Type to search

Art & Design Lifestyle

Tattoo Care EP.1 : Tattoo Prep เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัก

Share

หากถามถึงรอยสักรอยแรกแล้ว แน่นอนว่ามันต้องเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและ “เจ็บปวดแต่งดงาม” ของใครหลาย ๆ คนแน่นอน แต่จะสักทั้งที จะเลือกลายที่ใช่ ช่างสักที่ชอบ และเตรียมหัวใจผู้กล้าอกสามศอกก็ดูจะยังไม่พอ เพราะการเตรียมพร้อมร่างกายอย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน เพื่อให้มั่นใจว่าศิลปะบนเรือนร่างนี้จะประสบความสำเร็จและเจ็บน้อยที่สุด มาดู ‘Tattoo Prep  เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัก’ เช็คตัวเองกันหน่อยว่าใจพร้อมแล้ว ร่างกายล่ะพร้อมไหม?

 #1 ดื่มน้ำมาก ๆ 

อย่างที่เราเรียนกันมาในวิชาสุขศึกษาว่าเราควรดื่มน้ำให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน ตามปริมาณความต้องการพื้นฐานของร่างกาย แต่ในการเตรียมตัวสำหรับการสักแล้ว ยิ่งผิวชุ่มชื่นเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะผิวชั้นนอกที่ชุ่มชื่นจะซึมซับหมึกได้ดีกว่าผิวที่แห้งและขาดน้ำ ดังนั้นในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนไปสัก ดื่มน้ำไปเลยครับ ยิ่งเยอะยิ่งดี!

  #2 เตรียมผิวให้พร้อม 

และเราก็มาถึงอวัยวะส่วนที่สำคัญที่สุดในกระบวนการสัก “ผิว” นั่นเอง จะสักทั้งทีก็ต้องเตรียมผิวกันหน่อย เพื่อเพิ่มความติดทนของหมึก เห็นอย่างนี้ดูเหมือนต้องทำอะไรเยอะแยะไปหมด แต่ความจริงแล้วตรงข้ามเลยครับ ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง คุณแค่ต้องเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวด้วย “มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์” เป็นประจำประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนวันสัก เพื่อให้ผิวชั้นนอกดูดซับสีหมึกได้ดีขึ้น และถ้าคุณเป็นคนที่หลงรักกิจกรรมกลางแจ้งหรือการอาบแดด คุณต้องระวังและหลีกเลี่ยงการถูก sunburn ในบริเวณที่จะสัก ซึ่งเราแนะนำให้ทาครีมกันแดดกันไว้ก่อนเลย อย่างสุดท้ายคือสิ่งเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามอย่าง “ขน” คุณไม่ควรโกนขนด้วยตัวเองก่อนไปสัก เพราะผิวหนังอาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ ซึ่งโดยปกติแล้วช่างจะโกนขนให้เองก่อนสักทันที เพื่อให้มั่นใจว่าผิวหนังจะไม่มีเกิดการระคายเคืองจนรบกวนการสักแน่นอน

 #3 หลีกเลี่ยงยาประเภทเจือจางเลือด 

การสักก็ถือเป็นแผลสดชนิดหนึ่งที่มีเลือดไหลออกมา ยิ่งเลือดไหลมากก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อรอยสักมากเท่านั้น เนื่องจากเลือดจะดันสีหมึกออกมาด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลมากจนเกินไป คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสำหรับเจือจางเลือด หรือ blood thinner เช่น ยาต้านการเกิดลิ่มเลือด และแอสไพริน เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนการสัก

 #4 หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์์ 

หลายคนตื่นจากอาการเมาแฮงค์แล้วพบว่ามีรอยสักที่ไม่ได้ต้องการอยู่บนตัว อย่างที่เรารู้กันดีว่านอกจากแอลกอฮอล์จะทำให้เมาและขาดสติยั้งคิดแล้ว มันยังสามารถเพิ่มความกล้าบ้าบิ่นให้คุณได้พอตัวเลยทีเดียว และเมื่อคุณเจอกับคอมโบนี้เข้าอย่างจัง อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ แต่ถ้าคุณกะจะดื่มให้พอกล้าและลืมความเจ็บได้บ้าง (เหมือนดื่มเหล้าย้อมใจ) นั่นคือความคิดที่ผิดมากครับ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมาก และไหลออกมาตามแผลขณะสัก นอกจากช่างจะต้องคอยสักคอยเช็ดเลือดแล้ว เลือดยังจะดันสีหมึกออกมาด้วย ทำให้สีของรอยสักจางได้

 #4 สวมเสื้อผ้าหลวมใส่สบาย 

เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัก

หากรอยสักของคุณมีขนาดใหญ่ นั่นหมายความว่า คุณจะต้องใช้เวลาบนเตียงสักนานหลายชั่วโมงและรับมือกับเข็มสักไปด้วย เรียกได้ว่าทั้งเมื่อยทั้งเจ็บ ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าโปร่งสบายก็ถือเป็นความคิดที่ดีมากทีเดียว นอกจากนี้การใส่เสื้อผ้าที่หลวม ๆ ยังทำให้ช่างสักสามารถเข้าถึงร่างกายส่วนนั้น ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องถอดเสื้อผ้า เช่น รอยสักบริเวณลำตัวและต้นขาที่ต้องถูกเสื้อผ้าปกคลุม

และอย่างที่ 2 ก็คือ หากคุณใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัวหรือเข้าขั้นรัดอย่างกางเกงขาเดปไปสัก จริงอยู่ที่ตอนสักคุณสามารถถอดเสื้อผ้าออกเลยได้ แต่คุณจะรู้สึกเหมือนฝันร้ายทันทีเมื่อสักเสร็จแล้วต้องใส่เสื้อผ้ารัดรูปเหล่านั้นทับแผลสักใหม่ของคุณ ดังนั้นหาวันสบาย ๆ ที่ไม่ต้องมีธุระอะไรที่ต้องแต่งตัวดี ๆ ไปจะดีมากครับ

 #5 กินให้พอ 

“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” วลีนี้สำคัญกับการเตรียมตัวก่อนสักเช่นกัน แค่ความเจ็บปวดจากการสักก็มากพออยู่แล้ว (ยิ่งกับคนที่สักครั้งแรก) คุณคงไม่อยากท้องว่าง เวียนหัว และปิดท้ายด้วยการเป็นลมบนเก้าอี้สักแน่นอน ดังนั้นการรับประทานอาหารให้เพียงพอและเลือกอาหารที่อยู่ท้องเป็นสิ่งจำเป็นเลยทีเดียว เพราะนอกจากท้องจะอิ่มพร้อมสักเป็นเวลานานแล้ว คุณยังมีพลังงานและความแข็งแรงไว้ทนกับความเจ็บอีกด้วย แต่ถ้าคุณต้องสักเป็นเวลานานมากจริง ๆ แนะนำให้พกบาร์ธัญพืชกินง่ายอยู่ท้องติดกระเป๋าไว้กินตอนพักเบรคก็เป็นความคิดที่ดีครับ

 #6 นอนให้พอ 

มนุษย์บ้างานหลายคนคงคุ้นเคยกับอาการนอนไม่พอแล้วต้องตื่นมาสู้งานในเช้าวันใหม่ ที่จะทำให้คุณรู้สึกมึนตึง อึดอัด ไปจนถึงแน่นบริเวณหน้าอก นอกจากนี้เส้นประสาทยังจะทำให้กล้ามเนื้อคุณเกร็งตึงได้อีกด้วย ซึ่งถ้าบวกกับอาการตื่นเต้นเวลาสักแล้ว ลองจินตนาการดูว่าจะรับมือยากขนาดไหน?!

 #7 เช็คอาการแพ้ 

อย่างสุดท้ายนี้สำคัญมาก หากคุณเป็นคนที่มีประสบการณ์แพ้สารเคมี เช่น แพ้สีย้อม หรือสีที่มีส่วนผสมของสารอื่น ๆ คุณอาจเกิดอาการระคายเคือง คัน บวมแดง อักเสบแพ้ หรือเลวร้ายที่สุดคือการช็อค ดังนั้นควรเช็คร่างกายตัวเองให้ดีก่อนสัก

 #8 สุขอนามัยร้านและช่างสัก 

เชื่อว่าทุกคนต้องทำการบ้านมาดีพอสมควรกับการเลือกช่างและร้าน แต่ถ้าไปถึงแล้วไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ในเรื่องสุขอนามัย ความสะอาดของร้านและตัวช่างสักด้วย แนะนำว่าควรพิจารณาอีกทีครับ รวมไปถึงกรณีที่ถ้าคุณกำลังจะสักแล้วไม่แน่ใจว่าช่างใช้เข็มซ้ำหรือไม่ (โดยปกติช่างจะนำเข็มมาแกะออกจากถุงให้ดู เพื่อให้คุณแน่ใจว่าเป็นเข็มใหม่จริง ๆ) ต้องบอกช่างทันทีเพื่อความสบายใจของตัวคุณเอง เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงมาก ไม่คุ้มครับ

เพื่อรอยสักที่สวยงามจะอยู่ติดทนนานไปกับเราทั้งชีวิต การเตรียมร่างกายอย่างถูกวิธีก่อนไปสักก็เป็นที่สำคัญยิ่งกว่าการเตรียมใจหลายเท่า อย่าลืมแชร์ 5 วิธี เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัก นี้ให้คนรู้จักที่กำลังจะมีรอยสักรอยแรก! คุณยังสามารถติดตามบทความเกี่ยวกับรอยสัก และ Tattoo Prep EP. 2 และ EP.3 ได้ที่ Mover ที่เดียวครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags