ทุกวันหลังเลิกงาน คุณทำ “กิจกรรม” อะไรบ้าง ? ปกติ มนุษย์เราจะทำงานกันวันละ 7 – 8 ชั่วโมง ซึ่งช่วงเวลาหลังเลิกงาน ก็แล้วแต่การเข้างานของแต่ละที่ แตกต่างกันออกไป บางที่เข้า 8 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น หรือบางที่เข้า 10 โมงเช้า เลิกหนึ่งทุ่มก็มี โดยทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมเหล่าพนักงานที่ต้องทำงานกะดึกอีกด้วย
แล้วในทุกวันหลังเลิกงานเราทำกิจกรรมอะไรกันต่อ ? วันนี้ MOVER จึงขอเอาใจคนทำงานกันเสียหน่อย กับ 5 กิจกรรมสุดพิเศษ ที่คนยุคนี้เขาทำกันหลังเลิกงาน จะมีกิจกรรมอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลย
1 | เข้าฟิตเนส เล่นคลาส ออกกำลังกาย
กล่าวได้ว่าเทรนด์รักสุขภาพของเหล่าผู้คนในยุคนี้กำลังมาแรงกันสุดๆ ไม่ว่าจะการออกกำลังกายก็ดี กินอาหารก็ดี โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศที่วันๆ ต้องนั่งติดกับโต๊ะทำงาน การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ทั่งร่างกาย และจิตใจได้เป็นอย่างมาก
และนั่นทำให้การเข้าฟิตเนส จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของกิจกรรมที่คนหลังเลิกงานมักจะเดินทางไปกัน โดยที่ฟิตเนสก็จะมีกิจกรรมให้เราได้ทำอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเดินบนลู่ ปั่นจักรยาน เล่นเวท เข้าคลาสต่างๆ ไปจนถึงหาเทรนเนอร์คู่ใจ แนะนำด้านการออกกำลังกาย โดยเราได้จำแนกกิจกรรมในฟิตเนสไว้ดังนี้
คาดิโอเบาๆ : กิจกรรมแรกๆ ง่ายๆ ที่สายรักสุขภาพเริ่มต้น มักจะเริ่มทำกันหลังจากเดินเข้ามาในฟิตเนสเป็นครั้งแรก การเดินบนลู่วิ่ง หรือการปั่นจักรยาน เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เห็นปุ๊บเราก็เรียนรู้ และทำได้เลย แถมเรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดี
จ้างเทรนเนอร์คู่ใจ : ฟิตเนสส่วนใหญ่ จะมีบริการเทรนเนอร์แนะนำฟรีครั้งแรกเสมอ ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้เริ่มเข้าฟิตเนสเป็นครั้งแรก จะเริ่มเข้าใจถึงการออกกำลังกาย และสภาพร่างกายในปัจจุบันของตนเองมากยิ่งขึ้น โดยการจ้างเทรนเนอร์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดี ที่จะทำให้เรารู้วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และดำเนินการออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องศึกษาอะไรมาก่อน แถมมีคนให้คำปรึกษา พูดคุย หรือแชร์ประสบการณ์ดีๆ ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องส่วนตัว ระหว่างการออกกำลังกายอีกด้วย
เข้าคลาสออกกำลังกาย : การเข้าคลาสถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมของคนเข้าฟิตเนสยุคนี้เลยก็ว่าได้ โดยคลาสที่ว่า ก็คือกิจกรรมการเต้น หรือการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ เช่น บอดี้คอมเบท การออกกำลังกายโดยการเต้นผสมไปกับศิลปะการต่อสู้ บอดี้เวท กิจกรรมออกกำลังกายแบบยกเวทเข้าจังหวะ หรือจะโยคะ เต้นซุมบ้า และอีกมากมาย ตามแต่ละสถานที่จะจัดเอาไว้ให้ โดยกิจกรรมพวกนี้นอกจากจะเรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดีแล้ว มันยังเป็นกิจกรรมที่สนุก มีให้เลือกทำหลากหลาย และเป็นกิจกรรมทำเป็นหมู่คณะ ไม่เหงา เผลอๆ ได้เพื่อนจากการเข้าคลาสอีกด้วย
ออกกำลังกายด้วยตนเอง : การออกกำลังกายด้วยตนเอง จะคล้ายๆ กับการคาดิโอเบาๆ อยู่เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่การออกกำลังกายด้วยตนเอง จะเน้นไปที่การเล่นเวท หรือการจัดตารางการออกกำลังกายเฉพาะของตนเองเสียมากกว่า คนที่ออกกำลังกายด้วยตนเอง จะมีแผน หรือตารางการออกกำลังกายวางเอาไว้อยู่แล้ว โดยพวกเขาจะดำเนินการตามแผนต่างๆ ด้วยการเดินไปยังเครื่องเล่นที่ต้องการ หรือตำแหน่งที่สามารถทำกิจกรรมของเขาได้ แล้วทำกิจกรรมเหล่านั้นให้สำเร็จ แล้วจึงจะดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ต่อไปตามลำดับ
เข้าสังคม : ข้อสุดท้าย เป็นกิจกรรมสุดพิเศษ ที่ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมในข้อไหนๆ ตั้งแต่ข้อแรกจนข้อสุดท้าย ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น โดยที่ฟิตเนสถือเป็นสถานที่ที่ดี สำหรับการหาเพื่อนนอกที่ทำงาน ที่นี่คนทุกคนมักมีเป้าหมายอยู่ที่การออกกำลังกาย หรือการรักษาสุขภาพของตนเอง มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่เราจะหาเรื่องหยิบมาพูด หรือทักทายพวกเขาก่อน ด้วยเรื่องการออกกำลังกาย หรือการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ แล้วจะขยับขยายความสัมพันธ์ต่อ ก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยหลังจากนั้นแล้ว
2 | เรียนเสริมต่อด้านภาษา
ภาษา ถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ของคนยุคสมัยนี้ มันคือตัวแปรสำคัญ สำหรับใช้อัพฐานเงินเดือนของ รวมไปถึงยังเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำลายกำแพงแห่งความรู้ และความสัมพันธ์ และนั่นจึงทำให้การเรียนภาษา เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลังเลิกงาน ที่ชาวออฟฟิศ หรือคนวัยทำงานมักจะเลือกไปทำอยู่บ่อยๆ
เรียนด้วยตนเอง : การเรียนภาษาด้วยตนเองในปัจจุบัน มันดูไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ต่างๆ ไม่ว่าจะแอปพลิเคชันก็ดี หนังสือสอนก็ดี หรือจะตัวภาพยนต์ออนไลน์เองก็ตาม เราสามารถวางแผนศึกษาภาษาที่เราต้องการด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ปัญหาสำหรับการศึกษาด้วยตนเอง จะเกิดขึ้นในด้านความก้าวหน้า และวิธีการ เพราะบางครั้งผู้ศึกษาด้วยตนเองจะไม่รู้วิธีที่ดีที่จะเรียนภาษาได้จนสำเร็จ และถูกต้อง อีกทั้งการเรียนด้วยตนเองเป็นการอยู่กับตนเองเป็นหลัก นั่นทำให้เรามีคนปรึกษาได้น้อย ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เรียกได้ว่าผิด ก็อาจผิดยาวๆ เป็นวิธีการ และกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ที่ยังไม่มั่นใจด้านภาษา หรือมั่นใจในตัวเองมากๆ
เรียนกับโรงเรียน : การเรียนกับโรงเรียน หรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คือการไปเรียนกับสถานที่ ที่เขารับสอนเกี่ยวกับด้านภาษาโดยตรง นี่ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะก่อนที่เราจะได้เรียนภาษา เราจะถูกทดสอบสกิลด้านภาษาของ และจัดคอร์สภาษาของเราให้เรียนในระดับที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการสอนภาษาแบบเฉพาะทาง เพื่อนำไปใช้เฉพาะกับการสอบต่างๆ การเรียนภาษากับทางโรงเรียน มีข้อดีอีกอย่าง คือเราจะพบเจอสังคมที่กว้างขึ้น กล่าวได้ว่าการเรียนภาษา เราจะไม่ได้พบเจอกับบุคคลอายุใกล้ๆ กันอีกต่อไป เราอาจจะเจอผู้ใหญ่กว่า หรือเด็กกว่าก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะมีสังคมที่หลากหลายมากกว่าเดิม
เรียนออนไลน์ : นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับเทคโนโลยียุคนี้ที่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนออนไลน์ เป็นเหมือนการหยิบ การเรียนด้วยตนเองมาอัพเดทใหม่ โดยใส่ระบบการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญลงไป พร้อมเปิดอิสระให้ผู้เรียนสามารถเลือกเวลาเรียนได้อย่างอิสระ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการดีๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนยุคปัจจุบันได้อย่างตรงจุด ข้อเสียก็จะคล้ายๆ วิธีการแรก คือเราจะไม่ได้ร่วมเข้าสังคมกับใครเลย
เรียนจากสถานการณ์จริง : สำหรับวิธีการเรียนนี้ เป็นวิธีการเรียนอีกหนึ่งอย่างที่เราคิดว่ามันมีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้เรียนทั้ง 3 กระบวนการข้างต้น สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ตอนไหนก็ได้ อาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าเราจะฝึกซ้อมมาดีเท่าใด ก็ไม่สู้เท่ากับการลงสนามรบเพียงครั้งเดียว หรือก็คือต่อให้เรานั่งเรียนภาษามากมายขนาดไหน ก็ไม่สู้วิ่งเข้าไปคุยกับเจ้าของภาษาโดยตรงได้ โดยกิจกรรมการเรียนภาษาจากสถานการณ์จริง จะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน บางคนอาจจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว บางคนอาจจีบฝรั่ง บางคนจำเป็นต้องใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน หรือบางคนต้องใช้กับการสมัครงาน ไม่ว่าเราจะใช้ภาษานี้ออกไปอย่าวไร จะล้มเหลว หรือสำเร็จ กระบวนการนี้จะเพิ่มความสามารถด้านภาษา ความกล้า ประสบการณ์ และเทคนิคให้กับเราไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
3 | ทำโอที ทำงานเสริม หารายได้เพิ่มเติม
อีกหนึ่งกิจกรรมที่คนทำงานมักทำกันต่อหลังเลิกงานเลยก็คือ การหารายได้เสริม มันไม่แปลกที่คนสมัยนี้จะเริ่มหารายได้เพิ่มเติมนอกจากงานประจำของตนเอง เพราะรายได้ที่มากขึ้น หมายถึงการทำอะไรต่างๆ ได้มากขึ้นตามเช่นกัน และที่สำคัญมันถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า เพราะเราจะได้รับสิ่งตอบแทนหลังจากที่ทำมันสำเร็จอย่างแน่นอน
โดยการทำงานเสริมในปัจจุบัน ก็มีหลากหลายวิธี แตกต่างกันออกไป ซึ่งการเลือกงานเสริมเหล่านี้ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านเวลา ประการณ์ ความรู้ ทุน วิธีการ ตลาด โอกาส และอื่นๆ อีกมากมาย โดยผมจำแนกการหารายได้เสริมออกมาได้เป็นดังนี้
ทำโอที : ทำโอที หรือทำงานล่วงเวลา คือการทำงานหลักต่อเนื่อง หลังหมดเวลาการทำงานไปแล้ว โดยการทำโอทีจะสำเร็จผลที่ดี ก็ต่อเมื่อบริษัท หรืองานที่เราทำนั้น มีการจ่ายค่าโอทีให้ นั่นนอกจากจะทำให้งานประจำตัวของเราสำเร็จได้เร็วมากขึ้นแล้ว เรายังได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ข้อเสียของการทำโอที คือเราจะไม่ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ หรือสังคมใหม่ๆ มากขึ้น แต่เราอาจได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ดีกว่าเดิม สังคมในที่ทำงานก็อาจแน่นแฟ้นขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม และกฎขององค์กรต่างๆ รวมไปถึงค่านิยมของคนในที่ทำงานนั้นๆ อีกด้วย
ทำงานเสริมที่สอง : การทำงานเสริมที่สอง ถือเป็นกิจกรรมที่มีมาอย่างช้านานแล้ว โดยมักจะเป็นกิจกรรมของเหล่าผู้คนที่มีพลังเหลือจากงานหลัก มีความสามารถอื่น อยากหาประสบการณ์ใหม่ อยากพบเจอสังคมใหม่ๆ อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง โดยการทำงานเสริมที่สองก็มีเยอะมากครับ ถ้าให้ไล่จริงๆ ที่น่าสนใจกับการทำหลังเลิกงาน ก็มีตั้งแต่ ขายเสื้อผ้า ขายของกิน เล่นดนตรีในผับหรือบาร์ รับสอนหนังสือ รับจัดสัมนา และอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ประสบการณ์ และความสามารถของเราจะพาไปได้
ทำงานเสริมออนไลน์ : อีกหนึ่งอย่างที่มาเสริมกับการทำงานเสริมที่สอง ก็คือการทำงานผ่านทางออนไลน์ ข้อเสียของการทำงานผ่านทางออนไลน์ถือว่ามีอยู่น้อย อาจจะแค่เรื่องผู้คนที่เราพบเจอ เราจะไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามหน้าตาเป็นอย่างไร หรือต้องการอะไรกับเราเสียมากกว่า โดยการทำงานเสริมออนไลน์ สามารถทำได้หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะขายของออนไลน์ รับจ้างงานทางออนไลน์ต่างๆ เช่นทำเว็บไซต์ เขียนบทความ สร้างคอนเทนต์ออนไลน์ เป็นแคสเตอร์เกม หรือไลฟ์กิจกรรมอีกมากมาย ที่ผู้คนยุคนี้จะเข้ามาดู หรืออ่านกัน
ทำงานเสริมตามความฝัน : งานเสริมสุดท้าย จะเรียกเป็นงานก็ได้ หรือไม่เป็นงานก็ได้ แต่มันถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของคนที่ยังมีไฟ ที่ยังอยากทำตามความฝันของตนเองอยู่ การทำงานเสริมตามความฝัน ก็คือการทำกิจกรรม หรือลงมือทำกับสิ่งที่เราต้องการจะสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเราเอง บางคนอาจจะเป็นการทำโปรเจกต์ส่วนตัวร่วมกับเพื่อนๆ เขียนหนังสือ หรือแต่งนิยายเพื่อออกวางจำหน่าย เขียนโปรแกรม สร้างเกม และอีกหลากหลายอย่าง ทั้งแบบที่ส่งเข้าประกวด หรือทำเพื่อวางจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อาจไม่ได้ให้เมล็ดเงินแก่เราในทันที แต่มันช่วยเติมเชื้อไฟ ความสามารถ ความรู้ และประสบการณ์แก่เราอย่างแน่นอน
4 | อยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรมง่ายๆ เป็นส่วนตัว
กิจกรรมดีๆ หลังเลิกงาน ไม่จำเป็นที่เราต้องออกไปหา หรือไปทำที่ไหนก็ได้ และเราสามารถสร้างมันขึ้นเองในครอบครัว หรือที่อยู่อาศัยของเรา โดยกิจกรรมเหล่านี้บางอย่างก็เบา บางอย่างก็หนัก บางอย่างก็พัฒนาตัวเราเอง และบางอย่างก็เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
โดยกิจกรรมในข้อสี่นี้ เราจะไม่รวมการนอนหลับพักผ่อนเข้าไปด้วยนะครับ เพราะการนอนหลับอาจเป็นเพียงการพักผ่อน ไม่ใช่การทำกิจกรรมต่างๆ หลังเลิกงาน โดยกิจกรรมสำหรับครอบครัว หรือกิจกรรมง่ายหากเราอยู่คนเดียว จึงขอแนะนำดังนี้
เก็บบ้าน ทำความสะอาด : หากอยู่หอ หรือคอนโด ก็เรียกว่าเก็บห้องก็ได้ครับ โดยการเก็บบ้าน ทำความสะอาด อาจจะทำให้เราเหนื่อยสักหน่อย แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจของเรา การเก็บบ้านยังช่วยจัดระเบียบพื้นที่ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น สร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างเหงื่อ แถมยังช่วยให้รู้สึกดี เมื่อทำจนสำเร็จแล้วอีกด้วย
ทำอาหาร : หากใครมีครัว หรืออุปกรณ์ทำอาหารได้ กิจกรรมการทำอาหารตอนเย็นถือเป็นอะไรที่สนุกมาก เราจะได้วางแผนเลือกสรรค์เมนูที่จะทำ เตรียมวัตถุดิบ และลงมือทำ การทำอาหารนอกจากจะทำให้เราอิ่มท้องในรสชาติที่ต้องการได้แล้ว ยังเพิ่มประสบการณ์ในการทำอาหารให้ดียิ่งขึ้น หากมีครอบครัวก็ยิ่งรู้สึกสุขใจเมื่อมีคนรับประทานอาหารของเราอย่างเอร็ดอร่อย แถมมีเรื่องคุยเกี่ยวกับการทำอาหารอีกมากมาย หรือถ้าทำกินคนเดียว ทำเสร็จถ่ายรูปลง IG หรือ Facebook ก็โอเคเช่นกัน
หาความรู้เพิ่มเติม : เวลาหลังเลิกงาน เป็นเวลาที่ดี ที่เราจะออกไปค้นคว้า หรือหาความรู้สิ่งใหม่ๆ เราสามารถใช่ช่วงเวลานี้ในการจัดระเบียบความคิดของตนเอง สำรวจสภาพจิตใจ และความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนั่นจะส่งผลไปถึงการพัฒนาตนเอง เพราะเราจะรู้ว่าเราขาดอะไร กิจกรรมหลังเลิกงานสไตล์นี้จึงไม่มีอะไรมาก นอกจากการนั่งชิลในบ้าน หรือห้องของเรา อ่านหนังสือที่ซื้อมา ไล่ตามและเช็คข่าวสารต่างๆ หรือศึกษาเรื่องที่ไม่รู้จักเพิ่มเติม เป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถเพิ่มความรู้ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูละคร ดูหนัง เล่นเกม อยู่กับครอบครัว : กิจกรรมสุดท้าย เป็นกิจกรรมเชิงพักผ่อนหย่อนใจ แน่นอนว่าเราเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน การเสริมประสิทธิภาพของจิตใจ เป็นทางหนึ่งที่จะเติมพลังเราได้เป็นอย่างดี และวิธีเติมพลังมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การพักผ่อน และเพลิดเพลินไปกับสิ่งบันเทิงต่างๆ เช่นนั่งดูละคร หรือภาพยนต์แบบชิลล์ๆ ก่อนนอน เล่นเกมกับเพื่อน หรือครอบครัว สร้างสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น และอีกมากมายที่ผมเชื่อว่าคุณมีรายการที่อยากทำอยู่เป็นร้อยพันรายการแน่นอน
5 | ออกแฮงเอาท์ เต้นให้ยับ หรือนั่งชิลๆ ฟังเพลงระบายอารมณ์
สำหรับข้อสุดท้ายน่าจะถูกใจสำหรับสายเที่ยวโดยเฉพาะ การแฮงเอาท์ หรือออกไปเที่ยวหลังเลิกงาน ถือเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากข้อที่สี่อยู่สักหน่อย เพราะข้อที่สี่จะเน้นอยู่บ้านทำไรชิลล์ๆ แต่ข้อที่ห้าจะเน้นออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ นอกบ้าน แล้วกลับมานอนอย่างสุขใจ
สำหรับผู้เขียนแล้ว การออกไปแฮงเอาท์ ไม่ใช่แค่ออกไปนั่งดื่มในบาร์ หรือผับต่างๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินห้าง เดินตลาด ดินเนอร์ หรือกินอาหารนอกบ้านอีกด้วย โดยแบ่งกิจกรรมต่างๆ ไว้ดังนี้
ซื้อของ เดินตลาด เข้าห้าง : การเดินจับจ่ายซื้อของ ถือเป็นกิจกรรมผ่อนครายหลังเลิกงานที่ดีอีกทางหนึ่ง เราจะได้เดินเรื่อยเปื่อย ดูสิ่งของต่างๆ พบเจอผู้คน แสงสี เป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่ดีได้ในทางหนึ่ง โดยเฉพาะหากคุณมีเพื่อน การเดินจับจ่ายซื้อของจะเป็นอะไรที่สนุกมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว
ดินเนอร์ดีๆ ทานอาหารนอกบ้าน : การออกไปทานอาหารนอกบ้าน ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีของคนในครอบครัว หรือเป็นการทำกิจกรรมที่ดีสำหรับคนมีคู่ มีเพื่อน หรือจะคนเดียวก็ได้ เพราะการออกไปรับประทานอาหารในที่ต่างๆ เราจะได้พบเจอผู้คน ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ และบรรยากาศใต้แสงไฟ ที่จะไม่เห็นจากในบ้าน หรือที่อยู่อาศัยของเรา มันเป็นกิจกรรมที่ดี ที่เราจะได้พูดคุย และรู้จักซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น
เข้าผับฟังเพลงดังๆ แล้วเต้นให้ยับ : สำหรับใครที่อยากปลดปล่อยอารมณ์ การไปหาที่เต้นน่าจะตอบโจทย์คุณมากที่สุด สถานที่เหล่านี้จะมาพร้อมเพลงสนุกๆ แสงสีแวววาว เหล่าผู้คนที่ต้องการการสังสรรค์ และบรรยากาศสุดมัน เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมสำหรับคอวัยรุ่น หรือวัยหนุ่มสาวที่อยากพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา และอยากเต้นให้ยับ หรือเมาให้มันสุดๆ
นั่งบาร์ ฟังเพลงเพลิน และดื่มแบบชิลๆ : แต่สำหรับใครเบื่อเสียงดังๆ การหาร้าน หรือบาร์ที่มีเพลงดีๆ ให้ฟัง อาหารอร่อยๆ ก็ถือเป็นกิจกรรมการผ่อนครายที่ดีอีกทางหนึ่ง หากไปคนเดียวเราก็จะได้นั่งชิล และคิดทบทวนสิ่งต่างๆ หากไปหลายคน ก็จะมีเพื่อนได้นั่งพูดคุยเรื่องราวในชีวิต จิบเบียร์เย็น ค็อกเทล เคล้าไปกับเสียงดนตรี และเหล่าผู้คนรอบตัวมากมาย ก็ถือเป็นอะไรที่ดีไม่น้อยทีเดียว