HOW TO: ทำธุรกิจกับเพื่อนสนิทอย่างไรให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

” ทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท ” หลาย ๆ คนฟังแล้วคงต้องหันหน้าหนีเพราะเดาได้เลยว่ามีแต่ปัญหาชัวร์ ๆ ไม่ว่าจะสนิทแบบเพื่อน พี่น้อง แฟน หรือแม้แต่คู่แต่งงาน ความสัมพันธ์ไหน ๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงทั้งในแง่การดำเนินธุรกิจ และในแง่ของความสัมพันธ์ที่อาจจะสั่นคลอนได้ในวันหนึ่ง เพราะเราคงเคยเห็นหรือได้ยินกันมาพอสมควรว่า ถึงแม้จะสนิทหรือรักกันมากแค่ไหน แต่เมื่อร่วมมือกันทำธุรกิจแล้วปลายทางก็มักจะจบลงด้วยการทะเลาะหรือเลิกราความสัมพันธ์กันไปเลย แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ทุกครั้งเสมอไป เพราะถ้าหากเราบริหารและใช้หลักการทำงานร่วมกันที่ดีแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งในครั้งนี้ MOVER ก็มีหลักการดี ๆ ในการทำธุรกิจร่วมกันกับเพื่อนหรือคนสนิทมาแนะนำกันครับ

#1 | ทำทุกอย่างให้เป็นลายลักษณ์อักษร

ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำธุรกิจร่วมกันสิ่งแรกที่ควรทำเหนือสิ่งอื่นใดก็คือการเคลียชัดในทุก ๆ ข้อสงสัยหรือทุก Topic ของ Business Model ที่หุ้นส่วนทุกคนได้ร่วมสร้างกันมา ซึ่งควรจะรวมถึงเงื่อนไข ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และการแบ่งผลประโยชน์ที่แน่นอน ลงรายละเอียดทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และควรมีพยานหรือคนกลางในการทำข้อตกลงต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเชื่อเถอะครับว่าเรื่องของเงินทองไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ

#2 | เดินทางสายกลาง

บางครั้งในการดำเนินธุรกิจกับคนใกล้ตัวหรือใครก็ตามนั้น คุณอาจจะเจอเหตุการณ์เร่งด่วนหรือกระทันหันที่ทำให้คุณต้องตัดสินใจคนเดียเดี๋ยวนั้น ไม่อาจรอคอยหุ้นส่วนคนอื่น ๆ มาช่วยคิดได้ เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ การคิดอย่างรอบคอบและเป็นกลางถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อย่าไปคิดแทนคนอื่นว่าเขาจะไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจ เพราะ ณ เวลานั้น ๆ การแก้สถานการณ์หรือผลประโยชน์ของธุรกิจนั้นต้องมาก่อน ถ้ามัวแต่พะวงหรือคิดแทนคนอื่นเยอะเกินไปสุดท้ายก็อาจจะทำให้คุณตัดสินใจพลาดไปก็ได้ ดังนั้นคิดถึงความรู้สึกคนอื่นได้ แต่ต้องไม่มากเกินไป เดินทางสายกลาง เน้นความถูกต้องเป็นดีที่สุด

#3 | ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

สุภาษิตนี้ไม่ว่าจะไปที่นั้นก็ยังคงใช่ได้เสมอ เพราะแน่นอนว่าถ้าเราทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุดท้ายก็ไม่มีใครที่จะสามารถมากล่าวหาหรือว่าเอาผิดเราได้ เรียกว่าเป็นการเซฟตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีกับเราก็ได้ เพราะถ้าหากเราทำทุกอย่างตามขั้นตอน ถูกต้อง ความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ นี่แหละคือโล่ป้องกันที่ดีที่สุด แต่! ต้องอย่าลืมว่าเอกสารสำคัญทุกอย่าง ยิ่งเกี่ยวกับการเงินนั้นต้องทำสำเนาเก็บไว้กับตัวด้วยเสมอเพื่อป้องกันการปลอมแปลงจากผู้ไม่หวังดี ยอมเสียเวลาทำเรื่องจุกจิกพวกนี้สักหน่อย แต่ให้คิดเสียว่าแลกกับความสบายใจก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเราก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าวันนึงคนที่เราคิดว่าดีนั้นจะดีตลอดไปหรือไม่ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาคิดไม่ดีขึ้นมา ความไว้วางใจจนเกิดความสะเพร่านั้นจะย้อนกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงตัวเราเองได้

#4 | คุยให้ชัด เคลียร์ให้จบ

เรียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกในการทำงานเลยทีเดียวกับการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน ปัญหานี้มีทางแก้ได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่หันหน้ามาคุยกันในทุกเรื่องทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะส่วนมากแล้วทุกคนเวลามีปัญหาหรือเกิดความไม่พอใจกัน ก็มักจะเลือกเก็บเอาไว้หรือเลือกที่จะไม่พูดกัน ทำให้สุดท้ายก็คิดไปเอง สรุปเอาเอง และเกิดเป็นปัญฆาคารังคาซังไม่จบไม่สิ้นในที่สุด จนนำไปสู่การแตกหักหรือทะเลาะกันในที่สุด ซึ่งสาเหตุก็อาจจะเพียงเพราะไม่เข้าใจในการกระทำที่ทำลงไปของแต่ละฝ่ายเท่านั้น ดังนั้นปัญหาเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าแค่หันหน้ามาคุยกันหรือนัดคุยกันบ่อย ๆ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีจุดไหนที่ต้องปรับแก้บ้าง พูดให้ชัดเจน เคลียร์ทุกอย่างให้จบในที่ประชุม สงสัยตรงไหนควรถามให้หมด อย่าปล่อยให้มันค้างคาอยู่นาน หรือเรื่องไหนที่จำเป็นต้องถามหรือเตือนก็ควรพูดออกไปตรง ๆ เช่นกัน และที่สำคัญคืออย่าคิดไปเองว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย

#5 | อย่าลืมช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามอย่างที่ใจคิด หรือเหตุอะไรที่ทำให้นำไปสู่การไม่เข้าใจกัน ในจุดนี้เราอยากให้ทุกคนลองย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เราเคยมีร่วมกันมาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานก็ตาม ลองนึกถึงจุดที่พวกคุณเคยร่วมพยายามเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณเป็นจริง สิ่งต่างๆ เรานี้อาจจะช่วยย้ำเตือนให้คุณมีเหตุและผลมากขึ้น จนสามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด เพราะจงจำไว้ว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ การที่บางสิ่งบางอย่างเดินมาถึงทางตันนั้นก็อาจจะไม่ได้เป็นความผิดของใคร แต่เป็นผลจากปัจจัยภายยอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้นอย่าได้ลืมวันเก่า ๆ ที่เคยร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันกันมา แล้วหันมาช่วยหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วเป็นดีที่สุด

#6 | อย่าลืมอยู่ในโลกของความเป็นจริง

บ่อยครั้งที่หลายคนมัวแต่จมอยู่กับโลกของการทำธุรกิจ จนหลงลืมไปว่าทุกคนนั้นต้องมีโลกความเป็นจริงอยู่ ดังนั้นเราควรแบ่งเวลาให้พอดีกับทั้งสองบทบาทในชีวิต ถ้าหากเครียดจากงานก็แค่ลองเปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องทั่วไป กิน ดื่ม สังสรรค์เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปบ้าง ไม่แน่คุณอาจจะเกิดไอเดียใหม่ ๆ ขึ้นมาระหว่างนั้นก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า Marketing is everywhere. ดังนั้นบางครั้งบทเรียนใหม่ ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเราก็เป็นได้

#7 | ถ้าทุกอย่างมันต้องจบ ก็ต้องจบให้ดี

ไม่ว่ายังไงมนุษย์เราก็มีความนึกคิด ความรู้สึก และความชอบที่แตกต่างกันมาแต่กำเนิดอยู่แล้ว ดังนั้นการร่วมทำธุรกิจกับใครสักคน ถึงแม้คน ๆ นั้นจะเป็นเพื่อนที่เราสนิทมากที่สุดแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่า ยังไงก็ต้องมีความคิดที่แตกต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราประคับประคองทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่มันก็เดินทางมาถึงจุดที่ต้องแยกกัน เราก็ควรที่แยกหรือจากกันด้วยดี เพราะยังไงความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “เพื่อน” นั้นย่อมดีกว่า “ศัตรู” และยิ่งในโลกของธุรกิจด้วยแล้วยิ่งเรามีเพื่อนหรือพันธมิตรมากเท่าไรก็ยิ่งได้เปรียบ ดังนั้นถ้าต้องจบ.. ก็ควรจบด้วยดี และยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เหมือนเวลาที่ต้องบอกเลิกแฟนนั่นแหละครับ

อย่างไรก็ตามทั้ง 7 ข้อนี้ก็เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วการทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนหรือคนสนิทเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้นหากจะตัดสินใจเริ่มต้นหรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างนั้นก็คงต้องพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วนเป็นราย ๆ กันไปอีก เพราะต่างคนก็ต่างนิสัย ร้อยพ่อพันแม่ยากที่จะกำหนดหรือคาดเดานิสัยจริง ๆ ของคนคนหนึ่งได้  แต่เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ลุยให้เต็มที่ได้เลย เพราะสุดท้ายถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เราเชื่อว่าระหว่างทางคุณจะได้ประสบการณ์และข้อคิดดี ๆ อีกมากมายแบบที่กาไม่ได้ในหนังสือหรือห้องเรียนอย่างแน่นอน


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com