อย่างที่รู้ ๆ กันว่าเรื่องของ “กลิ่น” นั้น สำคัญไม่น้อยไปกว่ารูปลักษณ์และการแต่งตัวที่แสดงออกภายนอก เพราะกลิ่นนี่แหละที่บ่งบอกบุคลิกภาพของเราได้เป็นอย่างดี ว่ามีสไตล์แบบไหน ชอบอะไร หรือรสนิยมเป็นแบบไหน
ดังนั้นตัวช่วยเรื่องกลิ่นก็คงจะหนีไม่พ้น “น้ำหอม” ที่ปัจจุบันก็มีหลากหลายแบรนด์ทำสูตร For Men เพื่อออกมาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ชายมากยิ่งขึ้น โดยกลิ่นที่ได้รับความนิยมสูงก็เห็นจะเป็นแนวสปอร์ต (Sport) ที่เข้ากันกับไลฟ์สไตล์ลุย ๆ เท่ ๆ ได้อย่างลงตัว วันนี้ MOVER จึงขอยก 10 น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตตัวท็อปมาให้ทุกคนได้เก็บเป็นช้อยส์กัน
Davidoff Champion Energy
เริ่มต้นกันที่ Davidoff Champion Energy ตัวนี้เป็น น้ำหอมกลิ่นสปอร์ต ที่โดดเด่นด้วยขวดรูปทรงดัมเบลสีแดงขาว แค่นี้ก็บอกได้อยู่แล้วว่าทำมาเพื่อเอาใจเหล่าสปอร์ตแมนแน่นอน ในส่วนของกลิ่นนั้นจะไปทางสดชื่น ๆ แบบผลไม้อย่างเกรปฟรุ๊ตหรือมะกรูด ไม่ถึงกับฉุนจัดจนแสบจมูก มีกลิ่นเครื่องเทศแซมอ่อน ๆ ทำให้รู้สึกสะอาดแบบธรรมชาติ จะฉีดตอนไปออกกำลังกายกลางแจ้งอย่าง เตะบอล เล่นบาส ปั่นจักรยานก็ได้ เพราะติดทนนานในระดับหนึ่งเลย (6-8 ชั่วโมง) หรือจะใส่ไปออกงานกลางคืนก็ยังเอาอยู่ เพียงแต่อาจจะไม่ดึงดูดเท่ากับกลิ่นโทนนุ่ม ๆ เท่านั้นเอง
Giorgio Armani Code Sport EDT
Armani Code Sport Edition 2016โดย Giorgio Armani เป็นกลิ่นหอมของวู้ดดี้อโรมาติกสำหรับผู้ชาย โดดเด่นสดชื่นด้วย มิ้นต์ สะระแหน่รสเผ็ด ส้มแมนดาริน และซีไซลินเลมอน หัวใจของกลิ่นหอม คือเผยให้เห็นถึงพลังอันน่าหลงใหล ในกลิ่นกลาง คือ เจอเรเนียมและขิง ส่วนกลิ่นฐาน คือ หญ้าแฝก และโรสแมร์รี่ สำหรับกลางวันและวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คุณกับกลุ่มเพื่อนจะนัดออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งด้วยกัน
L’Eau d’Issey Pour Homme Sport Issey Miyake
ตัวนี้มีกลิ่นหอมสดชื่นสไตล์สปอร์ต เหมาะสำหรับทุกวันทุกสถานการณ์ ตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงลุย ๆ เพราะมีกลิ่นหอมจากมะกรูดและเกรปฟรุ๊ต แฝงด้วยความร้อนแรงแนวเครื่องเทศของเม็ดจันทน์เทศ ปิดท้ายลมหายใจด้วยกลิ่นรากของหญ้าเวติแวร์ ผสมผสานกับสารสกัดไม้หอมของซีดาร์ เติมเต็มพลังงานแห่งความกระปรี้กระเปร่าของผู้ชายได้เป็นอย่างดี
David Beckham Instinct Sport
ขึ้นชื่อว่า David Beckham ก็คงจะการันตีในเรื่องความเป็นสปอร์ตได้อย่างดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของกลิ่นนั้นออกแนวสดชื่นอ่อน ๆ ด้วยส่วนผสมของ มะกรูดและส้ม (Top Notes) ดอกจันทร์ กระวาน พริกแดงฝรั่ง (Heart Notes) และอำพันขาว แพทูลี่ หญ้าแฝกไฮเทียน (Base Notes) ผสมกันออกมาได้อย่างลงตัวและน่าดึงดูดมากทีเดียว
Adidas Extreme Power Special Edition
แบรนด์สปอร์ตอย่าง Adidas ก็ไม่น้อยหน้าเพราะ Adidas Extreme Power Special Edition รุ่นนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย ด้วยความหอมแบบเข้ม ๆ ของกาแฟผสมผสานกับกลิ่นแอปเปิ้ลและดอกเจอราเนียม (Geranium) ช่วยอัพเกรดความเป็นชายได้อย่างดี ทำให้ดูน่าเข้าใกล้ด้วยกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ แถมรูปทรงขวดก็ยังดีไซน์ออกมาได้สปอร์ตสุด ๆ อีกด้วย
Chanel ALLURE HOMME SPORT
เป็นอีกหนึ่งน้ำหอมสไตล์สปอร์ตที่หลายคนมีติดตัวไว้ เพราะฉีดแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น กลิ่นติดทนนานพอสมควร ถ้าต้องอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานก็อาจจะต้องมีฉีดซ้ำบ้าง แต่ข้อดีคือฉีดนิดเดียวก็ได้กลิ่นแล้ว ออกแนวผลไม้เปรี้ยว ๆ อย่างส้มหรือมะนาว แต่ไม่แรงมากจนฉุน ฉีดไปเล่นกีฬาได้สบาย ๆ ไม่ตีกับกลิ่นเหงื่อ แต่กลับยิ่งเพิ่มความหอมมากยิ่งขึ้น
Calvin Klein Free Sport
อีกหนึ่งตัวยอดฮิตของ CK ก็คือเจ้า CK free sport ตัวนี้ที่มีกลิ่นสไตล์ Woody Aquatic หอมบาง ๆ สดชื่นเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จอยู่ตลอดเวลา ด้วยกลิ่นของ bergamot, marine และ orange ให้ความรู้สึกเย็นสบายตลอดเวลา หลังจากนั้นจะคงความหอมด้วยกลิ่นเบสจากไม้หอมอย่าง cedar wood, sandal wood และเจือด้วยกลิ่นอำพัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความอิสระไร้ขีดจำกัดสมกับชื่อรุ่น
PRADA Luna Rossa Sport
น้ำหอมผู้ชายจาก Prada รุ่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกแห่งการล่องเรือที่ท้าทายความแข็งแรง อดทน กลิ่นแรกจึงขึงขังด้วยกลิ่นของขิงและผลจูนิเปอร์ เหมือนชายหนุ่มที่พร้อมกระโจนลงไปในเกมกีฬา ส่วนเบสโน้ตนั้นหอมทรงพลังด้วยกลิ่นของวานิลลาและลาเวนเดอร์ เรียกความกระปรี้กระเปร่าได้เสมอแม้จะผ่านเวลาไป
Hugo Boss Bottled Sport Perfume
ถือเป็นน้ำหอมยอดนิยมของแบรนด์ Hugo Boss ผู้ใช้จำนวนมากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอมรับในประสิทธิภาพความหอมที่ทนทานของเจ้าตัวนี้เลย ด้วยกลิ่นที่หอมสดชื่นสไตล์ Energetic มาดแมนชวนให้สาวหลงใหลสุด ๆ ซึ่งมีส่วนผสมของเกรปฟรุ๊ตและลาเวนเดอร์เป็นตัวช่วยในเรื่องความสดชื่นนี้ แต่ตบท้ายด้วยกลิ่นไม้ ๆ สไตล์ Woody ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ชายมาก ๆ
Dior Homme Sport
ปิดท้ายที่แบรนด์ Dior ที่รุ่นนี้มีความโดดเด่นด้วยกลิ่นส้มและมะกรูดซึ่งจะให้ความรู้สึก Sport เป็นอย่างดี แทรกด้วยกลิ่นขิงอ่อน ๆ ตัดให้ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น ตบท้ายด้วยกลิ่นซิตรัส มีความทนทานของกลิ่นดีในระดับหนึ่งเลย ถ้าอยู่ในห้องแอร์หรือทำกิจกรรมเบา ๆ ก็หอมสบาย ๆ ถึง 8 ชั่วโมง การกระจายของกลิ่นก็ทำได้ดีเช่นกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของ กลิ่น ก็ยังเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว บางกลิ่นที่ใครว่าดี ใครว่าหอม สำหรับตัวเราอาจจะไม่ถูกใจก็ได้เช่นกัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการไปทดลองเทสต์กลิ่นด้วยตัวเองที่เคาท์เตอร์แบรนด์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นที่ถูกใจและใช่สำหรับคุณที่สุด
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com