5 สัญญาณเตือน! บ่งบอกว่าถึงเวลาที่คุณต้อง “เปลี่ยนงาน” ได้แล้ว
Share
Mover เชื่อว่าทุกคนล้วนคงต้องเคยพบเจออุปสรรคหรือวันแย่ ๆ ในการทำงานกันทั้งนั้น และอาจจะแย่จนรู้สึกว่า ณ วินาทีนั้นอยากจะยื่นจดหมายลาออกไปให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งบางทีความคิดในลักษณะนี้มันอาจจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบแว่บมาให้คิดพักนึงแล้วหายไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่ความคิดอยากเปลี่ยนงานที่พูดออกมาจากใจของคุณจริง ๆ ลองมาสังเกต 5 สัญญาณเตือนเหล่านี้ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าถึงเวลาที่คุณจะต้อง “เปลี่ยนงาน” และก้าวต่อไปได้แล้ว
1. รู้สึกกลัวที่จะไปทำงาน
โรคกลัวเช้าวันจันทร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติทุกคนอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการนอนดึกในคืนวันอาทิตย์ หรือการที่คุณได้รับความผ่อนคลายอย่างเต็มอิ่มในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนไม่อยากไปเผชิญกับความวุ่นวายในการทำงาน ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนไปทำงานเลย แต่ถ้าในระหว่างสัปดาห์คุณยังคงรู้สึกกลัวการไปทำงานแบบนั้นอยู่ล่ะก็ นั่นไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ คุณอาจจะต้องลองหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น
2. โดนเวลางานขโมยเวลาชีวิตคุณไป
ถ้างานที่คุณกำลังทำอยู่ทำลาย Wok Life Balance ของคุณ จนมันเบียดบังเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ หรือเปลี่ยนแปลงตัวคุณ ทำให้ไม่มีความสุข โดยใครที่มีแฟนการที่ความสมดุลตรงนี้พัง อาจกระทบถึงเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเธอให้แย่ลงได้เช่นกัน โอเคครับถ้าคุณจะยอมแลกเพราะว่าสิ่งที่ได้รับอาจจะเป็นผลตอบแทนที่สูงขึ้น มีเงินมากขึ้น ทั้งนี้คุณอาจจะต้องลองชั่งใจถามตัวเองว่ามันคุ้มแล้วใช่ไหม กับการเอาเวลาชีวิตไปแลกกับมัน
3. เครียดตลอดเวลา
ความเครียดกับการทำงานเป็นสิ่งที่เกิดร่วมกันได้เสมอ โดยเฉพาะการทำงานใหญ่ๆ ที่ทั้งเครียดและกดดันสุดขีด แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าคุณได้แบกเอาความเครียดจากงานที่ทำไปกับคุณในทุกที่ วิตกกังวลคิดเรื่องงานตลอดเวลา ส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ หรืออารมณ์แปรปวนได้ง่าย นั่นคือสัญญาณร้ายที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของคุณได้เลย แล้วอย่างนี้คุณยังจะปล่อยให้มันทำลายสุขภาพกายและใจของคุณอีกหรือ?
4. ไม่มีช่องว่างให้ก้าวไปข้างหน้า
เราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งทุกปี แต่ก็คงไม่ได้อยากให้ตัวเองย่ำอยู่กับที่ไปตลอดจริงไหม? การทำงานมันจะต้องมีการพัฒนาขึ้นไป แล้วถ้าคุณไม่สามารถมองเห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปอะไรได้เลยในบริษัทที่คุณกำลังทำอยู่ คุณก็ควรก้าวออกมาตามหาโอกาสที่ดีกว่าเพื่อตัวของคุณเอง
5. หมดไฟไร้ Passion ในการทำงาน
แม้ว่าคุณจะรักบริษัทของคุณมากแค่ไหน เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานจะดีกับคุณมากเท่าไหร่ แต่หากการทำงานของคุณขาดไฟไร้ Passion ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยทำให้คุณมีความสุขในการทำงานและช่วยให้งานประสบความสำเร็จ รู้สึกว่าการทำงานแค่ให้มันพ้นหมดเวลาไปวันๆ ขาดความกระตือรือร้น ไม่อยากขวนขวายความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ในการพัฒนาตัวเองแล้วล่ะก็ ความรู้สึกแบบนี้กำลังบอกคุณว่าถึงเวลากระตุ้นตัวเอง หรือเปลี่ยนงานใหม่ที่สามารถปลุกไฟในตัวคุณให้ลุกโชนกลับมาเหมือนเก่า
สำหรับใครที่ไฟกำลังจะมอด อย่าเพิ่งท้อแท้หมดกำลังใจ เพราะว่าคุณสามารถเติมมันได้ด้วยการมองโลกในแง่บวกให้มากกว่าเดิม ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบในงานของคุณ หรือหาบุคคลตัวอย่างที่เราอยากจะ Want to be ใช้เค้ามาเป็นแรงผลักดัน เร่งไฟความสุขในการทำงานอันริบหรี่ให้กลับมาร้อนแรงเหมือนวันแรกที่คุณเริ่มงาน
นอกจากนี้การเปลี่ยนงานด้วยเหตุผลที่ว่าคุณพบเจอโอกาส(งาน)ใหม่ที่ดีกว่า จงอย่าปิดกั้นตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่คุณจะคว้าโอกาสนั้นไว้ ในทางกลับกันเมันคือสิ่งดีๆ ที่อาจจะไม่ได้มีเข้ามาบ่อยๆ แต่คุณควรแจ้งบริษัทที่คุณกำลังทำอยู่แต่เนิ่นๆ เพื่อให้เค้าหาคนมาทำหน้าที่แทนคุณ และควรหางานใหม่ให้ได้ก่อน ซึ่งมันดีกว่าการที่คุณออกไปแล้วว่างงาน
อย่างไรก็ตามการทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบ ตนเองรัก แล้วมีความสุขไปกับมัน ก็ย่อมดีกว่าการทำงานแล้วทำให้ตนเองเป็นทุกข์อยู่แล้ว ลองสังเกตและวิเคราะห์ตัวคุณเองในวันนี้ว่าตัวเรามีสัญญาณที่มีลักษณะคล้าย 5 ข้อที่กล่าวไปหรือไม่ ถ้าคุณรู้สึกว่าตนเองมีสัญญาณเหล่านี้อย่างน้อย 2 ข้อขึ้นไป และคุณได้ลองแก้ไขมันแล้ว แต่สัญญาณเหล่านั้นยังคงรบกวนทำให้คุณไม่สบายใจอยู่เหมือนเดิม มันก็คงถึงเวลาจริงๆ ที่คุณจะต้องเปลี่ยนงานและ Move on เพื่ออนาคตของคุณได้แล้วครับ