การจะมีรอยสักสักรอย ก็เปรียบเสมือนการซื้อภาพศิลปะราคาแพงที่ต้องการการดูแลและทะนุถนอมเป็นพิเศษ เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่า สมกับฝีมือและประสบการณ์ของช่าง ราคา เวลา และความเจ็บปวดของคุณ คุณจึงจำเป็นต้องศึกษาการ ดูแลรอยสัก ใหม่อย่างถูกวิธี ซึ่งสำคัญพอ ๆ กับการเลือกลายและร้านสักเลยทีเดียว
วันนี้ Mover ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 8 ขั้นตอนการ ดูแลรอยสัก ใหม่อย่างถูกวิธี ให้คุณทำความเข้าใจกับเขาได้เต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงวันแรก ๆ ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ที่จะชี้ชะตาไปเลยว่ารอยสักของคุณจะปังหรือจะพัง
1. ฟังคำแนะนำของช่างสัก
หากคุณทำการบ้านมาดีพอเรื่องการเลือกร้านและช่างสัก ช่างจะต้องให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรอยสักใหม่โดยละเอียดได้ แต่ช่างทุกคนจะมี “วิธีที่ดีที่สุด” แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ หากคุณเลือกช่างสักที่มีชื่อเสียงหรือมีชั่วโมงบินสูงแล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์ก็สูงตามไปด้วย นั่นแปลว่าเขาเหล่านั้นจะต้องทำการลองผิดลองถูกจนเจอวิธีที่ใช่ที่สุดแล้วนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ควรทำตามอย่างเคร่งครัด คิดซะว่ารอยสักของคุณมีประกันโดยช่างครับ สงสัยอะไรก็ควรถามทันทีเพราะของแบบนี้รอกันไม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่ทำตามคำแนะนำของช่างแล้วเกิดอะไรขึ้นมา นั่นสามารถทำให้คุณชวดการทัชอัพฟรีได้เลยนะ!
3. เอาผ้าพันแผลออก
หลังจากครบเวลาปิดแผล แล้วก็ถึงเวลานำผ้าพันแผลออก ในกรณีปิดด้วยแร็บก็จะดึงออกง่าย แต่ถ้าช่างใช้ผ้าปิดแผลแล้วเกิดติดกับรอยสักใหม่ของคุณขึ้นมา อย่าแกะหรือรีบดึงออกครับเพราะจะทำให้รอยสักเกิดความเสียหาย สีหลุดโหว่และใช้เวลารักษาแผลนาน ใช้การเปิดให้น้ำไหลผ่านเอา แล้วค่อย ๆ ลูบบริเวณผ้าพันแผลอย่างใจเย็นและเบามือจนกว่าผ้าพันแผลจะหลุดออก
4. ทำความสะอาดแผลสัก
ช่างสักส่วนใหญ่แนะนำให้ทำความสะอาดรอยสักด้วยการผ่านน้ำอุ่นพอสมควรเบา ๆ กับสบู่เหลวแบบอ่อนโยน เช่น สบู่เด็ก จากนั้นใช้มือถูเบา ๆ ที่รอยสักเพื่อล้างเอาคราบเลือด น้ำเหลือง หรือสีหมึกส่วนเกินออก วิธีนี้จะช่วยป้องกันรอยสักจากตกสะเก็ดที่เร็วเกินไป อย่าใช้ผ้า ฟองน้ำ หรือบวบขัดตัวเพื่อทำความสะอาดรอยสักเพราะอาจมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่
- ควรล้างทำความสะอาดบ่อยขึ้นหากรอยสักอยู่ในจุดที่มีการสัมผัสกับแบคทีเรียมาก เช่น มือ เท้า เป็นต้น
- ควรล้างทำความสะอาดรอยสัก 2-3 ครั้งต่อวันในช่วงระยะ 3-5 วันแรก จากนั้นลดปริมาณลงให้เหลือแค่ตอนคุณอาบน้ำเท่านั้น
5. ซับให้แห้ง
เมื่อล้างรอยสักจนสะอาดดีแล้ว ค่อย ๆ ซับให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่นิ่ม ๆ หรือกระดาษแผ่นใหญ่ที่ใช้ในครัว เพื่อซับเอาคราบเลือดและน้ำเหลืองออกให้มากที่สุดเพื่อจะได้เหลือแค่ผิวหนังธรรมชาติ ยิ่งเหลือคราบทิ้งไว้มากเท่าไหร่สะเก็ดแผลก็หนามากขึ้นเท่านั้น อย่าถูเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าที่มีขนเยอะ เพราะจะเศษขนขนาดเล็กอาจเข้าไปติดในแผลสักโดยที่เรามองไม่เห็น อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองไปจนถึงการติดเชื้อได้
เมื่อความชื้นส่วนเกินทั้งหมดถูกซับออกไปแล้ว ควรปล่อยรอยสักให้แห้งประมาณ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมงแล้วค่อยทายา การทำแบบนี้จะช่วยให้ผิวบริเวณรอยสักสามารถหายใจได้และยังทำให้ความชื้นส่วนเกินระเหยไปอีกด้วย ควรทำแบบนี้ทุกครั้งหลังล้างทำความสะอาดหรือหลังรอยสักเปียกชื้น
6. ครีมทารอยสัก
เมื่อรอยสักของคุณแห้งสนิทและผิวเริ่มรู้สึกตึง ก็ถึงเวลาทาครีมสำหรับรอยสัก ตัวครีมควรอ่อนโยนที่สุด ไม่มีสี กลิ่น น้ำหอม และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ปรึกษาช่างสักและเล่าถึงลักษณะผิวของคุณจะดีที่สุด ช่างประสบการณ์สูงที่ต้องพบลูกค้าหลากหลายจะมีคลังยาดี ๆ เตรียมไว้แนะนำครับ)
ข้อควรระวังในการทาคือทาแต่บาง ๆ และนวดเบา ๆ เพื่อให้ผิวหนังค่อย ๆ ดูดซึม เรื่องปริมาณของครีมนั้นสำคัญมาก หากเกินขนาดที่แนะนำจะทำให้มีมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์มากเกินไป และรอยสักจะไม่มีอากาศเข้าถึง ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อที่หนักมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนบนรอยสักได้ นอกจากนี้มันยังดูดซับสีออกจากพื้นผิวของรอยสัก ทำให้สีของรอยสักซีดจางลงก่อนที่แผลจะสมานเสร็จสมบูรณ์
ควรล้างทำความสะอาดและทาครีมวันละ 2-3 ครั้งเป็นเวลา 3-5 วันหลังสัก หรือจนกว่าหนังบริเวณรอยสักจะเริ่มลอก หลังจาก 1 สัปดาห์ไปแล้วคุณสามารถเปลี่ยนจากครีมทารอยสักไปใช้มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ หรือโลชั่นบำรุงผิวธรรมดาที่ไม่มีกลิ่น สี ส่วนผสมของกลิตเตอร์และน้ำหอม และที่สำคัญต้อง มีส่วนผสมของสารกันแดด ด้วย
7. สะเก็ดแผลสัก
แผลรอยสักก็เหมือนแผลสดทั่วไปที่จะต้องมีการตกสะเก็ดและผลัดผิวหนังหลังจากทำม
าได้ 5-7 วัน ถ้าคุณทำตามขั้นตอนการดูแลอย่างถูกต้องสะเก็ดแผลก็ควรออกมาบาง แต่ถ้าเกิดความผิดปกติใด ๆ ก็ควรถามช่างสักเพื่อจะได้การดูแลได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพครับ
นอกจากนี้ เวลาตกสะเก็ดนี้แหละที่จะมีอาการตึงและคันเข้ามาเกี่ยวเป็นเรื่องปกติ ซึ่งช่วงนี้คุณก็จะต้องข่มใจให้มาก พยายามอย่าล้วงแคะแกะเกาให้เป็นแผลสด เพราะจะส่งผลเสียต่อรอยสัก เช่น แผลติดเชื้อ หรือสีหลุดและภาพแหว่งไป สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ก็คือค่อย ๆ ถูหรือเการอบแผลเบา ๆ เพื่อทุเลาอาการคันลงบ้าง
ในระยะนี้ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการทาครีมสำหรับดูแลรอยสักโดยเฉพาะ สะเก็ดแผลจะค่อย ๆ หลุดลอกไปเองตามธรรมชาติจนหมดภายใน 2 สัปดาห์ และผิวจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจนกับสู่สภาพปกติ
เลือกร้าน เลือกช่าง เตรียมร่างกายก่อนสักว่าสำคัญแล้ว การดูแลหลังสักนั้นก็สำคัญไม่แพ้กันและเป็นอะไรที่ต้องพิถีพิถัน เพื่อให้ศิลปะบนร่างกายนี้สวยติดทนนาน อย่าลืมแชร์ 9 วิธี นี้ให้คนรู้จักที่กำลังจะมีรอยสักรอยแรก! คุณยังสามารถติดตามบทความเกี่ยวกับรอยสัก และ Tattoo Prep EP.1 และ EP.3 ได้ที่ Mover ที่เดียวครับ
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com