11 ตึกดีไซน์ล้ำใน สิงคโปร์ กับที่มาที่ไม่ธรรมดา
Share
แม้ประเทศ สิงคโปร์จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แค่เพียงจุดแดง ๆ บนแผนที่โลกอันกว้างใหญ่ แต่กลับขึ้นชื่อเรื่องเศรษฐกิจที่เจริญเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก นอกจากนั้นบ้านเมืองก็ยังดูสะอาดและน่าอยู่อีกด้วย สมกับเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องกฎหมายที่เคร่งครัด เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่เติบโตและมีระเบียบ ไม่ว่าเป็นห้างสรรพสินค้า หรือตึกสาธารณะต่าง ๆ ก็มีการออกแบบที่ทันสมัยและทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอนาคต วันนี้ MOVER จึงขอพาทุกคนไปดู 11 ตึกสวยในประเทศสิงคโปร์ ที่บ้างก็อาจจะคุ้นตาเราอยู่แล้ว และบ้างก็อาจไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน แต่ยังไงก็ตาม เรารับรองว่าเจ๋งแน่นอน
1. ArtScience Museum
LOCATION : MRT สถานี Bayfront (Circle Line) เข้าห้าง The Shoppes จากนั้นเดินตามป้าย Museum ออกไปด้านนอกตรงทางเดิน Promenade ริมน้ำ ให้เดินไปทางเดียวกับที่จะไป Helix Bridge หรือง่าย ๆ ก็คือไปทิศที่มีชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer
Google Map
Inspiration
ตึกพิพิธภัณฑ์ ArtScience Museum เป็นสถานที่แห่งแรกซึ่งรวมศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน แรงบันดาลใจเกิดจากการที่รัฐให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (green design) สามารถใช้หลังคาเป็นที่เก็บน้ำและใช้ประโยชน์จากแสงแดดทำให้ห้องแสดงผลงานศิลปะทั้ง 12 ห้องนั้นมีแสงสว่างอย่างทั่วถึง นอกจากนั้นรูปร่างที่เหมือนดอกไม้ก็มีที่มาจากดอกบัวของประเทศอินเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของเชื้อชาติในประเทศสิงคโปร์
About the Architect
Moshe Safdie สถาปนิกสัญชาติอิสราเอล หรือผู้ก่อตั้ง Safdie Architects บริษัทรับออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก เจ้าของผลงานออกแบบมากมายที่เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยของส่วนรวมเป็นหลัก เช่นพิพิธภัณฑ์หรือสถาบันการศึกษาและวิจัยต่างในหลาย ๆ ประเทศเช่น จีน ออสเตรเลีย หรือจะไกลไปถึงทวีปอเมริกาใต้เช่นประเทศโคลอมเบียก็มีผลงานมาแล้ว หลักปรัชญาของ Safdie Architects คือการสร้างสถาปัตยกรรมที่มีความหมายที่ยั่งยืน ArtScience Museum เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่รวมอยู่ในโปรเจคของ Marina Bay Sands ที่มีพร้อมทั้งโรงแรมหรูและห้างสุดอลังการอย่าง The Shoppes ที่รวมร้านแบรนด์ดัง ๆ ไว้อย่างมากมาย สมกับเป็นอภิมหาโปรเจ็คที่ระดมทั้งทุนทรัพย์และความคิดเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
2. Marina Bay Sands
LOCATION : ใช้เส้นทางเดียวกับ ArtScience Museum คือลง MRT สถานี Bayfront (Circle Line) แต่ถ้าอยากจะชมวิวแบบเต็ม ๆ ของตึก เราแนะนำให้ไป Merlion Park ที่มีตัวเจ้าสิงโตทะเล ที่สถานี Raffles Place ของสาย East West พอออกมาจากสถานีให้เดินออกไป Fullerton Hotel จุดชมวิว Merlion Park จะอยู่ข้างหลังโรงแรมนี้
Google Map
Inspiration
Marina Bay Sands ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมหรูติดอันดับโลกด้วยความใหญ่โตและหรูหราของตัวอาคารซึ่งใช้เนื้อที่มหาศาลในประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ รวมแล้ว Marina Bay Sands มีมากกว่า 2,500 ห้องบนพื้นที่กว่า 120,000 ตารางเมตร พร้อมทั้ง SkyPark และ Infinity Pool ที่ทุกคนต้องได้ไปเยือนสักครั้ง โดย Moshe Safdie ผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างตึกทั้ง 3 เรียงต่อกัน และโค้งเข้ามาบรรจบตรงกลางเหมือนสำรับไพ่ เนื่องจากจุดเด่นของตึกนี้คือ Casino ที่ใช้เงินทุนสร้างสูงที่สุดมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก และเจ้าของก็คือบริษัทคาสิโนสัญชาติอเมริกาอย่าง Las Vegas Sands นั่นเอง
3. Louis Vuitton Island Maison
LOCATION : เกาะ Louis Vuitton นี้สามารถเดินต่อมาได้จากห้าง The Shoppes และอยู่ข้าง ๆ กับ ArtScience Museum โดยการลง MRT สถานี Bayfront สาย Circle สีส้ม
Google Map
Inspiration
ร้าน Louis Vuitton แห่งนี้เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองมาจาก Flagship ที่ Champs-Elysees ในกรุงปารีส เป็นหอแสดงสินค้าที่ลอยอยู่บนอ่าว Marina Bay มีการดีไซน์ในสไตล์เดียวกันกับการออกแบบเรือที่ใช้แสงจากธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ที่สุด นอกจากนี้ Louis Vuitton Maison ยังเป็นร้านขายเครื่องแต่งกายสไตล์หอแสดงสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกอีกด้วย
Louis Vuitton Island นี้ได้รวมผลงานทางวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามาอยู่ภายในร้าน เช่นศิลปะภาพวาดมากมายบนฝาผนัง ส่วนที่สำคัญที่สุดคืองานของ Ruben Toledo ศิลปินนักวาดจากคิวบา ที่ได้สร้างสรรค์ภาพที่ถูกโชว์ตรงบรรไดขึ้นลงซึ่งช่วยเชื่อมระหว่างโซนนาฬิกาและเครื่องประดับเข้ากับโซน Bookstore ที่รวบรวมหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดีไซน์ ศิลปะ และวัฒนธรรม
Interior Design
ความโดดเด่นของเกาะ Louis Vuitton นี้ไม่ใช่แค่เพียงขนาดของร้านที่ใหญ่กว่าปกติ แต่การตกแต่งที่ใส่ใจในลายละเอียดข้างในก็ไม่แพ้ข้างนอกเลย โดยสถาปนิกชื่อดังแห่งเมืองนิวยอร์กอย่าง Peter Marino ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลการตกแต่งร้านค้าของแบรนด์หรูต่าง ๆ เช่น Armani Valentino และ Chanel ก็ได้รับหน้าที่ในการออกแบบภายในตัวอาคารนี้เช่นกัน ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากทะเล เพราะอาคารนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่อ่าว จึงได้มีการเอาวัตถุที่ใช้ในการเดินเรือต่าง ๆ มาตกแต่งและสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไม้ซุงที่ใช้ในการสร้างเรือ และหินที่ใช้ในการสร้างท่าเรือ ให้ความรู้สึกราวกับอยู่บนเรือยอร์ช ที่มีกระจกรอบตัวอาคารสำหรับรองรับแสงอาทิตย์ และยังสามารถเห็นวิวน้ำทะเลข้างนอกได้อีกด้วย
4. Pan Pacific Serviced Suites Beach Road
LOCATION : สถานที่ตั้งโรงแรมจะอยู่ตรงข้ามกับ Haji Lane หนึ่งในที่ถ่ายรูปยอดฮิตแนวสตรีทอาร์ตของนักท่องเที่ยว การเดินทางมาลง MRT สถานี Bugis ออกทางประตู Ophir Road
Google Map
Home Away From Home
โรงแรมแบบ Service Suite ในเครือ Pan Pacific ที่เป็นตัวเลือกใหม่สำหรับนักธุรกิจที่มีแพลนว่าจะพักอยู่ในสิงคโปร์เป็นเวลานาน หรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการอยู่ในที่พักสไตล์อพาร์ทเม้นแบบครบวงจร ให้ความสบายเหมือนอยู่บ้าน ด้วยห้องที่มีทั้งห้องครัวและห้องนั่งเล่น เครื่องซักผ้าและอบแห้ง โดยที่ยังคงความหรูหราและการดูแลแบบครบวงจรระดับโรงแรมห้าดาว
The Service
Service Suite แห่งนี้เคยได้รับรางวัลมากมายในเรื่องการบริการและการเอาใจใส่ลูกค้า เพียง 1 ปีหลังจากที่เปิดเมื่อปี 2013 ก็ได้รับรางวัล อาทิ 2014 FIABCI Singapore Property Awards ที่เห็นคุณค่าของ concept และ design ของทั้งการตกแต่งภายในและนอกตึกคอนโดเช่น The Laurels บน Cairnhill Road ก็เพิ่งจะได้รับรางวัลนี้ไปในปี 2015 นอกจากนี้ยังได้เป็นตัวแทนของสิงคโปร์ในการเข้าประกวด International Property Awards รางวัลที่มีคนตัดสินจาก House of Lords ในรัฐสภาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกด้วย
5. Duo Residences
LOCATION : ใช้การโดยสาร MRT ลงที่สถานี Bugis ออกทางประตู Ophir Road
Google Map
The Service
ถึงสิงคโปร์ทั้งทีจะไม่พูดถึงโปรเจคอาคารอันยิ่งใหญ่อันนี้คงจะไม่ได้ เพราะถ้าใครได้ผ่านไปแถวถนน Bugis ก็ต้องหันไปมองอย่างแน่นอน ตึกระฟ้าที่มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมาก การดีไซน์รูปทรงรังผึ้ง โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่เปิดไฟสวยงามและโดดเด่นเป็นจุดสนใจต่อผู้คนที่เดินผ่าน อาคารแห่งนี้เป็นคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ติดกับทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า มีจำนวนทั้งสิ้น 49 ชั้นสำหรับที่พักอาศัยและห้องอพาร์ทเม้นถึง 660 ห้อง รวมไปถึงโรงแรมและตึกออฟฟิสอีกถึง 39 ชั้น
About the Architect
อาคารแห่งนี้ได้รับการตกแต่งและดีไซน์จากหนึ่งในสถาปนิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเยอรมันอย่างคุณ Ole Scheeren หรือที่คนไทยเรารู้จักกันจากผลงานการออกแบบตึก Mahanakhon โดยสถาปนิกท่านนี้ได้พูดถึงโปรเจค DUO ว่าอยากจุดประสงค์ของเขาคือการสร้างความทันสมัยในแบบ Urban Poché ที่จะทำให้ DUO ดูกลมกลืนกับบรรยากาศรอบข้างอย่างบริเวณ Bugis ของสิงคโปร์ที่มีความทันสมัยและครบวงจรอยู่แล้ว
6. Supreme Court
LOCATION: ตั้งอยู่ใน Colonial District ทางทิศเหนือของแม่น้ำสิงคโปร์ บริเวณนี้รอบล้อมไปด้วยตึกเทศบาลมากมาย การมาก็ง่ายมาก ๆ แค่ลง MRT สถานี City Hall
Google Map
History
ตึก Supreme Court ที่ดูปลอดโปร่งสไตล์มินิมัลแห่งนี้คือสำนักงานคดีศาลสูงสุดที่มีการใช้งานมายาวตั้งแต่ปี 1970 และได้รับการปรับปรุงใหม่พร้อมเปิดใช้ในปี 2006 โดยบริษัทที่รับโปรเจคไปทำคือ Foster and Partners หรือบริษัทดีไซน์สัญชาติอังกฤษที่ได้รับรางวัลมากมายเช่น Stirling Prize ที่เริ่มมีตั้งแต่ปี 1996 โดย James Stirling ทั้งนี้ Stirling Prize เรียกได้ว่าเป็นรางวัลสูงสุดของอังกฤษในด้านสถาปัตยกรรมเลยทีเดียว ที่ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเงินทุนถึง 20,000 ปอนด์ ที่ Foster and Partners ได้รับสำหรับผลงานอย่าง 30 St Mary Axe ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนในปี 2014 และอีกครั้งสำหรับผลงาน American Air Museum ในเคมบริดจ์
Inspiration
โดยจุดเด่นของตึกนี้อยู่ที่การใช้วัตถุโปร่งแสงอย่างหินอ่อน Rosa Aurora จากโปรตุเกส พร้อมการติดตั้งกระจกมากมายรอบตัวอาคารเพื่อให้แสงธรรมชาติสามารถลอดผ่านได้อย่างทั่วถึง จุดนี้เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าความโปรงแสงของตึกนั้นเปรียบเหมือนความความโปร่งใสและยุติธรรมในการตัดสินคดีความ
7. Capitol Piazza
LOCATION: MRT สถานี City Hall ออกทางออก B
Google Map
About the Architect
ตึก Capitol Piazza นี้ได้รับการออกแบบจากบริษัท Richard Meier & Partners Architects ซึ่งคุณ Richard Meier เจ้าของบริษัทเองก็เป็นสุดยอดนักออกแบบที่เคยคว้ารางวัล Pritzker Architecture Prize มาแล้วในปี 1984 ซึ่งรางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลโนเบลของวงการสถาปัตยกรรมเลยทีเดียว นอกจากนั้นเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะคนออกแบบตึกดีไซน์ล้ำ ๆ อย่าง Getty Center ที่เมืองลอสแองเจลิส และ Barcelona Museum of Contemporary Art ที่ประเทศสเปน
The Service
ตึก Capitol Piazza ที่สิงคโปร์ก็คืออีกผลงานของยอดนักออกแบบท่านนี้ โดยอาคารส่วนล่างจะเป็นศูนย์รวมร้านค้าแฟชั่นดีไซน์ รวมถึงไลฟ์สไตล์มากมาย เช่น Marimekko และร้านกาแฟคาเฟ่แนวเท่ ๆ มากมาย ในขณะที่อาคารสูงเป็นอพาร์ทเม้นและโรงแรม 6 ดาว ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับท็อปทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่ครบวงจรทั้งการซื้อขายและที่อยู่อาศัยในที่เดียวกัน
8. National Library
LOCATION: โดยสารโดย MRT ลงที่สถานี Bugis ทางออก C
Google Map
About the Architect
หากต้องการหาความสงบในย่าน Bugis ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของเสียงรถและนักท่องเที่ยวที่มาเดินช้อปปิ้งไปมา ก็ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะมีหอสมุดใหญ่แห่งนี้ ที่มีความสูงถึง 16 ชั้น โดยผู้ออกแบบตกแต่งคือ T.R.Hamzah & Yeang ชาวมาเลเซียที่มีคอนเซ็ปในการดีไซน์ตึกแบบ Green Urbanism และ Eco-Archiecture ขนาดที่สำนักข่าวอังกฤษอย่าง The Guardian ยังต้องยกย่องให้เขาเป็นหนึงใน 50 บุคคลสำคัญด้านงานสิ่งแวดล้อมในปี 2012 นอกจากนี้ผลงานของเขามีมากมายเช่น Great Ormond Street Children’s Hospital ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และตึก Calvary Convention Centre ที่ประเทศมาเลเซีย
Inspiration
หอสมุดนี้เป็นอีกการตอกย้ำถึงความสนใจและการให้ความสำคัญของการศึกษาในสิงคโปร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการศึกษาระดับท็อป และการแข่งขันที่สูงเพื่อสร้างเยาวชนที่ฉลาดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก จึงไม่น่าแปลกใจถ้าเมื่อเราได้เดินเข้าไปในตึก จะเห็นเด็กนักศึกษามากมายอ่านหนังสือกันอย่างเคร่งเครียด นอกจากนั้นหอสมุดยังมีการเปิดโชว์นิทรรศการมากมายเช่นศิลปะและละครใบ้ เรียกได้ว่าเป็นมากกว่าหอสมุด แต่เป็นศูนย์รวมความรู้ ส่งเสริมวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย
9. Peninsula Plaza
LOCATION: เดินทางโดย MRT ลงที่สถานี City Hall ทางออก B
Google Map
About the Architect
ดูผ่าน ๆ ตึกนี้ก็ดูคลาสสิคอยู่ไม่น้อยและยังมีสไตล์ที่ชวนให้คิดถึงโรงหนังสมัยเก่า ๆ อย่างลิโด้ที่สยามในบ้านเราเหมือนกัน ตึก Peninsula Plaza แห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 1980 ตึกนี้เป็นห้างและโรงแรมที่มีอายุยาวนานและมีความสูงถึง 30 ชั้น ได้รับการออกแบบโดยบริษัท Alfred Wong Partnership ที่มีการดีไซน์ของต้นเสาที่มีลักษณาหนาและโค้งเข้ามาบรรจบกันเป็นลวดลายสวยงาม นอกจากนี้คุณ Alfred Wong ก็เคยออกแบบตึกมากมายในสิงคโปร์ไม่ว่าจะเป็นตึก HarbourFront, Orchard Gateway หรือตึกโรงแรมสวย ๆ มากมายในเครือ Sofitel ในประเทศจีนและเวียดนาม
History
นอกจากนี้จุดเด่นของ Peninsula Plaza คือความสำคัญที่มีต่อชาวพม่าซึ่งอพยพมาอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เพราะตึกนี้นอกจากจะตั้งเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชนชาวพม่าแล้ว แต่ยังมีร้านค้ามากมายที่ขายของจากประเทศพม่าด้วย ได้ชื่อว่าเป็นย่าน Little Burma กันเลย ยิ่งในวันเสาร์อาทิตย์จะเห็นชาวพม่าจำนวนไม่น้อยมานั่งรับลมกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาตลอดเส้นทาง
10. Bugis+
LOCATION: เดินทางโดย MRT ลงที่สถานี Bugis ทางออก C
Google Map
About the Architect
นี่คือสวรรค์ของนักช็อปทุกคน ซึ่ง Bugis+ หรือที่เคยมีชื่อว่า Iluma นั้นได้รับการปรับปรุงใหม่และเปิดบริการอีกครั้งในกลางปี 2012 โดย WOHA บริษัทสถาปนิกของสิงคโปร์ที่เปิดตั้งแต่ปี 1994 โดยการร่วมมือของ Wong Mun Summ และ Richard Hassell ที่ได้ทำผลงานมากมายในสิงคโปร์เช่น PARKROYAL และ National Art Gallery โดยล่าสุดได้เปิดโรงแรม Oasis Hotel Downtown และยังมีผลงานในประเทศไทยด้วยเช่น The Pano ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา และ The Met ที่สาทร
The Service
Bugis+ มีร้านเสื้อค้าเสื้อผ้าดัง ๆ รวมอยู่มากมาย เช่น BERSHKA, PULL AND BEAR, SEPHORA และร้านอาหารอย่าง Bonchon ทำให้อารมณ์เหมือนย่านสยามเมืองไทยที่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น นอกจากนี้ถ้าใครอยากไปลองกินอาหารพื้นเมืองของสิงคโปร์ก็แวะไป Albert Hawker Center หรือ food court แหล่งรวมอาหารยอดฮิตของสิงคโปร์ ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันได้
11. JW Marriott Hotel Singapore South Beach
LOCATION: เดินทางโดย MRT ลงที่สถานี Esplanade ทางออก F
Google Map
The Service
อีกผลงานของ Foster and Partners ที่ได้รับความเชื่อใจให้สร้างโรงแรมในเครือ JW Marriott ที่ตัดสินใจสร้างโรงแรมแห่งแรกในสิงคโปร์ ตึกระฟ้าแห่งนี้มีประกอบด้วย 634 ห้องโรงแรมสุดหรูระดับพรีเมี่ยมตามมาตรฐานของเครือ และได้รับรางวัล Top Choice of Agoda Travelers ในปี 2016 ที่ผ่านมา ราคาห้องเริ่มที่คืนละ 5,000 บาท และมีห้องให้เลือกมากมายหลายแบบ จะมากันเป็นคู่สองคน หรือครอบครัวหกคน ก็มีห้องที่รองรับได้ทุกความต้องการ
About the Architect
Foster and Partners ยังมีผลงานอื่นมากมายอย่าง MRT สถานี Expo และ East Terminal ของสนามบิน Heathrow และสะพานชื่อดังอย่าง Millennium Bridge ของลอนดอน โดยตัวบริษัทมีเอกลักษณ์ในการออกแบบตึกที่เน้นการใช้แก้วและเหล็กเป็นหลัก ทำให้ดูทันสมัยและโล่งโปร่งสบาย
