เมื่อถึงคราวก้าวสู่โลกแห่งการทำงาน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็น First Jobber เป็นการบ่งบอกว่าชีวิตจริงกำลังจะเริ่มขึ้นนะครับครับทุกคน ซึ่งขอบอกเลยว่าชีวิตในช่วงวัยทำงานช่างแตกต่างจากการเรียนที่โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยโดยสิ้นเชิง หากเราทำผิดพลาดส่วนน้อยนักที่จะมีคนยื่นมือช่วยเหลือ ส่วนมากต้องพึ่งพาตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าต้อง “Strong” เท่านั้นถึงจะอยู่รอด
แต่ไม่ต้องห่วงไปนะครับชาว Mover วันนี้เรามี How to เตรียมรับมือสู่การเป็น First Jobber มาฝาก ซึ่งแต่ละวิธีนั้นไม่ยากเลย หากทำตามได้ครบ จะช่วยให้คุณสนุกกับชีวิตวัยทำงานได้มากยิ่งขึ้น ถ้าอยากรู้ว่ามีทริคทางลัดอะไรบ้าง มาดูครับ
#1 | Timing
อันดับแรกเรื่อง “การตรงต่อเวลา” เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากที่สุด โดยเฉพาะวันเริ่มต้นของการทำงานหากคุณไปสายเสียแต่วันแรก มันคงไม่ดีนัก คุณจะถูกเพ่งเล็งจากผู้ใหญ่ ซึ่งโดยพื้นฐานทุกคนควรเป็นคนที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการประชุม หรือการนัดพรีเซนต์งานกับลูกค้า หากเราตรงเวลาทุกคนก็จะไว้วางใจให้เรารับผิดชอบงานต่างๆ และมั่นใจว่าเราจะส่งได้ตรงเวลา ซึ่งเทคนิคง่ายๆ คือการตั้งนาฬิกาปลุก หากใครที่ตื่นยากหน่อยให้ตั้งถี่ๆ เลยครับ น่าจะช่วยได้เยอะ และสุดท้ายเรื่องการเดินทางขอให้เผื่อเวลาสัก 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ อย่างที่รู้ๆ กันครับว่า กรุงเทพฯ อภิมหารถติดแค่ไหน หากออกจากบ้านในระยะเวลากระชั้นชิด คิดว่าคุณคงไปทำงานเลทแน่นอน
#2 | Active
การ Active หรือความกระตือรือร้นต่องานนับเป็นสิ่งที่ดีครับ เหมือนเป็นแสดงออกว่าเราตั้งใจทำงาน มีความต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ สมมุติบอสให้หา Reference งานมา 3 แบบ เราอาจหาเผื่อมากกว่าเท่าตัวเลยก็ได้ครับ เพื่อป้องกันการผิดพลาดเราจะได้มีตัวเลือก หรือในบางครั้งหากรู้สึกว่าวันนั้นๆ ไม่ค่อยมีงาน ลองหาความรู้เพิ่มเติมที่เกี่ยวกับสายงานที่ทำ ไม่ก็ถามดูว่ามีงานให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมมั้ย น่าจะดีกว่าการนั่งรอคำสั่งอย่างเดียวนะครับ
#3| English
ภาษาอังกฤษสำคัญมาก! เพราะใครที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ บางบริษัทเขาอัพเงินเดือนให้ด้วยนะครับ ลองค่อยๆ ฝึกฝนเรียนรู้เพิ่มเติมจะช่วยให้คุณทำงานได้กว้างขึ้น ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่หลากหลาย แต่ทั้งนี้ไม่เพียงแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ ยิ่งคุณสื่อสารได้หลายภาษาจะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณสบายขึ้นเยอะเลยล่ะ และจะเป็นสกิลไม้ตายที่ติดตัวคุณ มีแต่คนต้องการร่วมงานด้วยครับ
#4 | Sick Leave
หากไม่ได้ป่วยหนักถึงเข้าโรงพยาบาลพยายามอย่าลางานบ่อยนะครับ ลองแสดงให้บอสเห็นถึงสปิริตของคุณซะหน่อย น่าจะได้คะแนนความสงสารกว่าเยอะนะ เพราะการลาบ่อยๆ จะทำให้เป็นปัญหาได้ในอนาคต ถ้าร่างกายไหวก็ควรมาทำงานนะครับ แต่ก็อย่าลืมพกแมสปิดปากมาด้วยหล่ะ ในกรณีที่มีการไอจาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อหวัดไปยังเพื่อนร่วมงานนั่นเอง
#5 | Saving
ในเมื่อทำงานมีเงินเดือนอย่าใช้จนเพลินหล่ะครับชาว Mover ทั้งหลาย ควรเก็บตังค์ไว้บ้าง อย่างน้อยสัก 10 เปอร์เซ็นของเงินเดือนก็ยังดีครับ วิธีง่ายๆ พอเงินออกปุ๊บให้เรียนกนำไปฝากธนาคารปั๊บเลย เพื่อเวลาฉุกเฉินที่คุณมีเรื่องจำเป็นจะได้มีเงินสำรองไว้ จะได้ไม่ต้อง “วิ่งเต้น” หาเงินให้หัวหมุน ถือเป็นการฝึกนิสัยรักการออมด้วยครับ อะไรที่ไม่จำเป้นควรอดใจไว้สักนิด เพื่อชีวิตที่ร่ำรวย ไม่งั้นทำงานเป็น 10-20 ปี แต่ใช้เงินเป็นเบี้ยคงไม่ดีแน่เลย
#6 | Relax
#7 | Travel
จะดีกว่ามั้ยถ้าได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เหนื่อยจากงานทั้งนี้ขอไปเสพบรรยากาศธรรมชาติให้แฮปปี้ หากยังมีวันลาเหลือนะครับ แต่ทั้งนี้ก่อนไปต้องเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จเสียก่อน จะได้ไม่มีคนคอยโทรตามเสียอารมณ์พักผ่อนหมด เราคิดว่าการท่องเที่ยวเป้นการปรับสมดุลให้กับชีวิต หากตึงเครียดกับงานมากไปคงไม่ดีนัก ลองไปเจอโลกกว้างดูบ้าง ไม่แน่ว่าคุณอาจได้แรงบันดาลในการทำงาน หรือค้นพบ และรู้จักตัวเองมากขึ้นก็เป็นได้นะครับ
และทั้งหมดคือวิธีการเตรียมพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์นั่นเอง ไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ ซึ่งหากคุณ Manage ตัวเองให้ดีทั้งเรื่องการทำงาน และการใช้ชีวิตจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น และสุดท้ายสิ่งสำคัญคือเรื่องความอดทน ท้อได้แต่อย่าถอย เชื่อว่าสักวันความฝัน ความสำเร็จที่คุณต้องการจะเป็นจริงแน่ ถ้าเราพยายามอย่างมากพอ