สำหรับคนรักรองเท้าแล้ว คงไม่มีอะไรน่าปวดใจไปกว่าการต้องเห็นรองเท้าพื้นโฟมคู่โปรดเหลืองไปตามกาลเวลาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะจะทำความสะอาดเท่าไรก็ไม่กลับมาขาวเหมือนใหม่อีกแล้ว… อย่ามัวเศร้าใจไป บอกเลยว่าทุกวันนี้วงการทำความสะอาดรองเท้าไปไกลมากแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่จะช่วยคืนชีพให้รองเท้าคู่โปรดของเราก็คือ ปากกาลบคราบเหลือง ตัวช่วยขจัดความเหลืองออกจากพื้นรองเท้าแบบโฟม ไอเท็มที่คนรักรองเท้าต้องมี!
และด้วยความที่ตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลบคราบเหลืองก็มีอยู่หลายแบรนด์ Mover จึงได้ลองจัด 4 ปากกาลบคราบเหลือง และน้ำยาขจัดคราบเหลือง ได้แก่แบรนด์ Bazooka, Wilkins, Flow และTwenty9ine Lab ที่เขาว่าดี มาทดลองใช้ เพื่อพิสูจน์ให้ได้เห็นว่าตัวไหนที่ช่วยคืนความขาวให้รองเท้าคู่โปรดของเราได้จริง โดยเราจะลองทดสอบกับรองเท้าพื้นโฟมจำพวก Adidas NMD, Boost และมีขั้นตอนในการทดสอบดังนี้
1. เช็ดทำความสะอาดรองเท้าบริเวณที่จะทาปากกาลบรอยเหลืองลงไปให้ไม่มีฝุ่น หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ทำให้ประสิทธิภาพของปากกาลบรอยเหลือง / น้ำยาขจัดคราบเหลืองลดลง หรือทำงานได้ไม่เต็มที่
2. ทาปากกาลบรอยเหลือง / น้ำยาขจัดคราบเหลืองลงไปบนรองเท้า บริเวณพื้นผิวโฟมที่ต้องการทำความสะอาดให้ขาวเหมือนใหม่
1. Flow
สั่งซื้อจากเฟซบุ๊ก ราคาปกติกล่องละ 690 บาท ลดเหลือกล่องละ 590 บาท (2 แท่ง)
มาเริ่มทดสอบกันที่แบรนด์ Flow กับ ปากกาลบคราบเหลือง ที่ทางแบรนด์ระบุว่าเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับรองเท้าเหลือง ที่ทำความสะอาดเท่าไรก็ไม่ออก เพียงแค่ทาก็กลับมาขาวในทันที โดย 1 แท่งสามารถใช้ได้กับรองเท้าประมาณ 4 คู่ ที่สำคัญคือทาแล้วกันน้ำได้ ไม่ต้องกลัวสีลอก ซึ่งก็แน่นอนว่าเราจะลองทดสอบกับรองเท้าพื้นโฟมที่พื้นกลายเป็นสีเหลืองไปตามกาลเวลา ลองดูว่าจะช่วยคืนชีพให้รองเท้าคู่เก่งของเรากลับมาได้อย่างที่เคลมไว้จริงหรือเปล่า
ก่อนจะทดสอบก็อย่าลืมเช็คทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการทาน้ำยา จากนั้นก็ลองทา Flow ลงไปบนพื้นรองเท้า ซึ่งตัวนี้หลังจากได้ลองใช้แล้วพบว่าตัวน้ำยาจะไม่ได้มีความเข้มข้นมาก อาจจะต้องทา 2 รอบจึงจะเห็นผล นอกจากนี้ก็ยังมีความแห้งช้า รวมถึงเป็นขุยเล็กน้อยหลังทาด้วย เราจึงได้ลองทา 2 รอบเพื่อที่จะได้สังเกตผลการใช้งานให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับการใช้งานนั้น ปากกาลบรอยเหลือง ของ Flow จะมีหัวแบบกลมหนา ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ซอกซอนไม่ค่อยดีเวลาเข้ามุม และเก็บรายละเอียดได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งน่าจะเหมาะกับรองเท้าพื้นโฟมที่พื้นไม่มีดีเทลเยอะมาก ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการขจัดคราบเหลืองที่รองเท้าออกอย่างเร่งด่วน ก่อนออกไปลุยในวันนั้นเลย ด้วยความที่ใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากต้องทา 2 รอบ แนะนำให้เผื่อเวลาสักนิดด้วยนะครับ
และผลการทดสอบปากกาลบคราบเหลืองยี่ห้อ Flow ก็ตามที่เห็นด้านล่างนี้เลย เห็นได้ว่าข้างซ้ายที่ได้ลองใช้งานปากกาลบคราบเหลืองนั้น จะมีความขาวมุก ขาวออกเหลืองๆ ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็จะเหมาะกับรองเท้าโฟมพื้นเหลืองที่ตัวรองเท้าโดยรวมไม่ได้สกปรกมากนัก ใครที่ยังไม่มีเวลาก็สามารถแก้ไขเฉพาะบริเวณที่เหลืองชัดไปก่อนจะทำความสะอาดรองเท้าอย่างจริงจังได้ และเมื่อพิจารณาจากทั้ง 3 ด้าน ความเข้มข้น การใช้งานและความขาวนั้น สรุปแล้ว Mover ขอให้ Flow ที่ 3/5 คะแนนครับ
2. Bazooka
สั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก ราคาปกติ 450 บาท แลกซื้อราคาโปรโมชั่น เมื่อซื้อสินค้า Bazooka ครบ 590 บาท ลดเหลือแท่งละ 250 บาท
ต่อกันที่แบรนด์ต่อมาอย่าง Bazooka โดยปากกาลบรอยเหลือง ของยี่ห้อนี้จะเป็นแบบแท่งจับถนัดมือ และทางแบรนด์ได้เคลมว่า รองเท้าพื้นโฟมจะขาวขึ้นตั้งแต่รอบแรกที่ทา ไม่ต้องทาซ้ำหลายรอบ อีกทั้งยังใช้งานง่าย มีหัวปากกาที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ง่ายด้วย ซึ่งเดี๋ยวเราจะลองพิสูจน์ด้วยการทาลงบนรองเท้าพื้นโฟมที่ผ่านศึกหนัก เหลืองจนแทบไม่กล้าใส่ออกไปลุยให้โดนล้อดู
เช็คทำความสะอาดรองเท้าเบื้องต้นเสร็จแล้ว ก็นำปากกาลบรอยเหลืองมาทาบริเวณที่ต้องการขจัดคราบได้เลย สำหรับปากกาลบรอยเหลืองของ Bazooka นี้ เมื่อได้ลองใช้แล้วพบว่าน้ำยามีความเข้มข้นใช้ได้ ทารอบเดียวอยู่ ไม่ต้องทาหลายรอบเหมือนอย่างที่เคลมไว้ และค่อนข้างแห้งเร็ว หลังลองทาครั้งแรกจะสังเกตได้ว่า พื้นฝั่งที่ทากับฝั่งที่ยังไม่ทาได้ต่างกันชัดเจน
ข้อดีของ Bazooka คือ ใช้งานง่ายด้วยความที่หัวปากกาเป็นหัวตัดแบบเล็ก ทำให้ซอกซอนได้ดี เหมาะกับการเก็บรายละเอียดในจุดต่างๆ ซึ่งปกติแล้วรองเท้าจำพวกพื้นโฟมก็จะไม่ใช่พื้นผิวที่ราบเรียบเป็นเนื้อเดียวกันหมดอยู่แล้ว จึงถือว่าหัวปากกาลบรอยเหลืองของ Bazooka นี่ตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้งานกับพื้นรองเท้าโฟมในหลากหลายสภาพผิวด้วย แต่หากใช้กับรองเท้าที่มีผิวโฟมเยอะๆ ก็อาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากหัวปากกาค่อนข้างเล็ก
และนี่ก็คือผลการทดสอบปากกาลบรอยเหลือง ยี่ห้อ Bazooka ก็อย่างที่เห็นเลยว่า รองเท้าข้างที่ได้ลองทากับข้างที่ไม่ทานั้นแตกต่างกัน โดยข้างซ้ายที่ทานั้นจะมีความขาวผ่อง แม้เพิ่งทาเพียงครั้งเดียว ส่วนข้างขวาที่ยังไม่ได้ทานั้นก็เหลืองอ๋อยไปตามระเบียบ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ลองทำความสะอาดด้วยปากกาลบรอยเหลืองก่อนแล้ว ก็คงไม่กล้าใส่ออกไปข้างนอกแน่นอน และสำหรับปากาลบคราบเหลืองของ Bazooka นี้ Mover ขอให้ 4.5/5 คะแนนครับ
3. Wilkins
สั่งซื้อจากเฟซบุ๊ก ราคาแท่งละ 450 บาท
มาต่อกันที่ปากกาลบรอยเหลือง Wilkins ที่แท่งจะใหญ่ประมาณปากกาเคมี แต่ก็ยังถือว่าหยิบจับง่าย ไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนเรื่องการใช้งานที่ทางแบรนด์ได้เคลมไว้นั้น คือน้ำยาจะมีตัวสีเดียวกับพื้นรองเท้าไม่หลอกตาและติดทนนาน รวมถึงทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องกลัวสีที่รองเท้าหลุดลอก ซึ่งเดียวเราจะทดสอบกับรองเท้าสีขาวพื้นโฟมที่เหลืองอย่างเห็นได้ชัดด้านล่างนี้ดู
ก่อนจะลองใช้งานก็อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวที่จะทดสอบกันก่อน จากนั้นค่อยลองทาด้วยปากกาลบคราบเหลืองของ Wilkins ซึ่งหลังจากลองทาแล้วก็พบว่า ตัวน้ำยาจะมีความคล้ายคลึงกับของ Flow คือมีระดับความเข้มข้นที่ค่อนข้างจาง ทำให้ต้องทาซ้ำถึง 2 รอบ แล้วยังมีความแห้งช้าเหมือนกันด้วย ทาแล้วต้องวางทิ้งไว้สักพักหรือเป่าให้แห้งเร็วขึ้น และเพราะต้องทาซ้ำจึงทำให้มีขุยเล็กน้อยด้วย
ส่วนเรื่องของการใช้งานนั้น ปากกาลบรอยเหลืองของ Wilkins จะมีหัวตัดที่ค่อนข้างใหญ่ ก็อาจจะเหมาะกับรองเท้าที่มีพื้นหรือส้นค่อนข้างใหญ่มากกว่า และด้วยความที่น้ำยาไม่ได้เข้มข้นมาก ทำให้เวลาใช้งานต้องกด ต้องออกแรงมากกว่าตัวอื่น
สำหรับผลการทดสอบปากกาลบรอยเหลืองยี่ห้อ Wilkins นั้นก็พบว่า ข้อดีที่สุดของยี่ห้อนี้คือมีสีขาวแบบออกด้าน ไม่ดูหลอกตาอย่างที่แบรนด์ระบุไว้ และไม่ได้ขาวเว่อร์เหมือนรองเท้าใหม่ ซึ่งก็เหมาะกับใครที่ไม่อยากให้รองเท้าขาวมากจนเกินไป โดยอาจทาหนึ่งรอบหรือสองรอบ แล้วแต่ระดับความขาวที่ชอบได้เลย ดูจากความเข้มข้น การใช้งานและความขาวหลังได้ทดลองใช้แล้ว Mover ขอให้ Wilkins ที่ 3.5/5 คะแนนครับ
4. Twenty9nine Lab
สั่งซื้อจากเฟซบุ๊ก ราคาขวดละ 300 บาท
ปิดท้ายกันด้วยตัวสุดท้ายที่ไม่ใช่ปากกาลบคราบเหลืองเหมือน 3 ตัวก่อนหน้าที่เราได้ลองทดสอบ แต่เป็นน้ำยาขจัดคราบเหลืองจาก Twenty9nine Lab ที่ความพิเศษอยู่ที่สามารถใช้ได้กับทั้งพื้นผิวรองเท้าที่เป็นโฟมและพื้นผิวที่เป็นยาง โดยทางแบรนด์ได้ระบุว่าไม่ทำลายวัสดุกาวหรือสีของรองเท้า ซึ่งเราจะขอทดลองใช้กับรองเท้าที่มีพื้นผิวเป็นโฟมเพื่อที่จะได้เปรียบเทียบผลการใช้งานบนพื้นผิวที่เหมือนกันกับปากกาลบคราบเหลือง 3 ตัวก่อนหน้านี้
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าของ Twenty9nine Lab เป็นแบบน้ำยากำจัดคราบเหลือง โดยเป็นเนื้อเจลขุ่นๆ ซึ่งจะมีขั้นตอนที่มากกว่าปากกาลบคราบเหลือง คือเมื่อทาน้ำยาเสร็จแล้วต้องนำรองเท้าไปตากแดดจัดที่ 30 – 40 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง ด้วยความที่มีหลายขั้นตอน ก็อาจจะใช้เวลาและต้องลงแรงค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เหมาะที่จะหยิบมาทำในวันหยุดที่มีเวลามากๆ หน่อย
ด้วยความที่มาแบบขวด ตัวน้ำยาเป็นเจลและไม่ได้มีแปรงมาให้ ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์มากหน่อยโดยใช้แปรงหรือพู่กันมาใช้จุ่มเจลทาบนพื้นโฟมของรองเท้า ซึ่งการใช้แปรงหรืือพู่กันสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางในการทาได้ดี เข้าถึงซอกมุมที่ต้องการขจัดคราบได้ง่ายมากกว่าแบบปากกา
หลังจากลองทาไป 2 รอบแล้ว อย่างที่เห็นเลยว่ารองเท้าข้างซ้ายจะไม่ค่อยขาวขึ้นเท่าไร จะดูสว่างขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วตัวน้ำยาขจัดคราบอาจจะใช้ได้ดีกับบางพื้นผิวหรือแล้วแต่คราบฝังลึกของรองเท้าแต่ละคู่มากกว่า หากมีคราบมากอาจจะต้องทำซ้ำหลายๆรอบ เพื่อให้คราบเหลืองค่อยๆจางลงไป ซึ่งจะแตกต่างจากปากกาลบคราบเหลือง 3 ตัวด้านบนที่จะเป็นการเคลือบสีลงไปบนพื้นโฟม ทำให้ประหยัดเวลากว่า สุดท้ายนี้ Mover ให้ Twenty9nine Lab ที่ 2.5/5 คะแนนครับ
สรุปผลความเข้มข้น การใช้งาน และความขาว
- ความเข้มข้น : เราให้ Bazooka ที่ตัวน้ำยามีความเข้มข้นมาก แห้งไว ทารอบเดียวเห็นผล
- การใช้งาน : เราให้ Bazooka ที่หัวปากกามาพร้อมหัวตัดเล็ก ทำให้ซอกซอนและใช้งานได้ง่าย กับ Twenty9ine Lab ที่เนื้อเจลมีความเหลวกำลังพอดี ทำให้ควบคุมน้ำหนักตอนทา รวมถึงทิศทางได้ดี แม้ต้องทาหลายรอบแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการใช้งาน
- ความขาว : เนื่องจากระดับความขาว อาจขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน Mover จึงขอเรียงลำดับจากสีขาวที่ดูเป็นธรรมชาติ ผลก็คือ Wilkins (ขาวแบบออกด้าน), Flow (ขาวมุก ออกเหลือง), Bazooka (ขาวผ่อง), และ Twenty9ine Lab (ไม่ค่อยขาว แต่รองเท้าจะดูสว่างขึ้น) ครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือผลการทดสอบประสิทธิภาพของ ปากกาลบคราบเหลือง กับน้ำยาขจัดคราบ ผลิตภัณฑ์ในการดูแลรองเท้าของทั้ง 4 แบรนด์ Flow, Bazooka, Wilkins, และ Twenty9ine Lab ที่ Mover ได้ทดลองให้ได้ชมกันอย่างละเอียดวันนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วนี่ก็เป็นเพียงการรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น สุดท้ายแล้วก็อย่าลืมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับพื้นผิวรองเท้าของเราเพื่อให้ได้ผลตรงตามความต้องการมากที่สุด เพื่อที่จะได้ยืดอายุการใช้งานให้รองเท้าคู่โปรดอยู่กับเราไปนานๆ!