มนุษย์ทุกคนมีความรักความชอบแตกต่างกันไป ซึ่งสิ่งที่บ่งบอกสไตล์ได้เป็นลำดับแรกต้นๆ ก่อนจะได้รู้จักตัวตนกันจริงๆ คงหนีไม่พ้นเสื้อผ้า หน้า ผม
สำหรับสาวๆ การแต่งหน้าทาปากคงเป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายตัวตนของพวกเธอ ส่วนผู้ชายอย่างเราๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของทรงผมที่จะสาธยายตัวตนของเราให้คนที่เดินผ่านมาผ่านไปได้รับรู้ว่าเราเป็นผู้ชายสมัยใหม่ เนี้ยบ เซอร์ วินเทจ แฟชั่น ศิลปิน ฯลฯ หรืออาจจะทำให้ใครสักคนตัดสินใจเดินเข้ามาพูดคุยกับเราก็เป็นได้ หากว่าคุณเป็น First Impression ที่น่าดึงดูดสำหรับพวกเขา
วันนี้ MOVER จึงจะขอพาไปรู้จักประเภทและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แต่งผมสำหรับผู้ชาย ไม่ว่าจะ Pomade แว๊กซ์ เจล มูส และอื่นๆ ตามไปดูกันเลย
ที่มาของการจัดหมวดหมู่คือเพื่อให้รู้ว่าของประเภทไหนใช้คู่กับอะไร ไม่ต่างกับผลิตภัณฑ์แต่งผม เลือกใช้ให้ถูกงาน จะได้ไม่พลาดในโอกาสสำคัญ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีเอกลักษณ์ในตัวแตกต่างกันพอควร
โพเมด (Pomade)
โพเมด ยึดเกาะสูง & เงามาก
โพเมดถือเป็นผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมรุ่นเก่าแก่ มีมาตั้งแต่ยุค 1800S อดีตเคยผลิตจากน้ำมันของหมี (bear fat) หรือน้ำมันจากหมู (lard) ปัจจุบันมีขี้ผึ้งเป็นวัตถุดิบหลัก ออกมาเป็นสูตร Oil Base ซึ่งเหมาะสำหรับสาวกสายคลาสสิกหรือวินเทจ ที่อาศัยการ ‘ปาด’ เป็นหลัก อย่างทรง Slick Back ตามแบบฉบับหนังมาเฟียย้อนยุคของต่างประเทศ เช่น The Godfather เป็นต้น
ทรง Side Part สไตล์นักธุรกิจมาดดีแบบ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ในเรื่อง The Wolf of Wall Street
ทรง Pompadour แนวๆ เอลวิส เพรสลีย์ ตำนานร็อก แอนด์ โรลล์ผู้ล่วงลับ
โดย โพเมด สูตร Oil Base มีจุดเด่นคือความเงางามทำให้ดูเนี้ยบ เพราะพลังการจัดทรงสูงส่งเหนือใคร หลังจากใช้ไดร์ช่วยกำหนดทิศทางเส้นผม ชโลมโพเมดแล้วใช้หวีปาดตามใจชอบ พยายามเก็บขอบและไรผม เพื่อความเรียบร้อย ซึ่งสามารถจัดทรงซ้ำได้ตลอดทั้งวันโดยใช้หวีผ่านน้ำแล้วค่อยจัดทรง
เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของผู้ชายที่ต้องเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า เดินออกแดด (เผลอๆ ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ในเวลาเร่งรีบ) โดนลม เพราะทนแดด ความร้อนและเหงื่อดีมาก แต่ต้องแลกมากับความเหนียวหนืด (ตอนหวีจัดทรงผมจะร่วงเยอะกว่าปกติ) ซึ่งแน่นอนว่ามันล้างออกยาก อาจจะต้องอาศัยการสระผมหลายรอบ เพราะฝรั่งทางเมืองหนาวนิยมใช้ Oil Base กันแบบ Build Up หรือพูดง่ายๆ ว่าเซ็ตซ้ำไปเรื่อยๆ ล้างแค่ฝุ่นและเหงื่อที่ออกน้อยมากตามสภาพอากาศออกไป แต่ยังค้างตัวผลิตภัณฑ์ไว้อยู่ วันต่อมาก็ควักเนื้อโพเมดจำนวนน้อยลงมาผสมกับที่ยังคงค้างอยู่บนศีรษะและจัดแต่งทรงผมต่อ
ส่วนสาวกโพเมดที่ไลฟ์สไตล์อยู่ในห้องแอร์ทั้งวันหรือแค่ออกไปดินเนอร์เดินห้างฯนิดหน่อยก็มีสูตร Water Base รองรับ (ไม่ต้องให้ถึงมือ oil base) วิธีการใช้เหมือนกัน แต่สูตรนี้ถ้าเจอแดด เหงื่อ ลม มีสิทธิ์ที่จะหัวกระเซิงได้ ซึ่งมันล้างออกง่ายกว่า Oil Base เพียงแค่สระผมธรรมดา
เจล (Gel)
เจล ยึดเกาะสูง & เงามาก
เจล ผลิตภัณฑ์แต่งผมชิ้นแรกๆ ที่หนุ่มน้อยกำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหลายคนน่าจะเคยหยิบมาจับๆ แต่งๆ ทรงผมกันเล่นๆ หน้ากระจก เพราะหาซื้อได้จากทั้งเซเว่นอีเลฟเว่นและซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป เจลเหมะสำหรับใช้ตอนผมเปียกหมาดๆ จะไปได้ดีกับทรงผมแบบเซ็ตตั้ง (spiky hair) แบบยุค 90S
หรือใครอยากจะปาดเรียบแบบ slick back, Side Part ก็พอทำได้ แต่อาจทำให้หัวของคุณดูเป็น wet look ยิ่งกว่าโพเมด พลังการจัดทรงและคุณสมบัติเรื่องความยืดหยุ่นด้อยกว่า ควรสังเกตให้ดีอย่าให้เกิดขุยจากการพลั้งมือไปจัดแต่งทรงผมเพิ่มเติมระหว่างวัน เพราะคนรอบข้างอาจจะมองด้วยสายตาแปลกๆ ได้ มีทั้งสูตรที่ผสมและปราศจากแอลกอฮอล์
แว๊กซ์ (Wax)
แว็กซ์ ยึดเกาะปานกลาง & เงาปานกลาง
แว๊กซ์จัดเป็นผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่วางตัวอยู่ระหว่างกึ่งกลางของโพเมดกับเจล แต่อาจจะไม่ยืดหยุ่นเท่าโพเมด ถึงเราจะคุ้นชิ้นกับภาพลักษณ์ด้านๆ แบบ matte look แต่มันก็สามารถเพิ่มความเงาให้ทรงผมได้ ด้วยการเลือกสูตร วิธีการคือไดร์ผมเป็นไกด์ให้เส้นผมก่อน (สำหรับคนผมหนา) แล้วใช้มือและนิ้วในการจัดแต่ง ไม่จำเป็นต้องใช้หวีช่วย มีความเป็นธรรมชาติ เบาสบายไม่รู้สึกหนักหัวแบบโพเมด เหมาะสำหรับคนผมมันหรืออากาศร้อนแบบบ้านเรา สามารถเสยเพื่อจัดแต่งทรงผมเพิ่มได้ ระหว่างวัน
เคลย์ และ พาสต์ (Clay&Paste)
– ยึดเกาะปานกลาง & เงาต่ำ
เคลย์ เป็นวิวัฒนาการหรือพูดอีกอย่างคือผลิตภัณฑ์ที่พรีเมียมขึ้นไปกว่าแว๊กซ์ เพราะผลลัพธ์ออกมาใกล้เคียงกัน ต่างกันโดยรายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งเคลย์มีเนื้อค่อนข้างแข็งและช่วยเพิ่ม Texture ให้ทรงผมได้มากกว่า แต่ยังคงลุคด้าน (matte look) ไว้ ใช้นิ้วจัดแต่งหรือใช้มือเสยตอนผมหมาดๆ (แห้งกว่าตอนใช้เจล) ล้างออกง่ายไม่ทิ้งลายความเป็นแว๊กซ์
มูส (Mousses) – เพิ่มวอลุ่ม
มูสใช้สำหรับเพิ่มวอลุ่มให้เส้นผม เหมาะสำหรับคนที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน แต่อยากทำให้ผมดูหนาหรือพองขึ้น เป่าผมให้ใกล้แห้งแล้วบีบมูสลงบนฝ่ามือและจัดแต่งทรงผม จากนั้นค่อยเป่าผมต่อจนแห้ง จะใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์แต่งผมอื่นๆ ก็ได้ ทรงที่ได้จะดูหนา แน่น ฟู หนุ่มผมยาวบางคนใส่แค่มูส ขยุ้มๆ เป่านิดหน่อยสามารถออกจากบ้านได้อย่างหายห่วง
หรือถ้าหนุ่มผมยาวคนไหนอยากเป็น Wet Look ก็ใช้ปริมาณมูสสักประมาณเท่าลูกกอล์ฟแล้วชโลมลงบนเส้นผมที่เปียกหมาดๆ แล้วเสยด้วยมือหรือปาดด้วยหวีไปด้านหลังได้เลย
แฮร์สเปรย์ – อยู่ทรงนาน
แฮร์สเปย์เป็นตัวช่วยด่านสุดท้ายสำหรับการล็อกทรงผมที่คุณเซ็ตไว้อย่างลงตัวและพอใจ เพื่อให้ทรงผมอยู่ตัวไปได้ตลอดวัน วิธีใช้คือฉีดสเปรย์ให้ทั่วศีรษะหลังเซ็ตผมเสร็จ แต่ไม่ต้องถึงขนาดฉีดจ่อใกล้ๆ
เรื่องของเส้นผมกับทรงผมเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนและมีเรื่องให้พูดถึงเยอะ หวังว่าที่ MOVER ได้นำประเภทและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แต่งผมมาฝากกัน ทั้ง Pomade แว๊กซ์ เจล มูส และอื่นๆ จะช่วยเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมได้อย่างตรงใจ เข้ากับสไตล์ความชอบและไลฟ์สไตล์มากขึ้นนะครับ