MOVER ขอนำเสนอการทำ “Car Wrap“ ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ในการเปลี่ยนสีรถที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยใช้เวลาแค่ 6 – 8 ชม.ในการทำเท่านั้น ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องทิ้งรถไว้เป็นเดือน หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการติดฟิล์มรถทั้งคันเหมือนติดสติ๊กเกอร์คุณภาพสูงให้รถของคุณนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมกันมาระยะหนึ่งแล้ว มีความโดดเด่นตรงที่คุณสามารถเลือกสีสันได้เหมือนกับการทำสีจริง ๆ เลยแต่ว่ามันจะไม่อยู่ถาวรเท่านั้น ทำให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักแต่งรถเพราะนอกจากจะช่วยเปลี่ยนสีรถได้เร็วทันใจ ตามเทรนด์ได้เสมอ ๆ แล้วก็ยังไม่ส่งผลเสียต่อตัวถังของรถอีกด้วย
Car Wrap คืออะไร?
Car Wrap นั้นคือการใช้ฟิล์มหุ้มลงไปในตัวรถยนต์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยจะต้องเป็นฟิล์มคุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้สีเดิมของรถไม่ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่จำเป็นต้องงัดแงะหรือถอดเครื่องประกอบของรถออกมาเพื่อทำสี แต่ผลลัพธ์ออกมาดูดีไม่แพ้การทำสีแบบจริงๆ ข้อดีคือทำให้รถของคุณไม่เหมือนใครเพราะสามารถดีไซน์กราฟฟิกต่าง ๆ เองได้ตามใจชอบ
Car Wrap vs Car Colouring
มีหลายคนสงสัยว่าสองอย่างนี้ต่างกันยังไงบ้างนอกจากความคงทนของสี แล้วค่าใช้จ่ายต่างกันมากไหม อะไรแพงกว่ากัน? จริง ๆ แล้วการ Wrap รถนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ทำกันมาสักระยะแล้ว แต่เพิ่งจะมาเป็นที่สนใจของคนส่วนมาก ข้อดีคือความสะดวกที่จะลอกสีออกเพื่อกลับมาเป็นสภาพรถเดิมได้ง่ายเหมาะกับคนที่ชอบแต่งรถบ่อยๆ อีกทั้งเวลานำไปขายต่อมือสอง ราคาก็ไม่ตก เพราะว่ารถของคุณจะเหมือนไม่ได้ทำสีมาเลย นอกจากนั้น ฟิล์มที่ติดลงไปในตัวรถยังสามารถปกป้องสีรถจากแสง UV และรอยข่วนแมวหรือรอยต่างๆ ที่มาเฉี่ยวรถของคุณได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย ถือเป็นการป้องกันสภาพรถของคุณไปด้วยในตัว
ในอดีต สติกเกอร์ที่ใช้จะเป็นสติกเกอร์ที่ใช้ในงานป้ายโฆษณาที่ทำมาจาก PVC Flim คุณภาพสูง ทำให้ทนความร้อน ป้องกันรอยหินกระเด็นใส่ และยังไม่เป็นคราบกาวเมื่อลอกออก แถมยังมีเฉดสีรวมถึงลวดลายที่สามารถเลือกได้ถึง 100 กว่าสี ทำให้ได้รับความนิยมนำมาประดับรถยนต์เพื่อการโฆษณา โดยเฉพาะรถแข่ง ก่อนมีการขยายไปสู่การติดสติ๊กเกอร์เพื่อเปลี่ยนสีอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ส่วนเรื่องของราคาในการ Wrap นั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของสติ๊กเกอร์หรือฟิล์มที่นำมาติด ราคาสูงสุดถึงหลักแสนบาทเลยก็มี แต่โดยปกติแล้วสติกเกอร์เหล่านี้จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี ซึ่งเมื่อหมดอายุการใช้งาน ก็ต้องนำมาทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเทียบเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วก็อาจจะมีสูงกว่าการทำสีแบบทั่วๆ ไป แต่ที่มีแค่ประมาณหลักหมื่นและอยู่ได้ถาวรไม่มีการลอกออกถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ
ทำให้การ Wrap รถนั้นอาจจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบเห็นอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ มากกว่า เพราะถ้าหากคุณไม่คิดจะเปลี่ยนสีอีกแล้ว การทำสีถาวรก็น่าจะตอบโจทย์คุณมากกว่า บวกกับคุณอาจจะต้องลงทุนกับการติดเจ้าสติ๊กเกอร์เหล่านี้ลงบนรถคุณด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากโชคร้ายเจอร้านที่ไม่มีคุณภาพขึ้นมาก็จะทำให้มีคราบกาวติด หรือบางครั้งอาจทำให้สีซีด อันเกิดจากการที่กาวของสติกเกอร์ลอกเอาชั้นแลคเกอร์ของสีไปด้วย ดังนั้นถ้าตัดสินใจจะเลือกทางนี้แล้ว ก็ต้องศึกษากันละเอียดนิดนึงก่อนที่จะลงมือทำจริง เพราะถ้าพลาดแล้ว รับรองว่าปวดหัวกันยาว ๆ แน่นอน
ข้อดีของการทำ Car Wrap
อย่างที่ได้เกริ่นไปว่า การ Wrap เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ชอบการเปลี่ยนสีตัวถังรถไปเรื่อยๆ ตามเทรนด์หรือความชอบในเวลานั้นๆ ดังนั้นข้อดีของการทำ Wrap สีรถก็คือ การที่ช่วยให้เหล่าคนรักการโมดิฟายทั้งหลายไม่ต้องมานั่งปวดหัวที่ต้องเห็นรถตัวเองโดนแยกชิ้นส่วนออกไปพ่นสีปีละหลายๆ ครั้ง เพราะทุกครั้งที่ทำสีรถใหม่ อู่ที่ทำจะต้องทำการรื้อรถสุดรักของคุณออกหมดทุกส่วน เพื่อทำชิ้นส่วนเหล่านั้นไปพ่นสี แถมถ้าได้อู่ที่ไม่ดีพอ สีที่ได้ออกมาก็อาจจะเพี้ยนไม่ถูกใจ เรียกได้ว่าเจ็บทั้งใจ หมดทั้งกระเป๋าเงินอีก ฉะนั้นการ Wrap ก็น่าจะช่วยตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ชอบเปลี่ยนสีรถบ่อยๆ ได้ รวมทั้งยังช่วยป้องกันหินเล็กๆ ที่มักจะดีดมาใส่รถตอนขับออกต่างจังหวัดได้อีกด้วย
ผิดกฎหมายหรือไม่?
บอกได้เลยว่า “ไม่ผิด” แต่ต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยเสียก่อน เนื่องจากเคยเกิดเหตุพลเมืองดีพบเห็นรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังวิ่งบนท้องถนน สีรถเป็นสีดำ จึงได้แจ้งไปยังตำรวจให้ดำเนินการรถดังกล่าว เมื่อสอบสวนจนพบเจ้าของรถแล้วปรากฎว่ารถจริง ๆ เป็นสีแดงไม่ตรงกับคำให้การ ทำให้อาจจะเป็นการให้ความเท็จแก่เจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งในกรณีนี้มันเกิดจากการที่เจ้าของรถคนนั้นได้ทำการ Wrap รถด้วยสีดำแล้วลอกฟิล์มออกนั้นเอง และอาจะโดนข้อหาพยายามหลบหนีไปอีกหนึ่งกระทง ดังนั้นถ้าหากใครทำการเปลี่ยนสีรถรถด้วยวิธีนี้จึงจำเป็นต้องแจ้งสีรถใหม่ที่กรมขนส่งทางบก ภายใน 7 วันไม่อย่างนั้นจะถือว่าผิดกฎหมายทันที