“พระจันทร์สีเลือด” หรือ Super Blue Blood Moon Eclipse คือปรากฎการณ์ที่เกิดได้ยาก เพราะมีหลายปัจจัยมาเกี่ยว ทำให้กว่าจะได้เห็นกันนั้นต้องใช้เวลายาวนานกว่า 150 ปีเลยทีเดียว และในวันที่ 31 มกราคม 2018 นี้ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เห็นกันชัด ๆ นอกจากที่เราจะไปชื่นชมความสวยงามของเจ้าพระจันทร์ยักษ์ดวงนี้แล้ว MOVER ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักและรู้ถึงที่มาของมันกันก่อน
หลาย ๆ คนที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีท้องฟ้าโปร่งก็อาจจะสงสัยว่าไอเจ้าพระจันทร์สีแดงเนี่ยก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ไม่เห็นจะต้องรอถึง 150 ปีเลย แต่จริง ๆ แล้วนั้น การที่เจ้า Super Blue Blood Moon Eclipse ในวันที่ 31 นี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นก็เพราะมันเป็นการรวมตัวกันของปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของพระจันทร์ถึง 3 เหตุการณ์ ซึ่งนั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องห้ามพลาด ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องรอถึงชาติหน้าเลยทีเดียว
#1 Phenomena : Super Moon
ในวันที่ 31 มกราคมนี้จะเป็นวันทร์ที่พระจันทร์โคจรเกือบจะเข้าใกล้โลกเรามากที่สุดในรอบ 1 ปี (ใกล้ที่สุดของปี 2018 คือวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์) หรือที่เรียกกันว่า “Super Moon” ทำให้เราสามารถเห็นพระจันทร์ได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่าและพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ก็จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติถึง 14% และมีความสว่างขึ้นกว่า 30% ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้งในรอบ 1 ปีเท่านั้น
#2 Phenomena : Blue Moon
ถัดมาคือการที่ในเดือนมกราคมปีนี้นั้น มีวันที่ที่ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำหรือคืนเดือนเพ็ญถึง 2 ครั้งด้วยกันคือวันที่ 1 และ 31 มกราคม โดยปรากฎการณ์แบบนี้มีชื่อเรียกกันว่า “Blue Moon” แต่ก็ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวกับพระจันทร์สีฟ้าแต่อย่างใด ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีสำนวนเท่ ๆ ว่า “Once in a Blue Moon” มีความหมายว่า โอกาสหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ ซึ่งปรากฏการณ์นี้เราสามารถพบเห็นได้ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีเลยทีเดียว
#3 Phenomena : Blood Moon
และปรากฏการ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันในวันที่ 31 มกราคมนี้ก็คือ “Blood Moon” หรือ จันทรุปราคาเต็มดวงหรือก็คือการที่ดวงจันทร์ โลกและดวงอาทิตย์โคจรมาอยุ่ในแนวเดียวกัน ทำให้เงาของโลกไปตกกระทบลงบนดวงจันทร์ในส่วนที่แสงอาทิตย์สะท้อนไปไม่ถึง แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้จะมีสีแดงจากการที่แสงของดวงอาทิตย์หักเหกับชั้นบรรยากาศของโลกและตกกระทบลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์เกิดเป็นพระจันทร์สีแดงก่ำทั้งดวงขึ้นมา
ซึ่งทั้งสามเหตุการณืที่ว่ามานี้อาจจะพบเห็นกันได้หลายครั้งในชีวิต แต่การที่จะพบเจอทั้ง 3 อย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นมีโอกาสเพียงแค่ 1 ครั้งในรอบ 150 ปีเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงกันมาขนาดนี้แล้วจะไม่ได้เห็นก็คงไม่ได้ เพราะประเทศไทยนั้นก็สามารถเห็นความมหัศจรรย์ของดวงจันทร์สีเลือดนี้ได้ ทุกจังหวัด ร่วมไปกับประเทศในแถบอเมริกาเหนือ เอเชีย และออสเตรเลีย
จากปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นพร้อมกันจึงเกิดเป็นปรากฎการณ์มหัศจรรย์ที่มีชื่อว่า Super Blue Blood Moon ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 มกราคมนี้ ในเวลา 18.08 น.และจะเต็มดวงมากที่สุดในเวลา 20.29 น. จนไปสิ้นสุดในเวลา 23.08 น. รวมเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมงที่เราสามารถรับชมได้
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com