รองเท้าไนกี้ แอร์แม็กซ์ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1987 นับเป็นรองเท้าคู่แรกที่นำพื้นรองเท้าแบบแอร์ที่เปิดให้เห็นจากภายนอกมาใช้ ต่อมาในปีค.ศ. 1997 แอร์แม็กซ์ 97 ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีการทำรองเท้า โดยใช้พื้นรองเท้าแบบแอร์ยาวตลอดช่วงพื้นรองเท้าผสมผสานเข้าไปมากขึ้น การเดินหน้าในการพัฒนารองเท้าที่ใช้พื้นรองเท้าแบบแอร์ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปี จนในที่สุด ไนกี้ก็ได้สร้างรองเท้า Nike Air VaporMax ที่ตอกย้ำคำมั่นสัญญาในการผลิตรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาและพื้นรองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีที่สุด
การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีใหม่นี้ เห็นได้ชัดจากพื้นรองเท้าของ Air VaporMax ที่ใช้เทคโนโลยีแอร์แบบเต็มตลอดแนวพื้นรองเท้า ซึ่งแตกต่างจากรองเท้ารุ่นก่อนๆที่ใช้พื้นรองเท้าแบบแอร์แค่บางส่วน และต้องใช้วัสดุยางมารองใต้พื้นไว้อีกชั้นเพื่อเพิ่มความคงทนแข็งแรงให้กับพื้นรองเท้า นอกจากนั้น พื้นรองเท้าแอร์ทั่วไปยังถูกจำกัดการออกแบบรูปทรงรองเท้าให้เข้ากับคุณสมบัติของการรองรับ
แต่พื้นรองเท้าแอร์แบบใหม่นั้นดีไซน์เนอร์สามารถออกแบบทรงรองเท้าได้อย่างอิสระมากขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณ “แอร์” ในพื้นรองเท้าได้มากขึ้น พร้อมยังคงความยืดหยุ่นในรูปทรงที่มั่นคงไปพร้อมๆกัน ทำให้พื้นรองเท้าแอร์แบบใหม่นั้น ไม่จำเป็นต้องนำวัสดุโฟมมาช่วยในการผลิตอีกต่อไป
Air Vapor Max
น้ำหนักที่เบาสบายบวกกับพื้นรองเท้าแอร์แบบเต็มผืน ช่วยให้ผู้สวมใส่เกิดความคล่องตัวและไม่ต้องกังวลกับแรงกดของฝ่าเท้า เพราะพื้นรองเท้าแอร์แบบใหม่สามารถสปริงตัวขณะเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี ไม่มีการใช้พื้นโฟมและไม่มีรูปทรงที่เทอะทะ
นอกจากนี้ Air VaporMax ได้ผสมผสานหน้ารองเท้าแบบฟลายนิต (flyknit) ที่มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ที่ให้ความรู้สึกสบายหน้าเท้าเวลาสวมใส่ กับพื้นแอร์แบบเต็มผืน เมื่อผนวกทั้งสองนวัตกรรมเข้าด้วยกัน ทำให้ Air VaporMax เป็นรองเท้าที่สร้างมิติใหม่ให้กับนวัตกรรมแอร์ อีกทั้งยังมีการออกแบบที่สวยงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของนักคิดค้นระดับอัจฉริยะของไนกี้ ซึ่งรองเท้าวิ่ง Nike Air VaporMax นั้นจะวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่เว็บไซต์ nike.com/th ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมเป็นต้นไป
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com