตัว (Youtube: Tanin S) แนะนำการแต่งตัวของผู้ชาย แล้วก็ทำแบรนด์รองเท้ากับเสื้อผ้าครับ (รองเท้า: LUUI.co เสื้อผ้า: Raccooneasywear) รองเท้านี่ทำมาประมาณ 3 ปี ส่วนเสื้อผ้าทำมาร่วม 1 ปีได้ครับ
นิยามสไตล์การแต่งตัว
เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเรียกว่าอะไร แต่มันคือแนวกึ่งๆ พวกวัดตัด แต่สไตล์ผมจะเอามันมาใส่ให้ดูลำลองขึ้น เพราะถ้าเป็นพวกวัดตัดเพียวๆ มันก็จะเป็นพวกชุดสูท เชิ้ต ไทด์จ๋าๆ ไปเลย แต่ผมเอามาแมทช์ให้มันใส่ง่ายขึ้น แล้วก็เลือกเนื้อผ้าที่มันเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา ไปในทาง Casual แต่ก็มีกลิ่นอายของความเนี้ยบอยู่ข้างใน
ชอบแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ถ้าเริ่มแต่งสไตล์นี้เลย ก็น่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2015 ครับเพราะก่อนหน้านี้ผมก็ลองผิดลองถูกมาหลายแบบ เช่น ลองแต่งสไตล์ญี่ปุ่นบ้าง สตรีทบ้าง แนวใส่สูทจ๋าๆ ก็มีอยู่ แต่ว่าสุดท้ายผมก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับเมืองไทย เราแต่งอะไรให้มันสบายแล้วเราก็ใช้ชีวิตในทุกวันได้ด้วยจะดีกว่า เพราะแต่ก่อนเราจะแต่งให้ดูเท่ดูหล่อมากกว่า
ส่วนถ้าถามถึงแรงบันดาลใจ อิทธิพลในการแต่งตัว จริงๆก็อิงจากหลายๆแหล่ง ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลี ถ้าเป็นพวกหนัง มันก็จะเป็นอารมณ์อินสไปร์จากหนังเก่าๆ หน่อย อย่าง God Father เราก็จะสังเกตดูเรื่องสี การแมทช์ชิ่ง สไตล์ลิ่ง ถ้าเป็นเกาหลี ผมชอบซีรีย์ Mr.Sunshine เกี่ยวกับยุคสงครามล่าอาณานิคม กำลังจะโดนญี่ปุ่นกับอเมริกาเข้ามาล่า หรืออย่างซีรีย์เน็ตฟลิกซ์ เช่น Peaky Blinder ก็ดูครับ
เวลาไปข้างนอก แต่งตัวแบบไหน ใส่อะไรบ่อยที่สุด ?
ผมชอบใส่เสื้อยืด กางเกงเอวสูง แล้วก็หาอะไรมาคลุมเสื้อหน่อย อันนี้คือหลักๆเลย เวลาที่เราคิดไม่ออกว่าจะแต่งตัวยังไงดี นี่ก็เหมือนกึ่งๆว่าเป็นยูนิฟอร์มประจำตัวเรา
ถ้าเปลี่ยนจากนั้นหน่อย ก็จะเปลี่ยนจากเสื้อคลุม มาเป็นเสื้อแจ็คเก็ต ถ้าเป็นรองเท้าก็จะใส่พวก Loafers แล้วก็พวกหนังกลับ แต่ถ้าผมต้องใส่สูทเรียบร้อยทางการเลย ผมก็จะใส่รองเท้าผูกเชือก รองเท้าหนังครับ
พูดถึงรองเท้า Loafers ดูแลยากไหม โดยเฉพาะแบบหนังกลับ
จริงๆตอนแรกก็คิดว่ายากนะครับ แต่พอเราศึกษามันจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ พอเราใช้มันมาถึงจุดหนึ่งแล้วเราก็ไม่ค่อยดูแลเหมือนกัน คนจะชอบคิดว่าดูแลยากแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันก็เหมือนหนังเงาทั่วไปเนี่ยแหละ เพราะว่าพอโดนน้ำโดนอะไรนิดหน่อยมันก็ไม่เป็นไร เราแค่ต้องรู้ว่าต้องดูแลอย่างไร แล้วก็แปรงๆ มันหน่อย ฉีดสเปรย์กันน้ำ กันสิ่งสกปรก แค่นี้ เผลอๆแล้วดูแลง่ายกว่ารองเท้าหนังเงาอีก เพราะหนังเงาต้องมาคอยขัดด้วย
แนะนำแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าที่ไปประจำ
จริงๆ สยามผมก็เดินบ่อย คือมันเป็นแนวเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้เรียบร้อยมาก ถ้าเป็นแบรนด์นอกก็จะเดินในห้างทั้ง Siam Center และ Siam Discovery แต่ถ้าเป็นแบรนด์ไทย แถวสยามสแควร์และลิโด้ ผมก็เดินบ่อย มีหลายร้านอยู่ แต่หลักๆ ที่ได้ซื้อจริงคือพวกจตุจักร พวก The Camp หรือตลาดของมือสอง พวกแบรนด์ญี่ปุ่น เราก็จะได้ของคุณภาพที่ดีในราคาที่มันถูก ถ้าเป็นพวกสูทไปเลย พวกตัดเสื้อผ้า ผมก็จะซื้อที่ JBB* Menswear หรือ The Decorum ที่อารีย์
ไอเท็มอะไรที่เราเคยซื้อมาในราคาที่แพงที่สุดกับราคาถูกที่สุด ?
ผมเคยตัดสูทตัวละ 70,000 บาท พอดีตอนนั้นผมไปเรียนทำรองเท้าที่อิตาลี มีร้านสูทที่ดังมากร้านหนึ่งในเมืองฟลอเรนส์ สูทเขาสวยมาก ถึงจะรู้สึกว่ามันแพงแต่ก็รู้สึกว่ามันคุ้มด้วย ก็กลั้นใจอยู่แหละตอนนั้น (หัวเราะ)
ส่วนของถูกที่สุด ผมรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นไทด์ ซึ่งมันก็คุ้มที่สุดด้วย ตอนผมไปเดินตลาดมือสองในญี่ปุ่น ผมซื้อมาสองเส้น แต่จริงๆ คือใช้อยู่เส้นเดียวบ่อยสุด สีน้ำเงิน ซื้อมาในราคา 100 เยน แล้วเราใส่บ่อยมาก เราก็เลยรู้สึกว่ามันคุ้ม แล้วสิ่งที่น่าสนใจคือ สูทเจ็ดหมื่นบาทกับไทด์หนึ่งร้อยเย็นเนี่ยผมก็เอามันมาใส่ด้วยกันด้วยนะ
คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า “ของดี มีคุณภาพ ก็ต้องแพง”
ก็เป็นคำพูดที่ถูกของมันนะ แต่ของที่ถูกและดีมันก็มี เพียงแต่ว่าคุณก็ต้องเลือกต้องสรรหามันหน่อย มันมีหมด มันไม่ใช่ว่ามันจะต้องแพงอย่างเดียว ซึ่งจะถูกจะแพง สิ่งสำคัญคือเราก็ต้องเลือกให้เป็น
สมมติถ้าเราจะซื้อของมือสองเนี่ย เราก็ต้องดูว่าสภาพดีโอเค รับได้ไหม แต่ถ้าพูดถึงในแง่การผลิตการทำเสื้อผ้า แน่นอนว่าถ้าเราซื้อมือหนึ่งเลย ของที่ราคาสูงกว่า มันก็ต้องมีกลไกของมัน แต่หมายถึงว่าต้นทุนมันก็ต้องแพงกว่าด้วย เขาก็น่าจะใช้วัตถุดิบที่มันคุณภาพดีกว่า ราคาก็เลยแรงกว่า
ถ้าสมมติคุณซื้อของราคา 500 บาท ต้นทุนวัสดุที่ใช้ผลิตของชิ้นนั้น 200 บาท เขาก็คงขาย 500 บาทแต่ถ้าสมมติของราคา 3,000 บาทอย่างเนี้ย ต้นทุนมันอาจจะแพงขึ้นมาเป็น 1,000-1,500 บาท ซึ่งวัสดุทุกอย่าง การตัดเย็บ ความพิถีพิถันในการกระบวนการผลิตมันก็มากขึ้น ใช้ศาสตร์ในการผลิตมากขึ้น ของมันก็ต้องแพงขึ้นนะครับ
สมมติถ้าต้องไปติดเกาะติดอยู่ในป่า จะเลือกไอเท็มไหนไปด้วย
คงเป็นเสื้อผ้า กางเกงขาสั้น ไม่อยากติดเกาะแบบไม่มีเสื้อผ้า เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นสักตัวหนึ่ง กับกางเกงขาสั้นละกันครับ
คำพูดอะไรที่เรามักจะพูดบอกตัวเองเสมอๆ
ส่วนใหญ่ผมจะคิดว่า “เราอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด” หมายถึงว่า อย่าไปเอาอดีตมาคิด แล้วก็อย่าไปคิดถึงอนาคตเยอะ เราทำทุกวันให้ดีที่สุด
สีอะไรบ่งบอกความเป็นตัวตนที่สุด
สีขาวครับ ส่วนตัวผมคิดว่าสีขาวแต่งกับอะไรมันก็ไปด้วยกันได้ มันดูแล้วให้ความรู้สึกเข้ากับคนง่าย
มองตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้า
ถ้าเป็นเรื่องการแต่งตัว ไม่แน่ใจเลยว่าอีก 10 ปี ผมจะยังแต่งตัวแบบนี้อยู่หรือเปล่า ตั้งแต่เราเริ่มแต่งตัวมา มันก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ มันไม่ตายตัว แต่ว่าช่วงนี้มันก็จะเป็นสไตล์ประมาณนี้ อนาคตข้างหน้าเราอาจจะมีการอัปเดตแหละ แต่ก็อาจจะไม่ได้ต่างไปจากนี้มาก มันก็อาจจะยังมีความเป็นตัวเราสูง แต่ถ้าตอนนั้นในอนาคตมันมีอะไรที่ฮิตและอินเทรนด์ใหม่ก็อาจจะตามๆ ปรับๆ ไปให้เข้ากับเรา
ส่วนถ้าในมุมของชีวิตก็อาจจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นล่ะมั้งครับ ทั้งในหน้าที่การงาน และความรับผิดชอบก็คงต้องมีมากขึ้น ต้องดูแลครอบครัวมากขึ้น
ยอดไลค์ ยอดแชร์ สำคัญแค่ไหน?
เอาจริงๆ มันก็ครึ่งๆ นะครับ สำหรับผมสิ่งนี้มันสำคัญในเชิงการทำงาน แต่ถ้าเป็นเชิงส่วนตัว ถ้ายอดไลค์ยอดแชร์ตก ถามว่าผมแคร์มั้ยเหรอ เราไม่แคร์หรอก แต่คือถ้ารูปไหนยอดดี ก็แสดงว่าน่าจะเวิร์ก ก็เอามาศึกษาพัฒนางานของเราต่อ
แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นอะไรที่เราชอบ มันเป็นสไตล์เรา แล้วคนอื่นไม่ชอบ เราก็จะไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ ในที่นี้ไม่ใช่ว่าไม่แคร์คนดู แต่หมายความว่า เราชอบผลงานของเรา กว่าจะออกมาเป็นวีดิโอคลิปหนึ่งหรือรูปภาพรูปภาพหนึ่ง ถ้าคนเค้าไม่ได้ชอบมาก เราก็ต้องมาคิดต่อนะว่าคนเขาไม่ชอบเพราะอะไร หรือเราจะมีวิธีไหนในการที่จะทำให้เขามาเข้าใจสิ่งที่เรากำลังนำเสนอมากกว่า
สไตล์สำคัญกับเราแค่ไหน?
ก็สำคัญแหละ มันเป็นสิ่งบ่งบอกถึงตัวเรา เวลาใครเห็นเรา มันก็สะท้อนความเป็นตัวเรา ทำให้คนเขาจดจำเราได้ง่ายมากขึ้น แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราชอบใช้ชีวิตแบบไหน แต่ละคนมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน
ิ
อยากฝากอะไรถึงคนที่ติดตามเรา
ผมจะบอกว่าจริงๆ แล้ว สำหรับคนที่ดูเราเพื่อเป็นเรฟเฟอเรนส์ในการแต่งตัว การแต่งตัวมันไม่มีผิดมีถูกหรอก การแต่งตัวมันจะต้องลองไปเรื่อยๆ จนเจอในสิ่งที่ตัวเองใส่แล้วมั่นใจที่สุด ผมเองก็ลองผิดลองถูกมาเยอะเหมือนกัน กว่าจะมาเจอตัวเองตรงนี้
อยากให้ทุกคนลองเล่นอะไรสนุกๆ จับอะไรที่อยากใส่มาลองใส่ มันอาจจะดี แล้วคุณอาจจะชอบมันก็ได้ สไตล์ใคร สไตล์มัน ไม่มีผิด ไม่มีถูก เลือกที่ตัวเราเองใส่แล้วมั่นใจน่าจะดีที่สุดสำหรับทุกคนครับ