ถ้าใครที่ได้ติดตามเทรนด์แฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมานี้นอกจากที่จะมีเสื้อผ้าทรงเท่ๆ ล้ำๆ ออกมาให้เราได้เสพกันแล้ว ทรงผมของเหล่านายแบบบนรันเวย์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนจับตามองและติดตาม ซึ่งเทรนด์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ช่วงนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น “ผมหน้าม้า” ซึ่งบางคนก็อาจจะมองว่ามันแปลกไป ไม่กว่าที่จะตัดตาม แต่ MOVER ขอบอกเลยว่าทรงผมทรงนี้นั้นดูดีไม่แพ้ใครเหมือนกันนะครับ
Fringe Haircuts
“ผมหน้าม้า”หรือ Fringe Haircuts นั้นเป็นทรงผมที่ผู้ชายหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยได้ลองตัดกัน อาจเพราะกลัวว่าตัดออกมาแล้วจะดูเหมือนผู้หญิงหรือดูไม่เข้ากับรูปหน้า แต่จริงๆ แล้วผมทรงหน้าม้านั้นถ้าหากได้รับการตัดและดีไซน์ออกมาให้เหมาะสมโดยช่างที่มีฝีมือสักหน่อย ผมทรงนี้จะเป็นทรงที่มีความคูลอยู่มากทีเดียว โดยทรง Fringe Haircuts จะต่างจากทรงผมหน้าม้าทั่วไปตรงที่มีจะเน้น texture ส่วนบนของผม และใช้ Clay กับ Promade ช่วยในการเซ็ทผมหน้าม้า ทำให้ดูมีมิติขึ้น
แบบไหนที่เรียกว่าหน้าม้าที่ดูมีสไตล์สำหรับผู้ชาย?
การตัดผมหน้าม้าให้ดูมีสไตล์นั้นให้คุณลองนึกถึงผมที่โดนนํ้าทะเลเวลาไปเที่ยวก็ได้ครับ ในเวลานั้นผมของเราจะดูมีมิติ มีการแบ่งชั้นเป็นทรง ดูไม่เนี้ยบจนเกินไป ออกแนวเซอร์ๆ แต่ไม่ยุ่งเหยิง โดยการตัดผมทรงนี้ ควรจะบอกช่างให้ตัดด้านข้างให้สั้นซักเบอร์ 2 ส่วนข้างบนให้ตัดแบบหน้าม้า ส่วนถ้าใครมีผมที่ลีบแบน แนะนำให้ลองดัดผมดูก็ได้ครับ จะดูมีเลเยอร์มากกว่าโดยที่ไม่ต้องเซ็ทผมเลย
ส่วนใครที่ไม่อยากดัดผม ถ้าล้างผมเสร็จ อาจจะลองใช้ Mineral Spray หรือ Sea Salt Spray ฉีดเข้าไปที่โคนของผม จะทำให้ผมดูมีเลเยอร์มากยิ่งขึ้น และถ้าอยากให้ดูเป็นทรงสูงหรือดูมีวอลุ่ม ก็ลองใช้มูสใส่ที่โคนผมระหว่างที่ผมยังพอเปียก และใช้หวีช่วยม้วนผม ให้ดูออกหยิกๆ ซักหน่อย พร้อมกับใช้ความร้อนจากไดร์เป่าให้ผมล็อคอยู่ทรง เท่านี้ผมของคุณก็จะดูมีทั้งมิติและมีวอลุ่ม พร้อมก้าวออกจากบ้านได้อย่างไม่มีสะดุด
การบอกช่างให้ตัดทรง Fringe Cut ได้นั้น ความยาวของทรงผมก็เป็นอีกอย่างที่หลายคนมองข้ามไป เราอาจจะแค่เอารูปให้ช่างดู หรือ บอกว่าให้ช่างออกแบบให้เลย ซึ่งพอตัดออกมาแล้วอาจจะดูไม่ดีก็ได้ คุณจึงจำเป็นต้องให้ช่างดูรูปและบอกสัดส่วนช่างให้ชัดเจนด้วย โดยหากคุณต้องการให้ได้ทรง Fringe Cut แบบเป้ะๆ เราก็มีสัดส่วนมาบอกดังนี้
1. ความยาวของผมด้านบนข้างหลัง ยาว3- 5 cm
2. ฐานของผมด้านข้าง ยาว 4 cm
3. ส่วนข้างหู ยาว 6 mm (ประมาณเบอร์1ทรงนักเรียน)
4. ผมด้านหลังส่วนบน ยาว 3-5cm
5. ผมด้านหลังส่วนล่าง(แถวคอ) ยาว 6 mm
6. ตัดแบบไล่ระดับหลายๆ เบอร์ เพื่อให้ผมออกมาดูมีมิติมากขึ้นนั่นเอง
การทำผมให้ดูมีชั้นเลเยอร์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ยากที่สุดสำหรับเหล่าคนทำผมเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้ทำกันวันเดียวแล้วเป็นเลย แต่ต้องเกิดจากการฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่างการใช้ไดร์เป่าผมที่มีความร้อนก็อาจจะทำให้ผมเสียเพราะฉะนั้นควรจะ ไดร์ในระยะห่างที่พอดีและส่ายไดร์พร้อมม้วนหวีไปด้วย ซึ่งดูแล้วยาก ช่างทำผมหลายๆ คนที่มีสกิลจะรู้ตรงนี้ดี นั้นคือข้อแตกต่างว่าทำไมเราเซ็ทผมเองที่บ้าน กับที่ให้ช่างเซ็ทให้ถึงออกมาดูแตกต่างกัน แต่หากฝึกฝนจนคล่องมือแล้วละก็รับรองว่าคุณจะมีความสุขกับการตัดผมและเซ็ทผมมากๆครับ
ทรงผมที่เน้นความมี texture นั้นไม่ควรใช้สเปรย์ล็อคผมเพราะจะทำให้ผมแข็งและสูญเสียเลเยอร์ไปได้ หากจำเป็นต้องใช้สเปรย์จริงๆ ก็อาจจะใช้เป็นสเปรย์ที่มีให้แข็งน้อยหน่อย ก็จะสามารถจัดทรงได้ในระหว่างวันและล้างออกได้ง่าย ฐานของการมีทรงผมที่ดูดีทุกทรง มาจากการดูแลผมที่ดี ถ้าหากคุณอยากมีทรงผมที่ดูสุขภาพดี เซ็ทง่าย คุณก็จำเป้นต้องเริ่มจากพื้นฐานของมันนั่นคือการดูแลเส้นผมของคุณ โดยเริ่มจากการสระผมให้น้อยลง! บางคนอาจจะสงสัยแล้วถามซํ้าว่า “สระผมให้น้อยลงนี่นะ?”