ซื้อกองทุน คือทางเลือกที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเมื่อเทียบกับเงินฝากแล้ว กองทุนรวมให้ผลตอบแทนดีกว่ามาก ซึ่งนอกจากผลตอบแทนจะต่างแล้ว สิ่งที่ต่างอีกอย่างก็คือความเสี่ยง ซึ่งหมายถึงเมื่อลงทุนแล้วอาจได้ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามคาด อาจกำไรเยอะกว่าคาด เท่าทุน หรือขาดทุนก็เป็นได้ แต่รู้หรือไม่ว่าถึงแม้ความเสี่ยงมีมาก แต่เราก็ยังสามารถจัดการได้ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เจ๊งอย่างที่หลายๆคนกลัววันนี้ Money Avengers Ft. Mover ขอนำเสนอ 4 ทริค เริ่มต้นลงทุนง่ายๆ ไม่มีเจ๊ง!!!
[ ลงทุน กระจาย ]
ทุกๆสินทรัพย์ที่กองทุนรวมไปลงทุน ล้วนแต่มีเวลาที่ดีและไม่ดีของตนเอง เช่น ทองมักจะดีในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงเรื่องสงคราม มีความไม่แน่นอน, หุ้นมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว และแย่ในยามสงครามหรือเศรษฐกิจซบเซา, เงินฝากที่มีความน่าสนใจน้อย แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนชนะหุ้นในวันที่เศรษฐกิจถดถอย หรือ พันธบัตรรัฐบาลที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยก็ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี เป็นต้น
บางประเทศ อาจมีเหตุการณ์ภายในที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีเป็นพิเศษ หุ้นขึ้นแรง กำไรสูง แต่ขณะเดียวกันบางประเทศอาจมีการจราจล ่ก่อการร้าย รัฐประหาร หรือ สงคราม ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อกำไร หรือเงินลงทุนของเราได้ทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้ว จึงควรกระจายการลงทุนไปยังหลายๆสินทรัพย์และหลายๆประเทศ ผ่านหลายกองทุน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนของเงินโดยรวมของเรา เพราะในสถานการณ์เดียวกัน อาจมีบางกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่อีกกองทุนกลับให้ผลตอบแทนเป็นลบ เฉลี่ยกันไป ทำให้โอกาสที่จะขาดทุนรุนแรงในภาพรวมเป็นไปได้ยาก ทำให้การลงทุนของเราจะทำให้ยามที่ตลาดไม่ดี เราอาจขาดทุนน้อย ไม่ขาดทุน หรือมีกำไรก็เป็นได้
TIPS : ทำใจไว้เสมอว่าการกระจายการลงทุน คือ การลดความเสี่ยง มิใช่การเพิ่มกำไร ซึ่งอาจทำให้ยามที่ตลาดเป็นใจเราอาจมีกำไรได้ไม่มาก แต่ขณะเดียวกันเมื่อตลาดไม่ดีเราก็ขาดทุนได้ไม่มากเช่นเดียวกัน
[ ลงทุนให้ นาน ]
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าการลงทุนของเรานั้นมีการกระจายที่มากพอ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการลงทุนให้นานพอ เพราะในระยะสั้น อาจมีเหตุการณ์แย่ๆกระทบได้ทั้งในรายบริษัท เช่น ไฟไหม้โรงงาน น้ำท่วมสินค้า หรือในรายประเทศ เช่น เกิดจลาจล รัฐประหาร หรือ โรคระบาด แต่ในระยะยาวแล้วทุกปัญหาเหล่านั้นย่อมมีทางออก ทำให้บริษัทหรือประเทศที่มีพื้นฐานที่ดีจะรอดพ้นความเสี่ยงที่เข้ามากระทบระยะสั้นเหล่านั้นได้
นอกจากนี้แล้วโดยธรรมชาติ ระบบเศรษฐกิจจะมีวัฏจักรที่เกิดขึ้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ คือ ระยะขยายตัว ระยะรุ่งเรือง ระยะถดถอย และระยะตกต่ำ ซึ่งจะมีระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปีในแต่ละรอบ นั่นหมายความว่า ถึงแม้จะเป็นสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ถ้าเราสามารถลงทุนได้นานพอเราก็จะสามารถอยู่รอดปลอดภัย ไปจนถึงช่วงเศรษฐกิจดีอีกครั้ง และทำให้พอร์ทของเรามีโอกาสขาดทุนน้อยลง พร้อมกับเงินลงทุนที่โตขึ้นในระยะยาว
TIPS : การลงทุนให้นานพอ ไม่ได้หมายถึงการทนถือหุ้นแย่ๆ หรือการลงทุนแย่ๆไปตลอดไปและหวังจะให้มีกำไร แต่หมายถึงการพิจารณาแล้วว่าการลงทุนนั้นๆยังมีมีพื้นฐานที่ดีอยู่ เพียงแต่เจอปัจจัยแย่ๆในระยะสั้นเท่านั้น
[ ลงทุน สม่ำเสมอ ]
หลายๆคนคงรู้จักวิธีกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อแบบสม่ำเสมอ (DCA) กันแล้ว ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงวิธีหนึ่งที่เป็นที่่นิยมสำหรับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ซึ่งสามารถทำได้โดยการตั้งหักบัญชีเงินเดือนอัตโนมัติไว้ทุกๆเดือน โดยหัวใจของวิธีนี้คือ ไม่ว่าตลาดจะถูกหรือแพง ดีหรือไม่ดี เราก็มีการทยอยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ต้นทุนทั้งถูก และแพง ที่เราทยอยซื้อนั้น เฉลี่ยกัน จนราคาต้นทุนนั้นไม่สูง เมื่อประกอบกับการกระจายการลงทุนและลงทุนนาน จนผ่านครบวัฏจักรเศรษฐกิจ ก็ปิดประตูเจ๊งได้เลย
TIPS : ปัจจุบันมีกองทุนหลายๆกอง ที่สามารถซื้อผ่านบัตรเครดิตได้ ทำให้เราได้ระยะเวลาเครดิตไปอีก 30-45 วัน
[ รู้จัก Rebalance ]
การRebalance คือการปรับพอร์ทการลงทุนของเราให้กลับมามีสมดุลตามที่กำหนดไว้ในตอนเริ่มต้นลงทุนอยู่เสมอ ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ว่าสถานการณ์หนึ่งๆอาจส่งผลต่อแต่ละกองทุนไม่เหมือนกัน บางกองอาจมีกำไรมาก บางกองอาจขาดทุน และทำให้พอร์ทการลงทุนของเรานั้นมีสัดส่วนต่างจากที่กำหนดเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็ให้ผู้ลงทุนขายกองทุนที่มีสัดส่วนเกินที่กำหนดไว้ออกบางส่วนจนเหลือสัดส่วนตามที่กำหนด และนำเงินที่ได้นั้นซื้อกองทุนที่มีสัดส่วนน้อยกว่าที่กำหนดไว้ จนกลับมาเท่าที่กำหนดไว้ ทำให้พอร์ทกลับมาเป็นสัดส่วนตามที่กำหนดไว้ ซึ่งมีข้อดีดังนี้
- ล็อคกำไรให้กับกองทุนที่มีผลงานดีกว่ากองอื่น เพราะขายกองทุนนั้นๆแล้ว หากมีการปรับตัวลดลง เราก็ได้ขาย ณ ราคาที่สูงกว่าไปแล้ว
- ลดต้นทุนให้กับกองทุนที่ขาดทุนลง เพราะราคาลดลง จึงทำให้กองทุนนั้นๆขาดทุน เมื่อมีเงินส่วนอื่นเขามาซื้อในราคาที่ถูกลง ก็จะทำให้ราคาต้นทุนเฉลี่ยของกองทุนนั้นๆลดลง และมีโอกาสกลับมาเท่าทุน หรือ มีกำไรไวขึ้น
ด้วยการปรับสมดุลอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้พอร์ทการลงทุนของเรา ไม่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นจนเกินไป ในยามที่กองทุนที่มีความเสี่ยงสูงให้ผลตอบแทนดี จนกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของพอร์ท และอาจส่งผลให้พอร์ทโดยรวมมีโอกาสติดลบได้แรงกว่าในยามที่กองทุนนั้นๆปรับตัวลง ทำให้ปิดประตูเจ๊งไปได้เลยอีกบาน!!!
TIPS : การRebalance ไม่ควรทำบ่อย อาจกำหนดเป็นปีละครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อหรือขายกองทุนโดยไม่จำเป็น
4 ทริค การลงทุนง่ายๆ แต่ทำยาก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เทคนิคอันแพรวพราว แต่คือการมีวินัยในตนเองของผู้ลงทุน หากมีแผนแล้วไม่ทำตาม ขาดทุนหรือเจ๊งไป ก็อย่าหาว่าแอดมินไม่เตือนนะครับ
ติดตาม Tips การเงิน การลงทุนได้ที่ : Money Avengers
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงานเพจ Mover
mover.in.th@gmail.com