อยาก ลดน้ำหนัก แต่ออกกำลังกายไม่เก่ง ควรทำอย่างไรดี ? กล่าวได้ว่าการลดน้ำหนักไม่ได้เกิดมาจากแค่เพียงการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของการลดน้ำหนัก นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง และถูกวิธี โดยกล่าวได้ว่าการรับประทานอาหารมีผลต่อสัดส่วนในร่างกายของเรามากถึง 80% ในขณะที่การออกกำลังกายส่งผลเพียง 20% เท่านั้น
แล้วเราควรทานอาหารอย่างไรถึงจะถูกต้องละ ? การรับประทานอาหารที่ถูกต้องสำหรับการ ลดน้ำหนัก ไม่ใช่การอดมื้อกินมื้อ แต่มันคือการรับประทานอาหารทุกๆ มื้ออย่างครบถ้วน และอาหารที่เราเลือกรับประทานจะต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราจริงๆ และพอเหมาะกับการใช้งานร่างกายในแต่ละวัน โดยวันนี้ MOVER ไม่ได้มาแนะนำรายการอาหาร หรือตารางทานอาหารเพื่อลดน้ำหนักแต่อย่างใด แต่เราจะขอหยิบผลไม้จำนวน 5 ชนิด สำหรับคนที่กำลังหาผลไม้ทานเพื่อลดน้ำหนักโดยเฉพาะ
1 | แอปเปิ้ล
“แอปเปิ้ล” จัดเป็นผลไม้ยอดฮิตสำหรับคนลดน้ำหนักมาอย่างช้านานแล้ว เหตุผลง่ายๆ ที่แอปเปิ้ลถูกเลือกเป็นผลไม้ยอดฮิต ก็เพราะด้วยจำนวนไฟเบอร์ที่สูง ช่วยให้เรารู้สึกอิ่มได้อย่างพอดี แถมมีสารอาหารที่ถูกเรียกว่า เพกติน อยู่ภายใน ซึ่งสารอาหารชนิดนี้จะยิ่งช่วยเพิ่มกากใยอาหาร และดักจับคอเลสเตอรอลในร่างกายให้อีกต่างหาก
โดยแอปเปิ้ลเขียว ถือเป็นพันธุ์นิยมทานเพื่อลดน้ำหนักกันเป็นหลัก แอปเปิ้ลเขียวมาพร้อมกับสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะมีมากกว่าแอปเปิ้ลสีอื่นๆ หลายเท่า อีกทั้งยังมีกรดบางชนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพลัง และสร้างความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อของเราได้โดยตรงอีกด้วย ในด้านผิวพรรมณก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะแอปเปิ้ลเขียวมาพร้อมกับวิตามิน C ที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณเราได้เป็นอย่างดี
แคลอรี : แอปเปิ้ลเขียวมีพลังงานประมาณ 58 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม
ความพิเศษ : ไฟเบอร์สูง, มีสารเพกตินเป็นส่วนประกอบ, มีสารต้านอนุมูลอิสระ, มีกรดที่ช่วยเพิ่มหลังให้กับกล้ามเนื้อ, มีวิตามิน C
2 | แตงโม
แน่นอนว่าแอปเปิ้ลจัดเป็นผลไม้ลดน้ำหนักยอดฮิตมาอย่างช้านาน แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว “แตงโม” กลับเป็นผลไม้ที่ผู้เขียนชอบมากกว่า เพราะแตงโมเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานแคลอรีต่ำมากๆ โดย 100 กรัม แตงโมให้พลังงานเพียง 25 แคลอรีเท่านั้น เหมาะกับการใช้ทานเล่นเอามากๆ
นอกจากแคลอรีที่ต่ำแล้ว ภายในแตงโมยังประกอบไปด้วยมีวิตามิน และแร่ธาตุเป็นจำนวนมาก โดยมีสารชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ก็คือ ซิทรูไลน์ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยขยายหลอดเลือดแดงภายในร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคอ้วน และโรคเบาหวาน โดยสารซิทรูไลน์นี้มีพบเป็นอย่างมากในเปลือกของแตงโม ดังนั้นจึงกินเนื้อขาวๆ เข้าไปบ้าง จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
นอกจากจุดเด่นด้านแคลอรีต่ำ แตงโมยังมีคุณสมบัติป้องกัน และลดการสะสมของไขมันที่จับอยู่ภายในหลอดเลือดได้ อีกทั้งยังมีไลโคปีน สารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ บำรุงเส้นผม บำรุงสายตา ล้างพิษจากอาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้า ลดไข้ คอแห้ง และรักษาแผลในปากได้
แคลอรี : แตงโมมีพลังงานประมาณ 25 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม
ความพิเศษ : แคลอรีต่ำ, อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ, มีซิทรูไลน์, สามารถลดการสะสมของไข้มันที่จับตัวอยู่ภายในหลอดเลือด, มีไลโคปีน
3 | แก้วมังกร
“แก้วมังกร” ถือเป็นผลไม้ที่มีกากใยที่สูง และมีแคลอรีที่ต่ำ โดยแก้วมังกร 100 กรัม จะให้พลังงานเพียง 60 กิโลแคลอรีเท่านั้น อีกทั้งในแก้มังกรยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยให้ผิวพรรณดูชุ่มชื่น สดใส เปล่งปลั่ง เพราะในแก้วมังกรประกอบไปด้วย วิตามินซี โปรตีน คลอโรฟิลล์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณได้ทั้งสิ้น และยังช่วยชะลอริ้วรอยต่างๆ ได้อีกด้วย
ในแก้วมังกรมีสารที่ชื่อว่า มิวซิเลจ ซึ่งเป็นสารลักษณะคล้ายวุ้นเจล ช่วยรดูดซับน้ำในร่างกาย ทำให้อิ่มท้องได้นาน อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายชนิด แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ช่วยขับร้อนได้ดี เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรเต็มไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน มีส่วนช่วยบรรเทาอุณหภูมิภายในร่างกาย ดับกระหาย คลายร้อนได้
ด้วยกากใยที่สูง ทำให้แก้วมังกรมีคุณสมบัติแก้อาหารท้องผูก โดยมีสารกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และช่วยแก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี มีคุณสมบัติควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาโรคโลหิตจาง เพิ่มธาตุเหล็ก ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย มีสารไลโคปีน ช่วยต้านทานโรคมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย วิตามินซีและแคโรทีนอยด์ บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยเพิ่มน้ำนม
แคลอรี : แก้วมังกรมีพลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม
ความพิเศษ : กากใยสูง, แคลอรีต่ำ, มีสารต้านอนุมูลอิสระ, มี วิตามินซี โปรตีน คลอโรฟิลล์ แคลเซียม และฟอสฟอรัส, มีสารมิวซิเลจ, ต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน, มีสารกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้, ดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย, มีสารไลโคปีน
4 | บลูเบอร์รี่
ในแง่ผลไม้ ตระกูลเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้ที่ทานได้ง่าย มีรสหวานอมเปรี้ยว ซึ่งถือว่าอร่อยมากๆ โดยเฉพาะ “บลูเบอร์รี่” ถือเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ข่วยให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว และอิ่มได้นาน โดยมีคุณสมบัติเด่นอย่างการช่วยเผาผลาญไขมันเป็นตัวชูโรง
ในบลูเบอร์รี่ประกอบไปด้วยสาร Anti-oxidant ปริมาณมาก ประกอบไปด้วยวิตามิน C และวิตามิน E มีสารต้านอุนุมูลอิสระช่วยชะลอความแก่ บำรุงสายตา จอประสาทตา ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย มีสาร Flaviniod ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้หัวใจแข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
ในบลูเบอร์รี่ยังประกอบไปด้วยสารแอนโทไซยานิน เช่นเดียวที่มีในหัวไชเท้า สามารถำแยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และกำจัดสารที่อาจก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ มีความสามารถในการดักจับ และกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายเพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยได้ง่ายๆ
แคลอรี : บลูเบอร์รี่มีพลังงานประมาณ 57 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม
ความพิเศษ : มีเส้นใยสูง, มีสารสาร Anti-oxidant จำนวนมาก, ประกอบไปด้วยวิตามิน C และวิตามิน E, มีสารต้านอุนุมูลอิสระ, บำรุงสายตา, มีสาร Flaviniod, มีสารแอนโทไซยานิน, มีความสามารถในการดักจับ และกำจัดเชื้อแบคทีเรีย
5 | กล้วยหอม
สำหรับผลไม้ที่ผมอยากแนะนำเป็นอย่างที่ 5 ก็คือ “กล้วยหอม” โดยกล้วยหอมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย มีคุณสมบัติแก้อาการท้องผูก มีฟรุกโตส และกลูโคส ซึ่งเป็นสารแทนความหวานจากธรรมชาติ มีความสามารถช่วยบำรุงกล้ามเนื้อไม่ให้อ่อนล้า
กล้วยหอม ประกอบไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุกโทส และ กลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร ทำให้สามารถเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ในทันที กล้วยหอมจึงเหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกาย และต้องการพลังงานทันทีก่อนไปเล่นกีฬา
กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยประโยชน์หลายอย่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย แก้โรคลำไส้เป็นแผล ให้ความรู้สึกสบาย แก้อาการเสียดท้อง แก้อาการเมาค้าง มีโปรตีน Try potophan แก้โรคซึมเศร้า มีปริมาณโปแตสเซียมสูง เพิ่มพลังให้กับสมอง ช่วยโรคความดันโลหิตสูง และโรคโลหิตจาง เพราะประกอบไปด้วยธาตุเหล็กที่มาก
แคลอรี : กล้วยหอมมีพลังงานประมาณ 120 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม
ความพิเศษ : มีน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด, มีเส้นใยและกากอาหารสูง, เพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ในทันที, ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย, มีโปรตีน Try potophan, มีปริมาณโปแตสเซียมสูง, มีธาตุเหล็กมาก