ทำความรู้จัก “ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก” สถานะยอดฮิตสำหรับคนยุคนี้

“ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไปต้องหาคำๆ ไหนมาเพื่ออธิบาย..” เนื้อเพลงท่อนหนึ่งของศิลปินดา เอ็นโดรฟินที่บอกเล่าถึง ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก Unnamed Relationship เพื่อนก็เชิงแฟนก็ไม่น่าจะใช่ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สลับซับซ้อนอธิบายไม่ถูก เป็นสถานะความสัมพันธ์ยอดฮิตของคนยุคนี้เลยก็ว่าได้ บางคนคิดว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่สวยงาม บ้างก็ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว แล้วความเป็นจริงความสัมพันธ์แบบนี้มันจะดีหรือไม่นะ มาเปิดใจทำความรู้จักพร้อมหาทางออกของความสัมพันธ์แบบนี้ไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ

ความสัมพันธ์ของคนสองคนมันมีความซับซ้อนมาก จนบางครั้งเราอาจจะไม่สามารถนิยามมันออกมาเป็นชื่อเรียกอย่างชัดเจนได้ คนทั้งสองใช้ความรู้สึกเป็นสายโยงเชื่อมต่อระหว่างกันและกัน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานะดังกล่าว เช่น การที่คุณได้ไปรู้จักกับคนๆ หนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดี แต่ไม่ได้อยากผูกมัด หรือคุณอยากสานสัมพันธ์ต่อแต่เขาไม่อยาก หรือเพียงเพราะคุณแค่ต้องการเซ็กส์ เป็นต้น

#ไม่มีชื่อเรียกดีอย่างไร

คนทั้งคู่ต่างมีอิสระในการพบเจอคนใหม่ ไม่ต้องมาผูกมัด ไม่ผูกพันธ์ ไม่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องมาคาดหวังให้เป็นนั่นเป็นนี่ ไม่ต้องวางแผนอนาคตอะไรให้วุ่นวาย นอกใจกันไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน มีคนให้คุยปรึกษาด้วยเวลามีปัญหา มีคนไปทำกิจกรรมด้วยกัน มีความสุขร่วมกัน ต่างคนต่างมีความรู้สึกที่แสดงออกมาซึ่งกันและกัน

#ปัญหาของความสัมพันธ์ลักษณะนี้

ความเคยชินกับการไม่ผูกมัด เสพติดความอิสระทางความสัมพันธ์มากเกินไป อาจทำให้การไปตกหลุมรักใครจริงๆ นั้นทำได้ยากกว่าเดิม หรือมันอาจจะเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นคนไม่จริงจังกับความรักเลยก็ได้ รวมไปถึงหากคนใดคนหนึ่งไม่คุณก็เธอไปเจอคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตด้วยกันจริง ๆ มันคงจะเศร้าน่าดู

#กฎเหล็กของความสัมพันธ์

ใช่ว่ามีอิสระไร้พันธะแล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่าง ในทุกรูปแบบความสัมพันธ์มันจะมีข้อจำกัด ซึ่งขึ้นอยู่กับการตกลงกันของคนสองคน แต่กฎหลักของความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะนี้คือ “ห้ามล้ำเส้น” เพราะว่าถ้าคุณถลำลึกตกอยู่ในภวังค์ที่เรียกว่าความรักกับเธอ แต่เธอดันไม่เล่นด้วยงานนี้มีเจ็บหนักสาหัสแน่นอน

#จุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก

จุดหมายปลายทางของความสัมพันธ์แบบนี้มีทั้งที่ผลลัพธ์ออกมาดีและไม่ดี ถ้าเกิดมันดำเนินไปในทางที่ดี ความสัมพันธ์นี้อาจจะพัฒนาจนกลายเป็น “ความรัก” ที่คุณทั้งคู่รู้สึกร่วมกัน นำไปสู่สถานะความสัมพันธ์ที่ชัดเจนมากกว่าเดิม “แฟน” แต่ในทางกลับกันถ้ามันแยกไปในทางที่ไม่ดีมีใครสักคนละเมิดกฎ ความสัมพันธ์อาจยุติลงด้วยความลำคาญ ความไม่เข้าใจ เป็นต้น

#มันไม่ใช่การคิดไปเองคนเดียว

ความสัมพันธ์แบบนี้กับการแอบรักข้างเดียวที่ดูเหมือนจะคล้ายกันมาก แต่แท้จริงแล้วมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะมันต้องเกิดจากคนสองคนมีความรู้สึกบางอย่างต่อกัน และตกลงที่จะทำอะไรบางอย่างด้วยกัน

#การคุยกันเป็นทางออกของความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด

ไม่พูดกันใครมันจะไปรู้ว่าคิดอะไรจริงไหม? บางทีคุณอาจแค่คิดไปเอง หรือเธออาจคิดมากเกินไป การพูดความในใจออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้ได้ยินเสียงของหัวใจ จึงเป็นทางออกในการรับมือความสัมพันธ์แบบนี้ที่ดีที่สุด เอาให้ชัด ๆ ว่าโอเคเราไม่พูดมัดกันนะ ซึ่งถือเป็นการป้องกันความเข้าใจผิดจนนำไปสู่ความเสียใจ  

บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องไปตามหาชื่อหรือคำนิยามกับสิ่งใด ๆ ขอเพียงแค่คุณและเขาเข้าใจความรู้สึกของตนเอง จะมีชื่อหรือไม่มีชื่อมันจึงไม่สำคัญ แล้วยิ่งถ้ามันทำให้คุณมีความสุขคุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหยุดหรือเปลี่ยนแปลงอะไร ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยจนกว่าจุดสิ้นสุดจะมาถึง แต่ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกพัฒนาจนในที่สุดจนได้คำนิยามที่คุณทั้งคู่พอใจ ทั้งนี้คุณอาจต้องเหลือพื้นที่เผื่อใจไว้เจ็บสักหน่อย เพราะตามธรรมชาติของความสัมพันธ์ลักษณะนี้มักไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในละคร ยังไงซะ Mover ขอเป็นกำลังใจให้กับความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบนะครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com