เช็คความพร้อมก่อนสงครามเทพ กับ 8 ข้อที่คุณต้องรู้ก่อนดู THOR RAGNAROK
Share
ภาพยนตร์จักร ๆ วงศ์ ๆ แห่งจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) เดินทางมาจนถึงภาคที่ 3 กันแล้ว หลังจาก 2 ภาคก่อนหน้า ไม่ค่อยจะถูกใจแฟน ๆ และนักวิจารณ์เสียเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรภาพยนตร์ในจักรวาลนี้ก็ไม่เคยทำคุณผิดหวังถึงขนาดเสียดายเงินที่ซื้อตั๋วเข้าไปดูแม้สักครั้ง อย่างน้อยคุณก็จะได้เสพสุขกับฉากแอคชั่นสุดตระการตาแน่นอน แต่ถ้าคุณคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้คุณได้เพียงแค่นั้นอย่าง 2 ภาคแรก ผมต้องขอบอกก็เลยว่าคุณคิดผิด วันนี้ผมจะมาเช็คความพร้อมกับ 8 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดหนังลิเกจักรวาลเรื่องนี้เป็นอันขาด
1.
หนังไตรภาค ลำดับที่ 3
นับว่าจักรวาล MCU เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นมาก ๆ แล้ว มีภาพยนตร์ต่าง ๆ รวม ๆ กันถึง 16 เรื่อง ตามฮีโร่แต่ละตัว แต่พึ่งจะมีฮีโร่เพียง 2 ตัวเท่านั้น ที่มีหนังครบเป็นไตรภาคคือ Iron man และ Captain America จนมาถึงเรื่องล่าสุดนี้ Thor : Ragnarok เรื่องนี้เป็นหนังปิดไตรภาคของธอร์ โดยสังเกตว่าหนังไตรภาคก่อนหน้า จะเป็นหนังที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงและแนวทางต่อไปในอนาคตของฮีโร่ตัวนั้น ๆ และแน่นอนว่าต้องสุดยอดกว่าทุกภาคก่อน ๆ
2.
การสานต่อเรื่องราว
จากภาพยนตร์หลายเรื่องก่อนหน้านี้ของจักรวาล MCU ได้ทิ้งปมต่าง ๆ ไว้มากมายให้เราสงสัย ที่คาดเดาว่าจะมาเฉลยกันใน THOR ภาคนี้ ได้แก่
ยักษ์เขียวออกเดินทาง
The Avenger 2 : Age Of Ultron
ฉากจบของเรื่องที่เจ้าฮัล์คยักษ์เขียวของเราไม่ได้กลายร่างกลับเป็นดร.บรูซ แบนเนอร์ แต่นั่งเครื่องบินไปที่ไหนก็ไม่รู้อย่างปริศนา ทำให้หลาย ๆ คนเดากันว่าเจ้ายักษ์เขียวตัวนี้จะบินออกไปนอกโลกหรือเปล่า เพราะตามคอมมิคในอีเวนต์ที่ชื่อว่า Planet Hulk ยักษ์เขียวของเราถูกส่งไปนอกอวกาศเพราะเกรงว่าตัวมันจะเป็นภัยต่อโลก จึงมีข่าวลือว่าฮัล์คจะได้มีหนังเดี่ยวเป็นของตนเองเสียที ข่าวลือนี้เริ่มแพร่หลายเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องถูกสยบข่าวทุกอย่างด้วยเหตุผลที่ว่าลิขสิทธิ์การสร้างหนังเดี่ยวของฮัล์คยังอยู่กับทาง Universal Studio เช่นเดียวกับที่ Spider Man อยู่กับทาง Sony picture ซึ่งทาง Marvel สามารถนำตัวละครของฮัล์คมาใช้ได้แต่ไม่สามารถสร้างหนังเดี่ยวของมันได้ ดังนั้นความหวังของเหล่าแฟน ๆ ที่จะได้เห็นฮัล์คเขียวตะลุยอวกาศจึงหมดไป แต่แล้วเมื่อ THOR : Ragnarok ปล่อยตัวอย่างออกมาก็ทำให้เรารู้ว่าเจ้าฮัล์คมันออกมานอกอวกาศจริง ๆ และจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องอีกด้วย
นิมิตรของธอร์
The Avenger 2 : Age Of Ultron
ฉากที่สกาเล็ต วิช ใช้พลังสร้างภาพหลอนใส่ธอร์ ทำให้ธอร์เห็นภาพนิมิตร เป็นฉากที่ นิลฟ์ไฮม์ หรือ อาณาจักรนรกของเทพเจ้าชาวนอร์ส ฉากนี้เราได้เห็นหญิงคลุมผ้าคลุมสีดำเดินผ่านจอไป หลาย ๆ คนเดาว่าน่าจะเป็น เฮล่า เทพีแห่งความตาย ที่จะโผล่มาในภาคใหม่นี้ด้วย และได้เห็นอีสเตอร์เอ้กเล็ก ๆ คือ มีบุคคลที่มีตัวเป็นมนุษย์และหัวเป็นสัตว์ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือ หัวม้า ที่เดาว่าน่าจะเป็น Beta Ray Bill ที่เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีส่วนสำคัญมากในคอมมิคของธอร์ อีกสิ่งที่ทำให้เรามโนไปอีกเรื่องก็คือ เราได้เห็นฮัมดาลล์ผู้ปกป้องประตูมิติในแอสการ์ดสภาพสะบักสะบอมและตาบอด ทำให้หลาย ๆ คนตั้งข้อสงสัยถึงดวงตาของเขาที่สามารถมองได้ทั่วจักรวาลว่ามันหายไปไหน หรือว่าดวงตาของเขาจะเป็นอัญมณีอินฟินิตี้สโตนอีกหนึ่งชิ้นกันแน่ และในตอนท้ายธอร์ได้เห็นอัญมณีต่าง ๆ ที่ปรากฎขึ้นมาแล้วใน MCU และถุงมือที่รวบรวมมัน โดยที่ถุงมือมีอัญมณีครบแล้วทุกเม็ด แต่เขาไม่เห็นว่าใครที่เป็นคนครอบครองมัน เราอาจจะได้พบคำตอบของอัญมณีอีกหนึ่งเม็ดจากเรื่องนี้ก็เป็นได้
โอดินหายไปไหน
THOR 2 : The Dark World
ในตอนท้ายของเรื่องเราได้รู้ว่าโลกิยังไม่ตายและเขาปลอมตัวเป็น โอดิน พ่อของเขา นั่งอยู่บนบัลลังก์ของกษัตริย์แห่ง Asgard ทำให้เรารู้ว่าโอดินพ่อของธอร์และโลกิหายตัวไป แต่หนังไม่ได้บอกว่าโลกิยังคงนั่งคุมบัลลังก์อยู่หรือไม่ เพราะถ้าเราดูจาก Trailer จะเห็นว่าโลกิก็ปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของตัวเขาเองไม่ใช่การปลอมตัว ถือเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ที่แน่ ๆ ภาคนี้เราจะได้เห็นโลกิสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชายของเขาอีกครั้ง
คนที่จะช่วยธอร์ตามหาพ่อ
Doctor Strange
ฉากนี้มาในช่วงกลางเครดิตของหนังฉายเดี่ยวกำเนิดจอมเวทย์แห่ง MCU โดยธอร์ได้มาขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ให้ช่วยตามหาพ่อของเขา โอดิน ราชาแห่งแอสการ์ดที่หายตัวไปอย่างปริศนา เป็นอีกหนึ่งเรื่องยืนยันว่าในธอร์ภาคใหม่นี้เรามีสิทธิ์จะได้เห็นด็อกเตอร์ สเตรนจ์ มาช่วยธอร์ในการตามหาตัวพ่อของเขาอย่างแน่นอน แต่จะช่วยในรูปแบบไหนยังไงคงต้องไปลุ้นในตัวหนังกันเอาเองนะครับ
3.
กำกับโดยผู้กำกับสายฮา ที่ไม่เคยกำกับหนังฟอร์มยักษ์
เราอาจจะงง ๆ กับหัวข้อนิดหน่อย ว่า “เฮ้ย! มาร์เวล นายเอาจริงหรอ?” แต่จากที่เรารู้กันจุดขายสำคัญของภาพยนตร์ในจักรวาล MCU จะต้องมีความสนุกและให้อารมณ์ขัน แต่ในธอร์ภาคก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ภาคดูจะเป็นหนัง Epic จักร ๆ วงศ์ ๆ ที่ไม่ค่อยจะตลกตามใจแฟน ๆ เสียเท่าไหร่ ภาคนี้ทางมาเวลเลยจัดให้ตามสนองโดยเลือกผู้กำกับสายฮา ตัวจี๊ด อย่าง Taika Waititi ชาวนิวซีแลนด์ ที่สร้างชื่อจากหนังตลกสุดแนวอย่าง Hunt for the Wilderpeople และ What We Do in the Shadows ที่แกลงทุนกำกับเองเล่นเอง และได้รับเสียงชื่นชมจากหลาย ๆ สำนักในทางบวก
ไทก้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ตัวเขาไม่เคยกำกับหนังใหญ่ฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ และเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานของมันเลย ไม่รู้นี่แบบไม่รู้จริง ๆ นะ” แต่ตัวเขาเองเป็นแฟนคอมมิคเรื่องนี้โดยตรงแบบแนบแน่น ดังนั้นการทำงานทุกอย่างจึงเหมือนกับสร้างสิ่งที่เขารักเลยทำให้ไม่มีปัญหาใด ๆ อีกอย่างไทก้ายังร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย แต่จะเป็นตัวอะไร และมีบทบาทเช่นไรต้องไปดูกันครับ
4.
Mood ของหนังที่เปลี่ยนไป
ในจักรวาล MCU หนังแต่ละเรื่องจะมีมูทโทนที่แตกต่างกันชัดเจน เช่น Iron Man ก็จะมีมู้ดโทนไปในทางหนังวิทยาศาสตร์ เครื่องกล อย่าง Guardians Of The Galaxy ก็จะไปในทางหนังอวกาศ สำหรับธอร์ก็เป็นมูทแบบหนังอีปิคจักร ๆ วงศ์ ๆ แบบมืดหม่นหน่อย
แต่สำหรับธอร์ภาคที่ 3 นี้ มูทโทนต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปจากเดิมด้วยฝีมือของผู้กำกับที่เราพูดถึงไปข้างต้น ด้วยสไตล์การกำกับหนังของเขา ทำให้หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังอวกาศที่จะมีฉากคอมเมดี้จิ๊ด ๆ เยอะมาก ๆ แน่นอน และโทนสีของหนังจากภาคก่อนเราจะเห็นว่าจะมีความหม่น ดาร์กพอสมควร แต่พอมาในภาคนี้จากที่เราได้เห็นกันทั้งโปสเตอร์ และในตัวอย่างจะเกิดคำถามในใจทันทีว่า “นี่มันหนังจากซีรีส์เรื่องเดียวกันหรือนี่?” มันช่างสดใสเหลือกเกิน เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซีรีส์ชุดนี่เลยทีเดียว
5.
ไม่ได้สร้างตามคอมมิคเป๊ะ ๆ
ในคอมมิคของธอร์ อีเวนต์ แร็คนาร็อค เป็นอีเวนท์ใหญ่ของซีรีส์ชุดนี้ ที่เล่าถึงการล่มสลายของชาวแอสการ์ดและจักรวาลที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวัฏจักร จนธอร์สามารถหยุดมันได้ แต่สำหรับในภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่สร้างตามคอมมิคเป๊ะ ๆ อย่างแน่นอน น่าจะเป็นการหยิบยกไอเดียขั้นต้นมาจากคอมมิคตอนดังกล่าว ผสมกับคอมมิคอีเวนต์อื่น ๆ เช่น อีเวนต์ Planet Hulk และ World War Hulk ของฮัล์คที่เล่าถึงตอนที่ฮัล์คถูกทำให้ออกไปนอกโลกและไปใช้ชีวิตในอวกาศที่ดาวแห่งการประลองจนเป็นดาวเด่นดาวดังของที่นั้น อย่างที่เราเห็นในตัวอย่าง ส่วนจะมีคอมมิคหรืออีเวนต์ตอนไหนมาสอดแทรกในเนื้อเรื่องอีกหรือไม่ต้องไปลุ้นในหนังกันครับ
6.
กระแสวิจารณ์ที่ดีเกินคาด
กระแสวิจารณ์จากเว็บเพจและผู้ชมที่ได้ดูในรอบทดลองฉาย ต่างเป็นไปในทางเดียวกันคือการันตีแน่นอนว่าดีกว่า 2 ภาคก่อนหน้านี้ มีทั้งความสนุก ตื่นแต้น และที่สำคัญแต่ละมุกนี่เล่นเอาขำก๊ากเลยทีเดียว โดยได้เรตติ้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่สูงพอสมควร เช่น เว็บ IMDb เว็บไซต์จัดเรตติ้งหนังและรวบรวมข้อมูล ได้คะแนนไปถึง 7.9 เต็ม 10 ถือว่าเป็นเรทติ้งที่สูงเป็นลำดับที่ 5 รองจาก Guardians of the Galaxy, The Avengers, Captain America: Civil War และ Iron Man เท่านั้นเอง และอีกเว็บไซต์หนึ่งอย่าง rottentomatoes ได้คะแนนไปถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าคะแนนจะลงหรือเพิ่มขึ้นจากนี้อีกหรือไม่ เมื่อนั่งเข้าฉายแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวได้สวยหรูที่สุดในหนังจากชุดนี้
7.
ดีไซน์ด้วยความเคารพ
ด้วย ไทก้า ผู้กำกับของเรื่องเป็นแฟนตัวยงของคอมมิคชุดนี้ ตัวเขาจึงเคารพมันมาก ๆ โดยการหยิบยกลายเส้นของ Jack Kirby ผู้ให้กำเนิดฮีโร่มาเวลหลายต่อหลายตัวรวมไปถึงธอร์ร่วมกับ Stan lee มาใช้เป็นเรฟเฟอร์เรทซ์ต่าง ๆ ในการดีไซน์ ทั้งฉาก เสื้อผ้าตัวละคร มู้ดโทนของภาพ ต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในจักรวาล MCU ที่จะเน้นการออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากคอมมิคเพื่อให้ทันยุคทันสมัย แต่ในธอร์ 3 นี้ สังเกตุได้จาก ตัวละครอย่าง เฮล่า ตัวร้ายหลักของเรื่อง ที่เรียกได้ว่าดีไซน์แทบจะถอดมาจากคอมมิคแบบเป๊ะ ๆ เลยก็ว่าได้ อีกสิ่งที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นฉากของดาว Sakaar ดาวสนามประลองที่ได้เห็นในตัวอย่าง ถ้าแฟน ๆ คอมมิคจะรู้สึกทันทีว่าฉากนี้มันให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนออกมาจากลายเส้นของแจ๊ค เคอร์บี้ จริง ๆ
8.
ยืนยัน Easter Egg เพียบ
จากเหตุผลเดียวกันกับข้อบน เมื่อแฟนคอมมิคมาสร้างหนัง ก็แอบซ่อนหลายต่อหลายสิ่งที่นึกออกลงไปเต็มไปหมด ถึงขนาดแค่ในตัวอย่าง ก็มีมาโชว์เราแล้วหลายจุด เช่น ฉากด้านบนนี้ น่าจะเป็นหอคอยบนดาวสนามประลอง Sakaar ถ้าดูเพิน ๆ อาจไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าลองมองดี ๆ เราจะเห็นรูปหล่อของหัวต่าง ๆ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็น ผู้กล้าหรือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับสนามประลองแห่งนี้ ที่พอจะดูออกก็มี Man-thing ปีศาจในหนองน้ำ Beta Ray Bill คนหน้าม้าที่เราพูดถึงในตอนต้น ส่วนที่เหลือจะเป็นใครนั้นต้องไปเพ่งดูกันในหนังนะครับ นอกจากนี้ยังมีฉากอื่น ๆ อีก และรับประกันว่าในหนังต้องมีอีกเพียบแน่นอน อย่ากระพริบตากันล่ะครับ ก่อนจากกันไปเรามีบมสัมภาษณ์ของ Thor ตัวจริง อย่าง “คริส เฮมสเวิร์ธ” มาฝากกันด้วย
Q: คุณมองตัวละครของคุณยังไงหลังจากที่รับบทนี้มาเจ็ดปีแล้ว
A: ตอนนี้ ผมก็รับบทตัวละครตัวนี้มาได้เจ็ดปีแล้ว ซึ่งในแง่หนึ่งดูเหมือนนานเป็นชาติแล้ว แต่มันก็ดูเหมือนว่าเราเพิ่งถ่ายทำหนังภาคแรกกันเมื่อวานนี้เอง หนังภาคแรกสนุกมากเพราะมันเป็นหนึ่งในงานใหญ่งานแรก ๆ ของผม ทุกอย่างแปลกใหม่เหลือเกิน ผมอยู่ภายใต้การกำกับของเคน บรานาห์ ซึ่งวิเศษสุดเลย เขาเนรมิตชีวิตให้กับโทนเชคสเปียร์ ประวัติศาสตร์และหนังสือการ์ตูนในแบบที่ผมไม่คิดว่าคนอื่นจะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีการเปลี่ยนแปลงโทนในการเล่าเรื่องอย่างชัดเจน มันก็เลยส่งผลต่อการแสดงของผมครับ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับไทก้า ไวทีติ รวมถึงอารมณ์ขัน ทัศนคติและความต้องการจะสำรวจของเขา การทำในสิ่งที่แตกต่างก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผมต้องการทำในหนังเรื่องนี้และสิ่งที่สตูดิโอต้องการจะทำพอดี เควิน ไฟกีและทีมงานที่มาร์เวลต้องการจะดูว่าเราสามารถนำพามันไปที่ไหนได้บ้าง และนี่ก็เป็นหนึ่งในกองถ่ายที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่ผมเคยทำงานด้วยเลยล่ะครับ
Q: ธอร์เจออะไรในหนังเรื่องนี้บ้าง
A: ธอร์มาจากโลกที่เขาเป็นตัวละครที่ทรงพลัง แข็งแกร่ง และมีความสามารถสูงสุด จากนั้น เขากลับถูกส่งไปอยู่ดาวซาคาร์ ที่ซึ่งไม่มีใครสนว่าเขาเป็นเจ้าชายแห่งแอสการ์ด ดังนั้น มันก็เลยไม่ได้ช่วยให้เขามีอำนาจหรือคุณค่าใด ๆ เลย พลังของเขาถูกลดลงไปเพราะวงแหวนควบคุมที่ติดอยู่กับตัวเขา ตอนนี้ เขามีพลังเท่ากับคนอื่นแล้ว เขาไม่ได้อยู่เหนือชาวเมืองปกติเลย ซึ่งนั่นเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดมาก ๆ ในการยึดพลังของเขาและทำให้เขาเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้น่ะครับ
Q: เขาพบใครบนดาวซาคาร์
A: ซาคาร์ปกครองโดยแกรนด์มาสเตอร์ ที่รับบทโดยเจฟฟ์ โกลด์บลูม แกรนด์มาสเตอร์เป็นคนเพี้ยน ๆ ที่มีสีสัน ตลก มีไหวพริบและมีเสน่ห์แบบป่วน ๆ ในหน้ากระดาษ ตัวละครตัวนี้ทั้งยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้น แต่ผมคิดว่าพวกเราไม่มีใครคนไหนที่คาดการณ์ได้ว่าเจฟฟ์จะทำอะไรกับบทนี้บ้าง เขาปรากฏตัวขึ้นในวันหนึ่งแล้วทำให้เราทุกคนต้องอึ้ง แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สั่นประสาทน่าดูสำหรับธอร์และโลกิที่ต้องอยู่กับตัวละครแบบนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนเลย
Q: ฮัล์คเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
A: ฮัล์คพูดเยอะกว่าที่เราเคยเห็นเขามาก่อน ซึ่งก็เยี่ยมมากเพราะมันทำให้เขาเข้าถึงได้มากขึ้นและทำให้คุณเห็นใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ แล้วคุณก็จะได้เห็นว่ามันมีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นสำหรับความสัมพันธ์ สายสัมพันธ์และมิตรภาพที่จะผลิบานขึ้นระหว่างเขาและธอร์ พวกเขาก็กลายเป็นเหมือนเพื่อนร่วมห้อง ที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับกันและกัน และมีการโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้ง การแตกหักเหมือนเพื่อนทั่ว ๆ ไปที่แล้วก็กลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม ดังนั้น การได้แสดงอะไรแบบนั้นก็เยี่ยมมากครับ
Q: พูดถึงวัลคีรีหน่อย
A: วัลคีรีเป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดของแอสการ์ด และตอนนี้ หนึ่งในวัลคีรี ที่รับบทโดยเทสซ่า ธอมป์สัน ก็ใช้ชีวิตอยู่บนดาวซาคาร์ ในฐานะนักล่าค่าหัว เธอจับธอร์ได้และขายยเขาให้ไปสู้ในลานประลองกลาดิเอเตอร์ วัลคีรีทิ้งแอสการ์ดและทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอที่นั่นไว้ข้างหลัง เธอฝังความทรงจำนั้นและใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิม ในตอนแรกธอร์ไม่รู้หรอกว่าเธอคือใคร แต่เมื่อเขารู้ตัวตนของเธอ เขาก็เหมือนกับจะบูชาเธอนิด ๆ วัลคีรีเป็นคนสวยและเป็นนักรบที่เหลือเชื่อ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีเสน่ห์มาก ๆ สำหรับธอร์ครับ
Q: ช่วยพูดถึงเฮล่า วายร้ายหญิงคนแรกหน่อย
A: เคท บลันเชตต์แสดงเป็นเฮล่าได้อย่างยอดเยี่ยมครับ เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสิ่งที่เธอจะทำกับเฮล่า ผมก็มีไอเดียอยู่บ้างว่าเธอน่าจะทำอะไร แต่ผมก็อึ้งกับผลลัพธ์ที่ออกมาจริง ๆ เธอมีทัศนคติหรือลุคแบบเสียสติหลุดโลกและมีการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์ บางครั้ง คุณจะพบว่าตัวเองเห็นใจเฮล่า ก่อนที่คุณจะจำได้ว่า เธอเป็นคนที่สังหารผู้คนและทำลายทุกสิ่ง ความขัดแย้งในใจผู้ชมแบบนั้นทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นและทำให้มันเป็นการเดินทางที่น่าดูชมยิ่งขึ้นด้วยครับ
Q: ความสัมพันธ์ระหว่างธอร์และโลกิในเรื่องราวนี้เป็นยังไง
A: ธอร์ให้โอกาสครั้งที่สองกับโลกิเสมอและไว้วางใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในภาคนี้ มันไม่เหมือนกันครับ เขายอมรับในสิ่งที่โลกิเป็นและปล่อยเขาแบบนั้น บางที มันอาจเกิดจากความพยายามที่ชาญฉลาดมากขึ้นในการดึงเขากลับมา หรือบางที ธอร์อาจจะหมดทางเลือกและไอเดียที่จะดึงเขากลับมาก็ได้ และดูเหมือนว่าครั้งนี้ มันจะกระทบใจโลกิ ใครจะรู้ล่ะครับว่านานแค่ไหน ผมคิดว่าในตัวโลกิก็มีความดีอยู่บ้าง แต่เขามีมุมมองที่บิดเบี้ยวและมีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของตำแหน่งแห่งที่ที่เขาควรจะอยู่และสิ่งที่เขาควรจะได้รับ แต่มันก็สนุกดีที่ได้ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของธอร์และทำในสิ่งที่ต่างไปจากเดิมแต่เราก็ยังมีช่วงเวลาแบบพี่น้องกันที่ยอดเยี่ยมท่ามกลางทัศนคตินั้นครับ
Q: ทำไมกองถ่ายถึงได้ไปถ่ายทำในออสเตรเลียได้
A: ผมถามว่าเราจะถ่ายทำในออสเตรเลียได้หรือเปล่า แล้วโชคดีที่ทีมงานที่มาร์เวลบอกว่าพวกเขาจะลองพิจารณาดู แต่ก็ไม่รับประกันนะ สำหรับผม การได้อยู่บ้านอีกครั้งเป็นเวลามากกว่าสองสัปดาห์เป็นเรื่องวิเศษสุด และมันก็ไปได้สวย มันเยี่ยมมาก ผมรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้ไปที่นั่น มันมีความคุ้นเคยกับทีมงานและทุกอย่างที่นี่ แถมผมยังได้นอนเตียงตัวเองอีกต่างหาก แต่ผมก็คิดว่าที่นี่มีทีมงานที่มีพรสวรรค์พิเศษสุด ทั้งนักแสดงและทีมงาน มันก็เลยวิเศษที่สุด อากาศก็ดีเยี่ยม ผมคิดว่าเราไม่เจอฝนเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นหนึ่งในการถ่ายทำที่ดีที่สุดเท่าที่ผมได้มีส่วนร่วมมาเลยครับ
Q: คุณจำอะไรได้บ้างจากการถ่ายทำในบริสเบน
A: มันบ้ามาก ๆ ครับ ผมไม่เคยเห็นคนจำนวนมากขนาดนั้นที่ตื่นเต้นไปกับกองถ่ายมาก่อนเลย มีคนมารุมล้อมมากกว่าในงานรอบปฐมทัศน์หนังเรื่องไหน ๆ ที่ผมเคยไปมาซะอีก และมันก็มีความตื่นเต้นและเสียงฮือฮามากกว่างานรอบปฐมทัศน์ที่ผมเคยไปมาด้วย คนบริสเบนตื่นเต้นกันมากและมารวมตัวกันเต็มท้องถนนไปหมดเพื่อดูพวกเรา ทั้งเมืองเหมือนกับหยุดชะงักไปสองสามวันครับ มันเป็นกระแสแง่บวกมาก ๆ และเราทุกคนก็พยายามจะออกไปข้างนอก และแจกลายเซ็นระหว่างเทคให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ มันเป็นเรื่องพิเศษสุดและเยี่ยมมากทีเดียวครับ
Q: วันหนึ่ง ๆ ของการทำงานในกองถ่ายกับผู้กำกับไทก้า ไวทีติเป็นยังไงบ้าง
A: มีการเปิดเพลง มีการเต้น มีการคุยเรื่องตลกกัน มีเรื่องเพี้ยน ๆ และความสนุกสนานมากมายครับ นอกจากนั้น ยังมีการสำรวจ การทดลองสิ่งต่าง ๆ เพื่อดูว่าเราจะผลักดันมันไปได้ถึงไหน อะไรทำนองนั้นน่ะครับ ผมต้องบอกว่านี่เป็นกองถ่ายที่สนุกสนานและเบาสมองที่สุดเท่าที่ผมเคยทำงานมา โทนของหนังเรื่องนี้มีส่วนสำคัญต่อสภาพแวดล้อมที่ไทก้าได้สร้างขึ้นด้วย มันทำให้คุณรู้สึกว่าโอเคในการทดลองสิ่งต่าง ๆ ที่คุณอาจจะยังไม่เคยลองมาก่อน หรือการทำอะไรนอกกรอบ คุณจะรู้สึกปลอดภัย ซึ่งคุณก็ต้องไว้วางใจผู้กำกับถึงจะทำแบบนั้นได้ ผมคิดว่าทุกคนรู้สึกแบบนั้นในหนังเรื่องนี้ มันเยี่ยมมากครับ
Q: คุณได้รับอะไรจากพิธีเปิดกล้องบ้าง
A: มันสวยงามครับ มีชาวเผ่าอะบอริจิน ผู้เป็นผู้พิทักษ์ผืนแผ่นดินตัวจริงมากล่าวคำอวยพรและการยอมรับแก่กันและกัน มันเป็นการเฉลิมฉลองการรวมตัวกันของผู้คน ที่มาอวยพรเราด้วยพลังงานแง่บวกสำหรับหนังเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษสุดและไม่เหมือนใครมาก ๆ และมันก็เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเข้าร่วมมาก่อนด้วย ผมได้ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมอะบอริจินมาก็มากด้วยความที่ผมโตมาในชุมชนอะบอริจินและเคยเห็นระบำและพิธีตามธรรมเนียมดั้งเดิมมาแล้ว แต่มันไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการถ่ายทำมาก่อนเลย มันก็เลยเป็นเรื่องวิเศษสุดครับ
Q: อะไรที่ทำให้มาร์เวลประสบความสำเร็จเหลือเกิน
A: ผมคิดว่าเควิน ไฟกีและทีมงานของเขาเป็นกลุ่มคนที่ฉลาดที่สุดในวงการ พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่นำเสอไอเดียของซูเปอร์ฮีโรในระดับนี้และสไตล์นี้ และพวกเขาก็สามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้เมื่อผู้ชมต้องการสิ่งที่แตกต่างออกไป พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงทิศทางได้อย่างแม่นยำมากครับ เควินและทีมงานของเขามีความรักให้กับเรื่องราวพวกนี้อย่างมาก พวกเขารักหนังสือการ์ตูนและตัวละครพวกนี้จริง ๆ พวกเขารู้จักตัวละครพวกนี้มากกว่าพวกเราที่รับบทพวกนี้เสียอีก ซึ่งไม่มีแหล่งข้อมูลไหนที่ดีไปกว่านั้นอีกแล้วครับ
สำหรับแฟน ๆ คอหนังฮีโร่ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง โดยได้นักแสดงชุดเดิมจากภาคก่อน ๆ ทั้ง คริส เฮมสเวิร์ธ ในบท ธอร์, ทอม ฮิดเดิลสตัน กลับมารับบท โลกิ, และยังร่วมด้วย เคท บลันเชตต์, ไอดริส เอลบ้า, เจฟฟ์ โกลด์บลูม, เทสซ่า ธอมป์สัน, คาร์ล เออร์บัน และ มาร์ค รัฟฟาโร่ และ แอนโธนี ฮอปกินส์ มีกำหนดการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2560
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com