Type to search

Interview

“เต็งหนึ่ง-คณิศ ปิยะปภากรกูล” เปิดใจ 1 ปี กับสรรพนามที่คนเรียกว่า ‘เกย์’

Share

บางครั้งมันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับชาวสีรุ้ง LGBT ที่จะเปิดเผยตัวเองกับสังคม อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้หลายๆ คนกลัวว่าคนในครอบครัว เพื่อนๆ และคนรอบข้างจะไม่ยอมรับ แต่สำหรับวันนี้ “เต็งหนึ่ง คณิศ ปิยะปภากรกูล” เป็นเหมือนหนึ่งตัวแทนที่พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าการยอมรับและเปิดเผยตัวเองต่อสังคมไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป

สำหรับเดือนมิถุนายนหรือเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ (Pride Month)  Mover ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองร่วมกับชาวสีรุ้งด้วยบทความของหนุ่ม “เต็งหนึ่ง คณิศ ปิยะปภากรกูล” อดีตสมาชิกบอยแบนด์วง B.O.Y ที่เลือกทำตามความฝันก่อนจะโกอินเตอร์ไปเป็นดาราดังในจีน

เมื่อปีที่แล้ว หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นคลิปของเขา ที่เล่าถึงการเปิดตัวและมุมมองต่อคำว่าเกย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี มาดูกันซิว่าชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง

“น่าเสียดายนะ ถ้าหนึ่งชีวิตของเรา ทำได้แค่อย่างเดียว”

“ตอนเด็กๆ เราก็มีความฝันที่จะเป็นนักร้องนักแสดง แต่พอวันหนึ่งที่เราได้ทำตามความฝันแล้ว เราก็รู้สึกเสียดาย ถ้าชีวิตหนึ่งของเรา ทำได้แค่ความฝันเดียว เพราะถ้าให้เป็นนักแสดงไปอีก 20 ปีเราก็คงเบื่อ เลยมานั่งค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไร ก็มาจบที่ว่าเราอยากทำอาหาร ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนชอบกินขนมมาก เวลาเราไปร้านขนม บางร้านเขาก็ทำไม่ถูกใจเรา บางร้านก็หวานไป บางร้านก็จืดมาก เราเลยตัดสินใจว่าไปเรียนเองเลยดีกว่า ในเมื่อทุกคนทำไม่ถูกปากเรา เราก็ทำเองซะเลย”

@kristqiao

“เราไปเรียนทำขนมจริงจังจนเรียนจบรับประกาศนียบัตร (Diplôme de Pâtisserie) ของโรงเรียนฝรั่งเศส Le Cordon Bleu และด้วยค่าเทอมที่แพงระดับเจ็ดหลัก ทำให้เราตัดสินใจไปต่อทางด้านเชฟทำขนมและทิ้งทุกอย่างเพื่อไปฝึกงานที่นิวยอร์กตอนอายุ 29”

หนุ่มเอเชียในนิวยอร์ก

“การที่เราเป็นที่รู้จักในไทย เราได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เราไม่รู้จักอยู่ตลอด ทำให้เราเคยตัว ไม่ชาเลนจ์ชีวิตตัวเอง จนเรากลัวว่าวันหนึ่งเราจะใช้การที่เราเป็นที่รู้จักทำให้ตัวเองเป็นมาตรฐานที่สูงกว่าคนอื่น ซึ่งเราไม่ชอบ เราเลยตัดสินใจว่าจะไปเป็นคนเอเชียหนึ่งคนที่อยู่ในนิวยอร์ก ไม่มีใครรู้จัก ไปเจอทุกอย่างที่นักเรียนต่างชาติต้องเจอ ทั้งเป็นเด็กเสิร์ฟในตอนกลางคืน ล้างห้องน้ำ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน”

@kristqiao

10,994 กิโลเมตรจากนิวยอร์กถึงปักกิ่ง

“ระหว่างที่เราฝึกงานอยู่ ก็มีบริษัทที่จีนเห็นผลงานซีรีย์ชายรักชายที่เราเคยเล่น เขาก็ติดต่อมา แต่ตอนนั้นเราอยู่ที่นิวยอร์กพอดี ก็ได้มีการแคสติ้งผ่าน Skype แล้วก็คุยงานกันผ่านทางอีเมล ใช้เวลาไปเกือบครึ่งปีกว่าที่จะเซ็นสัญญา ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีมากแต่ว่าเรายังฝึกงานไม่จบ จนวันหนึ่งเขาเรียกตัวเรา เลยย้ายตัวเองจากนิวยอร์กไปอยู่ที่จีนประมาณเกือบ 2 ปี”

เฉียว ฉู่ หัง

“บริษัทที่จีนตั้งชื่อให้เราว่า ‘ฉู่หัง’ ถ้ารวมกับนามสกุลภาษาจีนของเราจะเป็น ‘เฉียว ฉู่ หัง’ แปลว่าชายผู้อบอุ่นที่มาจากแดนไกล เพราะเขาเห็นเราว่าเราเป็นคนอบอุ่น ชอบทำขนม ใช้ชีวิตเรียบง่าย แล้วยังมาจากต่างประเทศอีก”

@kristqiao

แฟนละครที่จีนรู้ไหมว่าเป็นเกย์

“จริงๆ ที่จีนออกข่าวเรื่องเราด้วย ก็จะมีแฟนคลับที่รู้ แต่เราก็ไม่ได้แต่งหญิง เราก็ยังเป็นเราเหมือนเดิม เขาเลยไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งแฟนคลับที่จีนก็น่ารักนะครับ อย่างเราเล่นละครเวทีที่ไทยเขาก็บินมาดู”

 

ความรัก=ความรัก

“เราไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ชอบผู้หญิง เพราะเราไม่เคยมองความรักเป็นเพศเลย เหมือนเราถูกปลูกฝังจากที่บ้านมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย สมมติว่าเราจะมีแฟนสักคน พ่อแม่เราไม่เคยถามเลยว่าเขาสวยไหม เขาผมยาวไหม แต่จะถามตลอดว่านิสัยเขาเป็นยังไง คงเป็นเพราะเราโชคดีด้วยที่ที่บ้านพาเราเดินตรงกลางมาตลอด ไม่ได้แบ่งแยก เราเลยไม่ได้รู้ตัวว่าเราชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ เรามองความรักเป็นแค่ความรักเลย”

@kristqiao

ผลของการเปิดตัว

“เราคิดว่ามันต้องมีข้อเสียอยู่แล้วโดยที่เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน เรามองว่าโอกาสการทำงานของเราก็จะน้อยลง แต่เราไม่ได้คิดว่าเราได้งานเพราะรูปร่างหน้าตาหรือกระแสอยู่แล้ว เราพยายามพิสูจน์มาตลอดว่าเราคือคนทำงาน ถ้าเราทำงานดี เราก็ต้องได้งาน เราไม่ได้สนใจว่าสุดท้ายแล้ว ถ้ากระแสเราไม่ดี เราจะเป็นยังไง”

ชินไหมกับการถูกเรียกว่าเกย์ ?

“จริงๆ เราก็ยังไม่ชินนะ ช่วงแรกพอทุกคนรู้ว่าเราเป็นเกย์ เขาก็คิดว่าเราจะต้องสาวแตกบ้าง แต่งหญิงบ้าง แต่พอมาเจอตัวจริง เราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เรามองว่าคงต้องใช้เวลาในการให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้ว เราก็ยังเป็นผู้ชายแบบเดิม นิสัย ความสุภาพยังอยู่เหมือนเดิม เรายังเป็นคนเดิม”

เต็งหนึ่งเป็นเกย์แบบไหน ?

“เรารู้สึกว่ามันคือภาพจำ บางทีเราเคยคิดว่าทำไมเวลาเรามองผู้หญิงหรือผู้ชาย เราก็จะมองว่าคนนี้ห้าว คนนี้เรียบร้อยมาก คนนี้สปอร์ต แต่ว่าทำไมพอเรามองเกย์หรือว่าเลสเบี้ยน เรากลับเหมารวมว่าเกย์ต้องแบบกรี๊ดกร๊าดผู้ชายหรือกอดผู้ชายอย่างเดียวเลย”

“จริงๆ เกย์หรือเลสเบี้ยนเป็นแค่ค่านิยมทางเพศ คือเขาก็ยังนิสัยเหมือนเดิม เพียงแค่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบผู้ชายเท่านั้นเอง เขาก็อาจจะเป็นผู้ชายตลก ชอบเตะบอล หรือเป็นนักธุรกิจที่เก่งมาก แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแบบเห็นผู้ชายแล้วปาดน้ำลายหรือเปล่า”

“ถ้าถามว่าเราเป็นอะไร เรามองว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับใคร เวลาอยู่กับเพื่อน เราก็จะเป็นคนเฮฮามาก แต่ว่าเวลาที่ต้องทำงาน เราก็จะค่อนข้างดุแล้วก็ซีเรียส”

อยากแต่งงานไหม ?

“อยากสิครับ เราก็อยากเป็นคนโชคดีคนนั้นที่ได้ขอแต่งงานหรือถูกขอแต่งงานบ้าง แต่ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแหละ จริงๆ แล้ว เราก็มีความสุขกับการเป็นโสด อาจจะเหงาบ้างแต่เพื่อนเราก็เยอะ ไม่เคยปล่อยให้เราได้มีเวลาเหงาเลย สเปคตอนนี้ ขอเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และก็เข้าใจเรามากๆ ก็พอ”

ความรักของเกย์เป็นเรื่องฉาบฉวย

“เรามองว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศแต่ขึ้นอยู่กับนิสัยคนมากกว่า สมัยนี้ความสัมพันธ์ของเพศไหนก็ฉาบฉวยได้ อาจจะเป็นเพราะเทคโนโลยีด้วยที่ทำให้เราได้เจอคนใหม่ๆ เยอะขึ้น อย่างเดี๋ยวนี้อินสตาแกรมก็เหมือนแคตตาล็อก เวลาเราชอบใคร เราก็เข้าไปกดไลค์หรือส่งข้อความไปหาเขาได้”

คนแปลกๆ ที่เข้ามา

“เราเจอมาทุกรูปแบบแล้ว มีทั้งส่งประวัติเป็นเรซูเม่ว่าเรียนจบที่ไหน ทำงานอะไร ที่บ้านทำอะไร จบด้วยคำว่าอยากให้พิจารณา บางคนก็ส่งรูปที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามา แต่คนดีๆ ก็มีเยอะนะ หลายๆ คนในอินเทอร์เน็ตก็กลายมาเป็นพลังบวกให้เราเหมือนกัน”

ไอดอลของตัวเอง

“เราชื่นชอบดาราหลายๆ คนนะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นไอดอล แต่เรารู้สึกว่าในประเทศไทย คนที่เป็นเกย์หรือ LGBT ยังไม่มีไอดอลหรือต้นแบบให้เห็น อย่างผู้หญิงก็อาจจะอยากโตขึ้นไปเป็นเหมือนพี่อั้ม ผู้ชายก็อาจจะเป็นพระเอกคนนั้นหรือคนนี้ แต่พอเป็นเกย์หรือ LGBT เราหาคนที่จะเป็นตัวอย่างให้เราไม่เจอ ซึ่งถ้าเรามีโอกาส เราก็อยากจะเป็นไอดอลคนนั้นที่ทำให้น้องๆ และครอบครัวของน้องๆ เห็นว่าการที่เป็น LGBT ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องผิดอะไรเลย เราสามารถดำรงชีวิตต่อได้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจได้เหมือนเดิม เราขอมองว่าไอดอลคือตัวเองแล้วกัน”

อยากบอกอะไรกับคนที่ไม่กล้าเปิดตัวว่าเป็นเกย์

“ทุกคนมีช่วงเวลาของตัวเอง อย่างเรา เราก็คุยกับที่บ้านเรื่องนี้ตอนอายุ 26 จริงๆ มันไม่มีใครกำหนดว่าต้องเปิดตัวเมื่อไหร่ อยู่ที่ความพร้อมของแต่ละคนมากกว่า ลองมองว่าเรามีความสุขกับตัวเองหรือยัง”

“เราก็อยากจะบอกให้ทุกคนเป็นตัวเอง ทำให้ตัวเองมีความสุข มีสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิตเยอะๆ แล้วเราก็จะอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข”

สำหรับๆ ใครที่อ่านบทความนี้อยู่ ก็สามารถติดตามผลงานของหนุ่มอบอุ่นคนนี้ผ่านอินสตาแกรม @kristqiao ได้ ซึ่งเร็วๆ นี้ เขาก็จะมีละครเรื่องหลงเงาที่จะออนแอร์ทางช่อง PPTV ด้วย ส่วนสำหรับใครที่อยากลองทำขนมหรือทานขนมโฮมเมดอร่อยๆ ก็สามารถไปที่ April Trees Studio ได้เลย

สุดท้ายแล้ว การเป็น LGBT ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเลย ไม่ว่าเราจะเป็นเพศอะไร ชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิง เราทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพียงแค่เราต้องรู้จักให้เกียรติกัน


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags