การแต่งรถยนต์กับหนุ่มๆ สายซิ่งทั้งหลายดูจะเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันได้ยากพอสมควร เพราะบางคนก็ชื่นชอบ ‘การแต่งรถยนต์’ มากจนกลายเป็นงานอดิเรกหรืออาจต่อยอดเป็นธุรกิจส่วนตัวไปเลยทีเดียว ซึ่งการแต่งรถยนต์ในปัจจุบันนอกจากจะเลือกปรับแต่งสมรรถนะการขับขี่ในจุดต่างๆ ตามความชอบ, ความพอใจของผู้ขับแล้ว การเลือกปรับแต่งในส่วนของอุปกรณ์ภายนอกหรือ ‘ชุดแต่งรถ’ (Body Kits) ก็เป็นอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งครั้งนี้ผมก็มีเรื่องราวของชุดแต่งทางการจากแบรนด์รถญี่ปุ่นดังในไทย ที่เชื่อว่าน่าจะยังมีบางคนไม่ทราบมาแนะนำกันด้วย เผื่อเป็นทางเลือกในการแต่งรถสำหรับคนที่ชอบ Body Kits ทรงศูนย์
#1 | TOYOTA (TRD)
เริ่มกันด้วยค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นขวัญใจคนไทยอย่าง Toyota กับ ชุดแต่งรถ ‘TRD’ หรือ Toyota Racing Development ที่เป็นอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบจากทีมงานวิศวกรของโตโยต้าในระดับรถแข่งซุปเปอร์คาร์อย่าง Super GT เลยทีเดียว รวมถึงยังเป็นทีมวิศวกรเดียวกับการออกแบบ Part เสริมให้กับแบรนด์รถหรู Lexus แบรนด์รถในสังกัดของโตโยต้าด้วยเช่นกัน ซึ่งตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาทางโตโยต้าได้แบ่งหน้าที่การดูแล พัฒนา และออกแบบชุดแต่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์ TRD ออกเป็นสองสาขา เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน โดยแบ่งเป็นชุดทีมงานฝั่งเอเชียที่จะเป็นทีมงานวิศวกรญี่ปุ่นจากสำนักงานใหญ่ และชุดทีมงานฝั่งยุโรปที่เป็นทีมวิศวกรโตโยต้าอเมริการับหน้าที่ดูแล
โดยเอกลักษณ์ของชุดแต่ง TRD ของโตโยต้านอกจากจะออกแบบให้เข้ากับเส้นสายตัวรถในแต่รุ่นของโตโยต้าได้ลงตัวแล้ว ยังอยู่ที่แนวทางการออกแบบที่จะสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับรถแข่งซุปเปอร์คาร์ทำให้ตัวรถที่แรกเริ่มอาจดูเป็นรถบ้านกลายเป็นรถแข่งสนามเซอร์กิตได้เลย ซึ่งผลงานชิ้นเอกที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และได้รับรางวัลชุดแต่งยอดเยี่ยมในงาน Auto Salon 2013 ก็คงจะหนีไม่พ้นชุดแต่งบนรถรุ่น GT86 TRD ที่เป็นผลงานของทีมวิศวกรฝั่งอเมริกากับผลงานในการเปลี่ยนโฉม GT86 ให้กลายเป็นรถแข่งหรู
#2 | HONDA (Modulo & Mugen)
ต่อกันที่อีกหนึ่งแบรนด์ยอดนิยมของผู้ใช้รถในไทยอย่าง Honda กันบ้าง โดยฮอนด้าเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นแบรนด์เดียวในตลาดรถเมืองไทย ที่สามารถเบียดแซงโตโยต้าขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นขวัญใจคนไทยอันดับ 1 ได้หลายครั้ง ซึ่งนอกจากจะมีรถยนต์หลายรุ่นที่ถูกใจสายซิ่งชาวไทยแล้ว ด้านชุดแต่งเองก็ไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว แถมยังมีชุดแต่งรถสำนักของตัวเองแท้ๆ ถึงสองแบรนด์เลยทีเดียว คือ Modulo และ Mugen ถึงแม้จะมีประวัติที่อาจจะไม่ค่อยดีกันเท่าไร แต่ปลายทางก็ช่วยทำให้รถยนต์แต่ละรุ่นของฮอนด้าได้รับการกล่าวถึงในงานของความดุดันจากชุด Part Body Kits ของทั้งสองแบรนด์อยู่เรื่อยๆ
โดย Mugen เป็นแบรนด์ของลูกชายคุณ Hirotoshi Honda ผู้ก่อตั้งฮอนด้า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Mugen ได้ทำหน้าที่เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนและชุดแต่ง OEM ป้อนให้กับรถยนต์หลายรุ่นของฮอนด้าในฐานะบริษัทพันธมิตร แต่ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวกันแต่อย่างใด ส่วนผลงานชิ้นเอกของ Mugen คงอยู่ที่การมีส่วนรวมในรถแข่ง Formula 3000 ที่ได้แชมป์สนามในปี 2533-34 กับการเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์และชุด Part ให้
ส่วนด้านของ Modulo นั้นเป็นชุดแต่งที่ถือกำเนิดจากฮอนด้าเอง โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาชุดแต่งสำหรับ CIVIC รถรุ่นที่ขายดีตลอดกาลของฮอนด้าเป็นรุ่นแรก และเริ่มต่อยอดไปยังรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของบริษัทจนกลายเป็นที่รู้จักของลูกค้าเรื่อยมาจนปัจจุบัน ซึ่งชุดแต่งของทั้งสองแบรนด์นั้นถ้านับกันจริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นในการได้รับความนิยมและเริ่มเป็นที่รู้จักของลูกค้าทั่วโลกนั้น มีจุดเริ่มต้นจากรถยนต์ CIVIC เหมือนกันทั้งสองแบรนด์
#3 | MAZDA (MAZDASPEED)
มาต่อกันที่แบรนด์รถญี่ปุ่นสุดอินดี้ ที่ตอนนี้สละทิ้งภาพลักษณ์สุดอินดี้กลายมาเป็นหนึ่งในสามแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นยอดนิยมของคนไทยไปเรียบร้อยสำหรับ MAZDA แบรนด์รถยนต์เล็กๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งจากกองเถ้าถ่านของเมืองฮิโรชิม่า ด้วยเอกลักษณ์ด้านดีไซน์การออกแบบรถยนต์ผสมผสานเข้ากับสมรรถนะการขับขี่ของรถที่สนุกสนานให้ฟิวลิ่งเหมือนขับรถแข่งบนสนามแข่งจริงๆ จึงทำให้มาสด้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและตลาดโลก จนมาดังเป็นพลุแตก ผู้คนเริ่มรู้จัก และเปิดใจยอมรับมากขึ้นในยุคที่มีการเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีของบริษัทมาเป็น ‘Skyactiv’ ที่นอกจากจะมาพร้อมเทคโนโลยีแพลทฟอร์มตัวรถใหม่ทั้งคันแล้ว เส้นสายงานออกแบบทั้งหมดก็กลายมาเป็นจุดเด่นหลัก รวมไปถึงการเปิดตัวสีแดง Soul Red สีแดงที่ยากจะมีใครทำเหมือน จึงทำให้รถทุกรุ่นของมาสด้าในยุค Skyactiv ประสบความสำเร็จ ดึงดูดผู้ใช้งานทั่วโลกให้หลงได้ทันทีที่มอง
MazdaSpeed เป็นแบรนด์ชุดแต่งและส่วนอุปกรณ์แต่งรถของมาสด้าเอง ที่เริ่มต้นด้วยชื่อ ‘Mazda Sport Corner’ ที่ทางมาสด้าตั้งใจตั้งขึ้นมา เพื่อให้มีส่วนงานที่มุ่งเน้นพัฒนาและออกแบบชุดแต่งสำหรับรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นโดยเฉพาะ รวมไปถึงรถแข่งในสนามแข่งระดับโลกของมาสด้าเองด้วยเช่นกัน ซึ่งแนวทางการออกแบบของ Mazdaspeed จะเน้นไปที่การออกแบบให้ชิ้นส่วนขุดแต่งรถมีน้ำหนักเบา ดูเรียบง่าย และต้องใช้ชิ้นส่วนน้อยชิ้น แต่สามารถทำให้ตัวรถก็ดูสปอร์ตได้ เพราะส่วนหนึ่งคือการที่มาสด้าออกแบบตัวรถมาสปอร์ตอยู่แล้วนั่นเอง
#4 | NISSAN (Nismo)
นิสสัน แบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เชื่อว่าหลายคนอาจคิดว่าเป็นแบรนด์ของฝั่งยุโรปไปแล้ว ด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดูเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมรถยนต์ต่างๆ ประกอบกับแนวทางการออกแบบตัวรถในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดูจะเน้นเส้นสายไปในแนวรถยุโรปเกือบทั้งหมด แต่นิสสันถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นโดยคนญี่ปุ่น แต่มาประสบความสำเร็จจากแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซ็ป ‘Innovation that Excites’ กับการเน้นสร้างสรรค์นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์จนบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล จนสามารถเข้าควบรวมกิจการกับค่ายรถยนต์ใหญ่ระดับโลกได้สองแบรนด์คือ Renault และ Mitsubishi motor จนตอนนี้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ทรงอิทธิพลในอันดับ Top ten ของโลกเลยทีเดียว
Nismo เป็นแบรนด์ชุดแต่งรถของนิสสัน ที่เริ่มต้นจากการที่นิสสันจะตัดสินใจตั้งบริษัทในเครือขึ้นมานามว่า ‘Nismo’ หรือ Nissan motorsport International co.,LTD ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนชุดแต่งรถยนต์ทุกรุ่นทั้งในตลาดทั่วไปและตลาดรถแข่งให้กับนิสสันอย่างเป็นทางการ โดย Nismo เริ่มผลิตชิ้นส่วนชุดแต่งต่างๆ ออกมาให้กับรถยนต์ทุกรุ่นของนิสสัน ก่อนที่จะเริ่มไปเตะตาคนดังในแวดวงรถยนต์ระดับโลกด้วยชุดแต่งบนรถสปอร์ต Nissan Skyline R32s รถสปอร์ตสุดแรงของค่ายในปี 2533 ก่อนที่จะสร้างผลงานตามมาอีกหลายครั้งจนปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์ชุดแต่งทางการของรถตลาดนิสสันไปเรียบร้อย
#5 | Mitsubishi ( RalliART)
ปิดท้ายกันด้วยแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นที่ตอนนี้ได้รับการดูแลจากแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันเองไปเรียบร้อยอย่าง Mitsubishi ถึงแม้ตอนนี้จะถูกควบรวมกิจการไปแล้ว แต่มิตซูบิชิก็ยังคงได้รับสิทธิ์ในการออกแบบ พัฒนา และผลิตรถยนต์ในแบบตัวเองออกสู่ตลาดเหมือนเดิม เพียงแต่อาจตัดรุ่นหรือเซกเม้นต์ที่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดออกไป เพื่อลดต้นทุนนั้นเอง โดยมิตซูบิชิในครั้งอดีตนับเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ชื่อเสียงโด่งดังจากรถยนต์ในกลุ่มออฟโร็ดและแรลลี่คาร์เป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ชุดแต่งรถ ‘RalliART’ ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักในช่วงแรกคือการผลิตชิ้นส่วนสำหรับปรับแต่งรถยนต์แรลลี่และออฟโร็ดที่เป็นสินค้าหลักของบริษัท ก่อนที่จะเริ่มมีการขยายฐานมายังกลุ่มรถรุ่นอื่นๆ ของมิตซูบิชิ แต่ท้ายที่สุดแรลลี่อาร์ทก็ถูกลดบทบาทลงไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนหายหน้าหายตาไปจากตลาดนานหลายปี จนในปัจจุบันทางมิตซูบิชิเริ่มที่จะนำแบรนด์แรลลี่อาร์ทกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะยังเป็นเพียงกริมมิกเล็กๆ ไปเท่านั้น