.“สีเขียว” เป็นสีที่สบายตา ช่วยสร้างบรรยากาศของความรู้สึกร่มรื่น มีชีวิตชีวา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าในวันไหนที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้า เพียงแค่ได้ลองมองออกไปที่ต้นไม้ หรือพื้นที่ “สีเขียว” คุณก็จะรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย อารมณ์ดีขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความเป็นจริงในปัจจุบัน การมองหาพื้นที่สีเขียวในธรรมชาติไว้พักตา พักใจแบบนี้ อาจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้สะดวกนัก ด้วยปัจจัยอย่างขนาดเมืองที่ขยายบดบังพื้นที่สีเขียวในธรรมชาติ หรือที่อยู่อาศัยในเมืองที่มีขนาดพื้นที่น้อยลง ไม่เหมาะกับการสร้างพื้นที่สีเขียวมากนัก ไหนจะเรื่องความยุ่งยาก และไม่มีเวลาดูแลอีก
การย่อพื้นที่สีเขียวลงมาในขวดแก้ว หรือที่เรียกว่า “สวนในขวดแก้ว” (Terrarium) จึงเป็นไอเดียสร้างพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กที่กำลังมาแรง เป็นที่นิยมกันมาก เพราะสามารถทำได้ไม่ยาก ใช้พื้นที่น้อย สะดวกต่อการดูแล เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มุมโปรดของคุณได้ง่าย ๆ จน MOVER อยากจะขออาสาพาคุณมาทำความรู้จัก “สวนในขวดแก้ว” ให้มากขึ้น
.ที่มาของสวนขวดแก้ว ?.
ถ้าจะให้นับกันตามจริง “สวนขวดแก้ว” ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นของใหม่ หรืออินเทรนด์อะไรเท่าไหร่นัก เพราะอันที่จริงแล้ว สวนในขวดแก้วถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกเรามาเนิ่นนานมากแล้ว จากความบังเอิญของชาวอังกฤษชื่อ นาธาเนียล บัคชาว์ วอร์ด (Nathaniel Bagshaw Ward) นักพฤกษศาสตร์ที่กำลังศึกษาพฤติกรรมแมลงในโถแก้ว แล้วสังเกตเห็นว่าในช่วงเช้า รอบ ๆ ผิวขวดนั้น จะมีไอน้ำเกิดขึ้นเอง และระเหยหมดไปในช่วงเย็น เขาจึงได้ทดลองนำเฟิร์นและพืชจากเขตร้อน มาทดลองปลูกในขวดดูแล้วพบว่าพืชเหล่านั้นเจริญงอกงาม อยู่รอดได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องอาศัยการดูแลใด ๆ ถือเป็นจุดกำเนิดครั้งแรกของ “สวนขวดแก้ว” นั่นเอง
.
.สวนขวดแก้ว คืออะไร ?.
คอนเซ็ปของ “สวนขวดแก้ว” คืออะไร? พูดกันง่าย ๆ ก็คือการจำลองระบบนิเวศน์ในธรรมชาติ ย่อส่วนให้มาอยู่ในภาชนะที่เป็นกระจกใส ทำให้เกิดระบบที่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวของมันเอง เริ่มต้นจากความชื้นจากพืชและดินที่ระเหยออกมา หลังจากอุณหภูมิในขวดสูงขึ้นจากความร้อนที่ทะลุผ่านกระจกใสของขวดแก้วเข้ามา เกิดเป็นวัฐจักรของการสังเคราะห์แสง ทำให้พืชเจริญเติบโต และใบพืชที่แห้งเหี่ยวก็จะร่วงลงมาที่พื้น เน่าเปื่อยกลายเป็นปุ๋ย หมุนเวียนลักษณะนี้ไปเรื่อย ๆ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สวนขวดแก้วระบบเปิด และ ระบบปิด
.
.สวนขวดแก้วระบบปิด.
.(Closed Terrarium).
ระบบปิดที่ว่านี้ คือ ฝาขวดแก้วจะปิดสนิท ไม่ต้องดูแลหรือรดน้ำบ่อย ๆ ก็สามารถอยู่ได้ อาจจะแค่เพียงเปิดฝาบ้างอาทิตย์ละครั้ง เพื่อถ่ายเทอากาศ พืชก็สามารถอยู่ได้ด้วยระบบหมุนเวียนน้ำภายในขวดแก้ว เหมาะกับชนิดของพืชในเขตร้อนชื้น อย่าง มอสต์ เฟิร์น กล้วยไม้ ไม้รากอากาศ เช่น เคราฤาษี
.สวนขวดแก้วระบบเปิด.
.(Open Terrarium).
ระบบเปิดก็คือ การเลี้ยงแบบไม่ปิดฝาขวดแก้ว อากาศสามารถเข้ามาได้ แบบนี้อาจจะต้องรดน้ำบ่อยกว่า เพราะระบบจะสูญเสียความชื้น น้ำระเหยออกไปได้ง่าย ชนิดของพืชที่เหมาะสมจะปลูกก็เช่น พืชจำพวกที่อวบน้ำ อย่างพืชทะเลทราย แคตตัส เป็นต้น
.
.ไอเดียเพิ่มสวนขวดแก้วในมุมโปรด.
สวนขวดแก้วสามารถจัดวางไว้ตามมุมใดก็ได้ในบ้าน จะเป็นในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือจะเป็นที่ออฟฟิศ บนโต๊ะทำงานของคุณก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว ให้ความรู้สึกว่าได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด หันมาเห็นเมื่อไหร่ ก็รู้สึกรีแล็กซ์และสำหรับใครที่อาศัยอยู่คอนโดมีเนียม หรืออพาร์ทเม้นท์ ที่ไม่มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ สวนขวดแก้วก็เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้สบาย ๆ ใช้พื้นที่ไม่มาก แต่ให้ความรู้สึกเหมือนมีสวนสวย ๆ ขึ้นได้ดั่งใจ และเนื่องจากความเล็ก กะทัดรัดของสวนขวดแก้วนี่แหละ นอกจากใช้แต่งบ้านแล้วคุณอาจจะประยุกต์นำใช้มอบเป็นของขวัญให้คนที่คุณรักก็ได้
.
หรือจะสร้างสวนขวดแก้วขึ้นมาเองแบบง่าย ๆ จากอุปกรณ์ใกล้ ๆ ตัว ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ได้สวนขวดแก้วที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่หาได้ง่าย ๆ ตามท้องตลาด หรือภายในบ้าน โดยเลือกภาชนะที่เป็นแก้ว มีฝามิดชิด รูปทรงดีไซน์เลือกได้ตามใจ ในครั้งแรกควรเลือกภาชนะที่มีปากกว้าง สามารถทำได้ง่าย ๆ วัสดุในการสร้างชั้นดิน เริ่มที่หินกรวดเม็ดเล็ก ถ่านบด ขี้เลื่อย ดิน ของตกแต่งอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความชอบ เช่น ก้อนหิน ตุ๊กตาเซรามิก เป็นต้น
.
แต่ถึงแม้จะเป็นสวนขนาดเล็กดูและง่าย แต่ก็อย่าถึงขนาดละเลยไม่ใส่ใจไปเลย ต้องคอยสอดส่องไม่ให้ขวดแก้วมีน้ำท่วมขัง เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้ ถ้าดินแห้งเกินไปก็คอยพรมน้ำให้ชุ่ม และควรเลือกวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงส่องถึง อากาศไม่ร้อนหรือเย็นจนเกิดไป แค่นี้คุณก็มีพื้นที่สีเขียวในมุมโปรดของคุณได้ง่ายๆแล้ว : )
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com