“จีดีเอช” ส่งภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของผู้กำกับ ลัดดาแลนด์ “จิม-โสภณ ศักดาพิศิษฎ์” เรื่อง “ เพื่อนที่ระลึก ” หนังชวนระทึกที่จะทำให้คุณระลึกถึง..เพื่อน นำแสดงโดย บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, ลิลลี่-อภิชญา ทองคำ ฯลฯ 7 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
เก้ง-จิระ มะลิกุล โปรดิวเซอร์คนเก่ง ผุดไอเดียเด็ดหลังเห็นภาพข่าวทางอินเตอร์เน็ต ตึกร้างกลางสาทร ที่ฝรั่งตั้งฉายาว่า “บางกอกโกสต์ทาวเวอร์” ตึกใจกลางเมืองที่ถูกทิ้งให้ร้างมา 20 ปี ด้วยพิษเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง ปี 2540 “ผมรู้สึกสนใจตึกนี้มาก ตึกที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า “ตึกผี” เลยทำให้นึกถึง จิม-โสภณ ผู้กำกับเจ้าพ่อหนังผี ที่เคยทำหนังผีหมู่บ้าน “ลัดดาแลนด์” มาแล้ว ครั้งนี้ จิมจะได้มาทำหนังผีตึกร้าง ซึ่งผนวกไอเดียที่วัน-วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ เสนอให้ใช้ไอเดียที่เราเคยซื้อลิขสิทธิ์เรื่องราวของคน 2 คนที่ชวนกันไปฆ่าตัวตาย แต่อีกคนหนึ่งไม่ตาย เมื่อนำเรื่องตึกร้างมารวมกับเรื่องเพื่อน 2 คนที่นัดกันมาฆ่าตัวตาย แต่อีกคนรอด ผมรู้สึกว่ามันเป็นพล็อตใหม่ที่น่าสนใจ”
ทำไมถึงเลือกจิมมากำกับเรื่องนี้
“เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังผีธรรมดา ไม่มีผีแหวะ สยดสยองออกมา แต่มันเป็นผีที่ตายไปเพราะภาวะเศรษฐกิจ และการตายของเขาเป็นการตายที่มีคำสัญญา และสัญญานี้เป็นความลับของคนทั้งคู่ ผมว่ามีจิมเท่านั้นที่ทำหนังผี ที่ไม่ได้น่ากลัวแค่ผีอย่างเดียว แต่มีเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อน ของแม่กับลูก หนังที่มีความดราม่า ผมว่าจิมเขาพิสูจน์ตัวเองมาแล้วจากลัดดาแลนด์”
ตึกร้างกลายเป็นตัวเอกของเรื่อง
“ตอนแรกเราไม่คิดด้วยซ้ำครับว่าจะได้ขึ้นไปถ่ายบนตึกนี้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าของเขาไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบนตึก พอเราทำบทเสร็จ จิมก็มาบอกผมว่าเราลองไปขออนุญาตเจ้าของตึกกันไหมครับพี่ เพราะจิมได้เห็นสัมภาษณ์คุณต้น ทายาทตึกนี้แล้วรู้สึกว่าเขาเป็นคนมีเหตุผล และทันทีที่คุณต้นอนุญาตให้เราขึ้นไปถ่ายได้ เราดีใจมากครับ เพราะมันตรงกับความต้องการของเรา ตรงกับบทที่จิมเขียนมาและมันคงเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ในการเล่าเรื่องเศรษฐกิจไทยปี 2540 ผ่านหนังเรื่องนี้ ซึ่งปีนี้ครบรอบ 20ปีต้มยำกุ้งพอดี วันแรกที่ผมขึ้นไปดูโลเกชั่นรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่าตึกที่ร้างมา 20ปีจะเป็นอย่างไร แต่ภาพที่ผมเห็นคือ โครงสร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตามระเบียงจะมีน้ำขัง กำแพงโดนฝนจนมีตระไคร่น้ำเกาะ พื้นที่แห้งก็จะมีทุ่งหญ้าที่ใหญ่มาก ด้านหลังตึกเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเป็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยมาก ตึกนี้มีเสน่ห์มากพอที่จะเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ครับ”
เหตุผลที่ทำให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้
“เพื่อน..ที่ระลึก เป็นหนังที่ผมคิดว่าใครก็ดูได้ คนที่กลัวผีก็สามารถดูเรื่องนี้ได้ เพราะมันเป็นหนังที่ความกลัวมาจากความรู้สึก ไม่ใช่หนังผีแบบเก่าๆ ที่เราเคยเห็นกัน มันมีความสัมพันธ์ ความรักความผูกพันของเพื่อน และแม่กับลูกอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย”
“ไอเดียตึกร้างกลางสาทรจากภาวะต้มยำกุ้ง ผนวกเรื่องราวเพื่อน 2 คนนัดกันฆ่าตัวตาย กลายเป็นหนังเพื่อน..ที่ระลึก”
จิม-โสภณ ศักดาพิศิษฎ์ ผู้กำกับเจ้าพ่อหนังผี ที่ทำหนังผีทุกๆ 3 ปี ทำมา 3 เรื่อง จนมาเรื่องล่าสุด “เพื่อน..ที่ระลึก” หนังชวนระทึกที่จะทำให้คุณระลึกถึง..เพื่อน
ไอเดียหนังเรื่องนี้มาจากพี่เก้ง และพี่วัน
“ผมทำหนังผีมา 3 เรื่อง เรื่องแรกผีในโรงหนัง เรื่องที่ 2 ผีหมู่บ้าน เรื่องที่ 3 ผีสระว่ายน้ำ พอมาเรื่องที่ 4 ผมสนใจไอเดียที่พี่เก้งมาชวนว่าเรามาทำหนังผีตึกร้างกันเถอะ ฟังแค่นี้ก็อยากทำแล้ว ยิ่งพอเห็นรูปตึกร้างกลางสาทร ผมรู้สึกสนใจตัวตึกนี้ขึ้นมาทันที ตึกนี้มีความพิเศษมากเพราะมันผ่านเวลาปี 2540 มีเรื่องราวในอดีต ที่ถูกทิ้งร้างให้อยู่จนถึงปัจจุบัน กับช่วงนั้นผมกับพี่วันเคยรู้เรื่องราว เพื่อน 2 คนนัดกันมาฆ่าตัวตาย แต่อีกคนหนึ่งรอดกลับมา แล้วคนที่รอดจะคิดถึงคนที่ตายไปแล้วมั้ย ความรู้สึกนี้ผมว่าน่าสนใจ เลยขอซื้อเรื่องไว้แล้วเอามาเขียนบทให้เป็นเรื่องราวของเพื่อน 2 คน นัดกันมาฆ่าตัวตายที่ตึกที่พ่อสร้างไม่เสร็จจากภาวะเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ผมว่ามันเป็นพล็อตใหม่ที่น่าสนใจมาก”
การถ่ายทำบนตึกคือความยากสุดของหนังเรื่องนี้
“ผมใช้เวลาในการเขียนบทปีครึ่ง ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่กับการรีเสิร์ชเรื่องตึก และตอนเขียนบทผมก็คิดถึงแต่ตึกนี้ว่าตัวละครควรชึ้นไปอยู่ชั้นไหน เราต้องถ่ายจากมุมไหน ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของตึกเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นไปได้ยาก มีคนขอไปถ่ายมากมายแต่ไม่ได้ แต่ทันทีที่เขียนบทจบ ผมเข้าไปคุยกับพี่เก้งว่าเราลองไปขออนุญาตคุณต้นเจ้าของตึกกันมั้ย ซึ่งเราโชคดีมากๆ ที่คุณต้นอนุญาตให้ถ่าย เพราะเขาบอกว่าเชื่อใจ GDH และเรามีความคิดตรงกันว่า ตึกนี้คืออนุสรณ์สำคัญที่ทำให้เราระลึกถึงประเทศไทยที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 การที่หนังสักเรื่องจะขึ้นไปถ่ายทำบนตึกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราต้องมีการเตรียมความพร้อม คอยดูแลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางตึกเองก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในการขึ้นตึกไว้อย่างดีมากๆ ก่อนถ่ายทำเราก็จะมีการไหว้บอกกล่าวก่อนทุกครั้งด้วยครับ”
ระหว่างเขียนบท ภาพบี-น้ำทิพย์ ก็เด่นชัดอยู่ในหัว
“ก่อนลงมือเขียนบท ผมยังไม่ได้คิดถึงบี แต่พอพี่วัน-วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ เห็นบี-น้ำทิพย์ ในรายการ เดอะเฟซ แล้วบอกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก พอผมไปลองดูรายการก็รู้สึกว่าบีน่าสนใจจริงๆ เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นนักสู้ ในเรื่องบีต้องสู้กับอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผมเห็นบี-น้ำทิพย์ในอีกมุมหนึ่งที่เข้ากับตัวละครนี้มากๆ และวัยบีเข้ากับตัวละครบุ๋มในเรื่อง ตั้งแต่วันนั้นตัวละครบุ๋ม ผมก็เขียนขึ้นมาจากคาแร็กเตอร์ของบีนี่แหละครับ”
ลิลลี่ เด็กรุ่นใหม่ ที่ยังคงความใส และบริสุทธิ์
“ตัวละครลูก เราต้องการเด็กที่มีอายุ 15 ปี ซึ่งเราแคสนักแสดง และเด็กใหม่ๆ มาเยอะมาก บางคนเล่นดีมาก แต่ขาดความใสซื่อบางอย่าง ซึ่งผมเห็นสิ่งนี้ในตัวลิลลี่ เวลาลิลลี่เข้าฉากกับบี ผมรู้สึกว่าเป็นเคมีที่เข้ากันมากๆ เขามีความเป็นแม่ลูกกันจริงๆ เวลาเขา 2 คนกอดกันมันมากกว่าการแสดง เป็นความรู้สึกที่ดีมากครับ และเป็นตัวละคร 2 คน ที่นำพาเรื่องราวไปจนจบ ทั้งเหนื่อย ซีนดราม่าแต่ละซีนก็หนักมาก แต่ทั้งคู่ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยครับ มีแต่มากกว่าที่เราต้องการ”
2 นักแสดง และทีมงานทุกคน คือทีมเวิร์คสุดยอดของการทำงานที่ทั้งเหนื่อย และโหดกับการขึ้นตึก 47 ชั้น
“ด้วยความที่โลเกชั่นหลักของหนังเรื่องนี้คือถ่ายบนตึก 47 ชั้น และเราต้องเดินขึ้นตึกนี้ทุกวัน แต่ละครั้งเราใช้เวลา 40 นาที บางวันเกือบชั่วโมง ส่วนอุปกรณ์การถ่ายทำเราติดตั้งลิฟท์กระเช้าขนของชั่วคราวเพื่อขนของขึ้นไป แต่นักแสดง ทีมงานทุกคนต้องเดินขึ้น ซึ่งแต่ละคนจะมีเทคนิกการขึ้นไม่เหมือนกัน ของผมจะพักทุก 5 ชั้น เพราะบันไดที่เราขึ้นจะมีความแคบและเล็ก แต่ละขั้นไม่เท่ากัน จึงต้องระวังเรื่องความปลอดภัย และทีมงานน่ารักมากจะมีเขียนป้ายแต่ละชั้นเพื่อให้กำลังใจ ชั้น 10 พักเหนื่อยก่อนมั้ย เดินคนเดียวไม่ดีนะ 2 คนปลอดภัยกว่า จนถึงชั้น 47 จะเขียนว่า ยินดีด้วยนะคุณคือผู้พิชิตตึก 47 ชั้น หนังเรื่องนี้เรียกว่าต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ซึ่งทุกคนมีให้หนังเรื่องนี้อย่างมาก บี นี่เดินขึ้นตึกทำสถิติใช้เวลาเร็วกว่าทุกคน เรียกว่าเป็นหนังที่ต้องใช้ความเป็นทีมเวิร์ค และมืออาชีพในทุกสาขามาร่วมด้วยช่วยกันครับ”
3 ปีที่ผ่านมา อยากนำพาหนังเรื่องนี้สู่ใจผู้ชม
“ทุก 3 ปี ผมจะมีหนังออกมา 1 เรื่อง และเพื่อน..ที่ระลึก คือหนังที่ผมอยากเล่าเรื่องราวผ่านตัวละคร หนังเรื่องนี้ไม่มีพระเอก แต่มีตึกเป็นนักแสดงนำของเรื่อง และมี 2 นักแสดง บี-น้ำทิพย์ ,น้องลิลลี่ และนักแสดงท่านอื่นๆ ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจกับหนังเรื่องนี้ 7 กันยายน เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับในโรงภาพยนตร์”
บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ นางเอกชื่อดังเปิดใจ รับเล่นหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านบท เพราะเชื่อใจค่ายจีดีเอช
“ตอนที่รู้ว่า จีดีเอช ติดต่อให้มาเล่นหนัง บีตื่นเต้นมาก เพราะถ้าต้องเล่นหนังสักเรื่องเราก็อยากเล่นกับค่ายนี้ บีรับเล่นตั้งแต่ยังไม่อ่านบทนะ วันแรกที่พี่จิม ผู้กำกับมาเล่าเรื่องให้ฟังว่าเราต้องเล่นหนังผีนะ เล่นเป็นแม่ด้วย ซึ่งเราฟังบทแล้วสนใจทันที แล้วบีก็ถามต่อว่าเล่นคู่กับพระเอกคนไหน ปรากฏว่าไม่มีพระเอกค่ะ เลยลองไปอ่านบทจากที่บีไม่เคยกลัวผี แต่พออ่านบทเรื่องนี้จบ บีรู้สึกกลัวขึ้นมา ทุกครั้งที่บีคิดว่าเราคือบุ๋ม เราจะคิดภาพตามและใช้จินตนาการว่าถ้าเราต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้เราคงกลัวมาก”
หนังเรื่องแรก ทั้งเหนื่อย โหด ดราม่าขั้นสุด
“โหดสุดคือการเดินขึ้นตึก 47ชั้น วันแรกบีใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เหนื่อยมากแทบตายเหมือนกัน เพราะพี่จิมจะพาทัวร์แนะนำทุกชั้นที่เราถ่าย พอวันที่สองเราเลยต้องฟิตมากกว่าเก่า บีใส่ชุดกีฬารองเท้าผ้าใบมาพร้อม แล้วบอกตัวเองว่า เราไม่ได้มาขึ้นตึก แต่เรามาออกกำลังกาย เรียกว่าฟิตสุดๆ ค่ะ วันต่อๆ มาเราก็ทำเวลาในการขึ้นตึกเร็วขึ้นและเหนื่อยน้อยลง ส่วนความยากพูดเลยว่า หนังเรื่องนี้ยากทุกซีน เป็นหนังผีที่มีความดราม่ามากๆ เรียกว่าร้องไห้มากที่สุดตั้งแต่รับงานแสดงมา แต่ละซีนอารมณ์ขึ้น ลง ตลอดเวลา เพราะเราไม่ได้ถ่ายเรียงซีน บางซีนบีไม่ต้องร้องไห้ แต่ซีนถัดไป เราต้องตาบวม บีก็ต้องร้องไห้อย่างหนักเพื่อให้ตาบวมจริงๆ เข้าฉากถัดไป เป็นอะไรที่ยากมาก โหดมาก เหนื่อยมาก ท้าทายมาก แต่คุ้มค่ามากๆ ที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ค่ะ”
ทุกครั้งที่เข้าฉากกับลิลลี่ เรารู้สึกว่าเขาคือลูกสาวเราจริงๆ
“บีไม่เคยรับบทแม่มาก่อน แต่ตอนที่เราทำรายการเดอะเฟซ ทำให้บีรู้สึกรักน้องๆ ทุกคนในทีมเหมือนลูก และยิ่งพอเป็นลิลลี่ เรารู้สึกผูกพันกันจริงๆ ลิลลี่เป็นเด็กใสๆ น่ารัก ตัวละครนี้เหมาะกับเขามาก อายุ 15 เท่ากับในเรื่อง ซึ่งขึ้นตึกวันแรก คือวันเกิดครบรอบ 15 ปีของลิลลี่พอดี เวลาเข้าฉากด้วยกันเราจะรู้สึกรักเขาเหมือนลูก ทั้งรัก ทั้งหวงเป็นห่วง ลิลลี่เป็นเด็กที่ตั้งใจทำงาน เราช่วยรับส่งอารมณ์ให้กันและกัน มันก็เลยไม่ยากที่เราต้องมาเล่นเป็นแม่ลูกกัน”
บี ยกย่อง จิม เป็นผู้กำกับจอมละเอียด และใจดีที่สุด
“พี่จิมเป็นคนน่ารักมากค่ะ เป็นคนที่ใจเย็นมากๆ เข้าฉากวันแรกๆ อาจจะยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร ทำให้บีเล่นหลายเทคมาก จนเราต้องเดินไปบอกพี่จิม ถ้าหนูเล่นไม่ได้ตรงไหนบอกเลยนะคะ เพราะหนังเรื่องแรกเราอยากให้มันออกมาดี หลังจากพูดประโยคนี้ พี่จิมก็ให้ความเป็นกันเอง จัดเต็มทุกซีนค่ะ เรียกว่าถ้าออกมาไม่ดี ไม่ผ่านแน่ๆ บางซีนถ่ายไป 40 เทค ร้องไห้ก็มีหลายระดับ แบบหนักมาก แบบกลาง และเบาๆ เรียกว่าดราม่ากันไปกว่า 3 ชั่วโมง สมกับเป็นผู้กำกับจอมละเอียด”
อยากฝากหนังเรื่องแรก
“เพื่อน..ที่ระลึก เป็นหนังเรื่องแรกของบี และเป็นหนังผีที่สนุก น่ากลัว เป็นหนังผีแนวใหม่ที่เล่นกับความรู้สึก ของผู้ชมให้ลุ้นไปกับตัวละครตลอดเรื่องค่ะ ฝากเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ”
ขอบคุณข้อมูลจาก GDH559 และ ภาพจาก Sasidis Photography
เรื่องย่อ
พ.ศ. 2540 ปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เรียกว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” โศกนาฏกรรมทางการเงินครั้งสำคัญ ที่ทำให้ “นักธุรกิจร้อยล้าน” กลายเป็น “บุคคลล้มละลาย” ในชั่วข้ามคืน เช่นเดียวกับอิ๊บและบุ๋มที่ครอบครัวต้องพังไปพร้อมๆกัน เมื่อตึกคอนโดหรูใจกลางเมืองที่พ่อของพวกเธอลงทุนร่วมกันถูกระงับการก่อสร้าง จากเศรษฐีกลายเป็นคนมีหนี้สินหลายร้อยล้าน บ้านที่เคยอยู่มาทั้งชีวิตก็ถูกยึด สมบัติในบ้านถูกนำมาเปิดท้ายขายของในราคาถูก อิ๊บและบุ๋มรับมือกับความล่มสลายของครอบครัวไม่ไหว จึงตัดสินใจจะฆ่าตัวตายพร้อมกัน บน “ตึก” ที่เคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่คนที่ตายกลับเป็นแค่อิ๊บเพียงคนเดียว
ผ่านไป 20 ปี บุ๋ม (บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) เติบโตกลายเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และได้กลับไปที่ตึกนั้นอีกครั้ง พร้อมกับ เบล (ลิลลี่ อภิชญา ทองคำ) ลูกสาวผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ คืนนั้นหลังกลับจากตึกก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับเบล เมื่อบุ๋มตื่นขึ้นมาพบเบลนั่งคุยกับใครบางคน แม้จะอยู่ในความมืด บุ๋มก็รู้ว่าที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเบลว่างเปล่า ไม่มีใครเลย… แล้วทุกคืนหลังจากนั้นก็กลายเป็นฝันร้ายของบุ๋ม เมื่อทุกครั้งที่หลับตานอน เบลจะตื่นขึ้นมาด้วยอาการละเมอที่หนักขึ้นเรื่อยๆ และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ เบลจะละเมอพูดหรือทำในสิ่งที่ทำให้บุ๋มระลึกถึง อิ๊บ เพื่อนเก่าที่เธอทิ้งให้รออยู่ที่ตึกอย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานาน นี่อาจเป็นการกลับมาทวงคำสัญญาสุดท้ายที่อิ๊บเคยขอไว้ก่อนจากโลกนี้ไป… “สัญญานะ ว่าแกจะไม่ปล่อยให้ฉันตายคนเดียว”
พบผลงานเขย่าขวัญเรื่องใหม่จากผู้กำกับลัดดาแลนด์ กับภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณระลึกถึงความกลัวทุกครั้งเมื่อต้องหลับตานอน 7 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com