สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ (UNHCR) จัด “เทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัย ครั้งที่ 7” นำเสนอภาพยนตร์และสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของผู้ลี้ภัยที่ได้รับรางวัลและคำยกย่องจากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับชีวิตจริงของผู้ลี้ภัยที่ถูกบังคับให้ออกจากบ้านของตนเองเนื่องจากความขัดแย้ง และการประหัตประหาร
พิธีเปิดงานในคืนวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ได้รับความสนใจจากคณะทูตานุทูต และสื่อมวลชนเข้าร่วมชมภาพยนตร์รอบปฐมฤกษ์เรื่อง “Human Flow” กำกับโดยศิลปินชื่อดังก้องโลก อ้าย เว่ยเว่ย โดยภาพยนตร์เรื่อง Human Flow ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดฉายในประเทศไทย ภาพยนตร์ได้บอกเล่าการเดินทางของผู้คนทั่วโลกที่ถูกบีบบังคับให้ออกจากประเทศตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้นในฐานะมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้
“จำนวนผู้คนที่พลัดพรากจากบ้านตนเองมีจำนวนสูงกว่า 65 ล้านคนทั่วโลกในปีนี้” เพีย คาร์เมลา พากีโอ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายคุ้มครอง UNHCR กล่าวในคืนวันเปิดเทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัย “สำหรับปีนี้ เราคัดเลือกภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่องเพื่อนำเสนอเรื่องราวของผู้คนที่อยู่เบื้องหลังสถิติจำนวนมหาศาลนี้ โดยเราเน้นย้ำว่าผู้ลี้ภัยเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน เพียงแต่พวกเขาผ่านความยากลำบากในการถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนของตนเอง”
เรื่องย่อภาพยนตร์ปฐมฤกษ์
Human Flow: Ai Weiwei (140 mins)
เมื่อประชากรกว่า 65 ล้านคนทั่วโลกถูกบังคับให้ทิ้งบ้านเกิดมาไม่ว่าจะเป็นเพราะภัยสงคราม สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงHuman Flow คือ สารคดีเรื่องเยี่ยมฝีมือของ อ้าย เว่ย เว่ย ศิลปินชาวจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ว่าด้วยการอพยพของมนุษย์ สารคดีเรื่องนี้ตีแผ่ประเด็นผู้ลี้ภัยและปมภายในจิตใจของมนุษย์ ถ่ายทำใน 23 ประเทศทั่วโลกที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็น อัฟกานิสถาน, บังคลาเทศ, ฝรั่งเศส, กรีซ, เยอรมัน, อิรัก, อิสราเอล, อิตาลี, เคนย่า, เม็กซิโก และตุรกี Human Flow ติดตามกลุ่มคนโชคร้ายที่ต้องการเพียงความมั่นคงและความปลอดภัย ตั้งแต่ค่ายผู้อพยพบนชายฝั่งติดกับมหาสมุทรไปจนถึงเส้นแบ่งเขตแดนที่รายล้อมไปด้วยลวดหนาม จากความสิ้นไร้หนทางและความผิดหวังไปสู่ความกล้าหาญ ความอดทน และการปรับตัว จากชีวิตที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสู่อนาคตที่คาดเดาอะไรไม่ได้Human Flow คือสารคดีที่มาถูกยุค มันคือช่วงเวลาที่ต้องอาศัยความอดทด ความเห็นอกเห็นใจ และความไว้ใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์
นอกจากภาพยนตร์ซึ่งฉายในรอบปฐมฤกษ์ เทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัยครั้งที่ 7 ยังนำเสนอภาพยนตร์และสารคดีระดับคุณภาพอีก 5 เรื่อง ดังนี้
Return to Homs
กำกับโดย Talal Derki จากประเทศซีเรีย หนังสารคดีทรงพลังที่ใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 3 ปี ติดตามชีวิตของสองเด็กหนุ่มนับจากวันที่เริ่มฝันถึงเสรีภาพ และผลลัพธ์ของสงครามที่ฉีกทำลายชีวิตของคนหนุ่มสาวไปตลอดกาล
After Spring
กำกับโดย Ellen Martinez และ Steph Ching จากประเทศสหรัฐอเมริกา บอกเล่าชีวิตจริงของครอบครัวผู้ลี้ภัยชาวซีเรียสองครอบครัวที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต และเรื่องราวของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมที่ต้องต่อสู้เพื่อต่อลมหายใจในค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก
The Zookeeper’s Wife
กำกับโดย Niki Caro จากประเทศสหรัฐอเมริกา ถ่ายทอดชีวิตจริงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องกลายมาเป็นวีรสตรีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ.1939 ในโปแลนด์ (ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด)
Refugee: The Eritrean Exodus
กำกับโดย Chris Cotter ภาพยนตร์สารคดีจากประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของรางวัลเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ซึ่งตามติดชีวิตผู้ลี้ภัยชาวเอริเทรียผ่านเอธิโอเปียไปจนถึงอิสราเอล โดยต้องเดินทางผ่านค่ายผู้ลี้ภัยหลายแห่งที่ยังไม่เคยมีใครถ่ายทำในพื้นที่เขตอาฟาร์ของประเทศเอธิโอเปีย
Cast from the Storm
กำกับโดย David Mason จากประเทศออสเตรเลีย สารคดีที่บอกเล่าความรู้สึกของกลุ่มเยาวชนที่ต้องถูกบังคับให้ลี้ภัย สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในเวลาต่อมา และความสำคัญของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในออสเตรเลีย