Rubber Killer คือ แบรนด์ที่เริ่มต้นจากความเชื่อสู่ความจริง หากเปรียบโลกนี้เป็นสถานที่อะไรสักอย่าง แน่นนอนว่าสิ่งนั้นคงต้องเป็นเหมือนบ้านที่ให้ความสุขกับเรา แต่เคยคิดไหมว่าทุกสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้นั้นล้วนส่งผลกระทบต่อโลกทั้งสิ้น ดังนั้นการช่วยโลกด้วยการหยุดใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองจึงเป็นสิ่งที่นักออกแบบในยุคนี้ตระหนักดี เพื่อที่จะช่วยประหยัดทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดบนโลกนี้ให้ยังคงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นแนวคิดที่ออกแบบมาเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ดังที่คุณสเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ สถาปนิกอิสระ หรือจ่อย ผู้ก่อตั้ง Re-Leaf Studio ที่ได้นำขบวนการ Reduce, Reuse และ Recycle มาเป็นโจทย์หลักในการออกแบบ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมไปมากกว่านี้ นั่นหมายถึงการที่เขาได้เลือกใช้วัตถุดิบ และวิธีการผลิต ตลอดไปจนถึงการใช้งานของผู้บริโภค ทั้งหมดนี้ออกมาเป็นแบรนด์ที่มีชื่อว่า “ Rubber Killer ” เพื่อเป้าหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้
ที่มาของ Rubber Killer นั้น ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญเมื่อวันหนึ่ง คุณจ่อย ได้ใช้ยางในของรถมอเตอร์ไซค์มาทำเป็นสันปกสมุดจากต้นกล้วย แต่ปรากฎว่ามียางในเหลือมาก และกระเป๋าสตางค์ของเขาก็ขาดอยู่พอดี เลยเกิดเป็นไอเดียที่ว่านำยางในที่เหลือมาทำเป็นกระเป๋าสตางค์ และนั่นเองจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจและเป็นจุดเริ่มต้นของรับเบอร์คิลเลอร์
Rubber Killer เป็นการนำเอาสิ่งของที่เหลือใช้ที่เราพบเห็นได้จากชีวิตประจำวัน และนำวัสดุที่เหลือใช้จากธรรมชาติมาผสมผสานกับความคิดที่สร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรัมเบอร์คิลเลอร์ใช้ยางในของรถทุกประเภทมาเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างผลิตภัณฑ์ โดยจะเลือกใช้ตั้งแต่ยางในรถจักรยานที่มีขนาดเล็กที่สุด ไปจนถึงยางในของรถแทรคเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ นำสิ่งที่เหมือนจะไร้ประโยชน์ หยิบนำมาแปรรูปให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่มีใครเหมือนของผลิตภัณฑ์นี้
คุณจ่อยได้มองเห็นว่าโจทย์ที่ท้าทายที่สุดสำหรับการสร้างแบรนด์ที่เป็นของไทยคือ การฝ่าฟันค่านิยมของคนไทยด้วยกันเอง และการก้าวเข้าสู่ตลาดสากลนั้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ที่จะให้ตลาดในต่างประเทศยอมรับผลิตภัณฑ์เมดอินไทยแลนด์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากต้องใช้ความพยายามค่อนข้างหนัก เพราะด้วยเรื่องของทุน วัสดุ และเทคโนโลยีในการผลิต ภายใต้ความที่ไม่พร้อมทางด้านการผลิตนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามองว่าเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจะแก้ได้ เขาได้หาทางออกในแบบของเขาเองในแบบของตัวเอง จนพูดได้เลยว่าวิธีการและมาตรฐานการตัดเย็บของรับเบอร์คิลเลอร์นั้นดีมากๆ แต่ถ้าถามว่าดีขนาดไหน ก็ตอบได้เลยว่าดีขนาดที่ตลาดญี่ปุ่นยังยอมรับ!
และนอกจากการออกแบบของเขาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว เขายังคำนึงถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตชาวไทยภูเขาอีกด้วย ที่ให้พวกเขาได้มีงาน มีอาชีพเสริม ได้ฝึกฝนฝีมือในการทำงาน และได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและยุติธรรม ซึ่งปกตินั้นชาวไทยภูเขามักจะถูกกดขี่ค่าแรงอยู่เสมอ และเขายังได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายของ ผลิตภัณฑ์ Rubber Killer นำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆนักเรียนชาวไทยภูเขาอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่นอกจากจะมีความคิดที่ดีแล้วยังมีจิตใจที่ดีอีกด้วย
สำหรับใครทีฝันและอยากเป็นเจ้าของธุรกิจในนาคตนั้น เราอยากจะให้ลองมองแนวทางของแบรนด์นี้เอาไว้ เพราะถึงแม้ว่าในตอนแรกผลงานที่เราทำนั้นอาจจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากคนอื่น แต่ถ้าเราเชื่อมั่นและพัฒนาความคิดของเราต่อยอดไปเรื่อย ๆ ในวันหนึ่งเราก็จะพบกับความสำเร็จนั้นได้ ยิ่งเป็นเป้าหมายที่ส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อส่วรวมแล้วนั้น MOVER บอกได้เลยว่าไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งก็ต้องมีคนเห็นคุณค่าและสนับสนุนอย่างแน่นอน