เปิดตำรา “คราฟท์ความสุข” ในแบบอิตาเลียนสไตล์

เปิดตำรา “คราฟท์ความสุข” ในแบบอิตาเลียนสไตล์
เรียนรู้วิธีใช้ชีวิตอย่างไร… ให้เต็มไปด้วยความคราฟท์

หากลองหลับตาแล้วนึกถึงประเทศที่มีความคราฟท์ และเป็นดินแดนที่ผู้คนมีความสุนทรีย์มากที่สุด คงจะต้องยกให้กับ ‘อิตาลี’ เมืองผลิตศิลปิน ดีไซน์เนอร์ บาริสต้า และอาชีพอีกหลายแขนงที่ตั้งอยู่บนรากฐานของ ‘ความคิด’ และ ‘จินตนาการ’ ด้านศิลปะ

แม้ความจริงแล้วนิสัยของคนอิตาลีนั้นจะไม่ค่อย ‘มีระเบียบ’ หรือเคร่งครัดในกฏเกณฑ์ สักเท่าไหร่ แต่เนื้อแท้แล้ว หนุ่มสาวชาวอิตาลีพิถีพิถันกับการใช้ชีวิตมากกว่าใคร เขาและเธอใส่ใจในดีเทลต่างๆ ที่เป็นรายละเอียดของความสุข วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า คนอิตาลี ‘คราฟท์ความสุข’ ในชีวิตประจำวันอย่างไร ความเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นส่งผลอะไรต่อคนในเมืองศิลปะเมืองนี้บ้าง

เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา คนอิตาลีเริ่มบรรจงเติมรายละเอียดให้กับชีวิตต้ังแต่เรื่องของ ‘การแปรงฟัน’ และยาสีฟันที่เป็น Original  Item ที่คนอิตาลีเลือกใช้ก็คือ ‘Marvis’ ที่คิดมาเพื่อแก้ปัญหาฟันเป็นคราบจากการดื่มไวน์ นั่นแปลว่า Marvis ก็ยังได้อานิสงส์ความคราฟท์จากความเป็นอิตาเลียน คือไม่ใช่จะคราฟท์แค่ส่วนผสมในยาสีฟัน แต่ยังคราฟท์และแคร์ในไลฟ์สไตล์ของคนอิตาลีจริงๆ

ด้วยลักษณะของเนื้อยาสีฟันที่ละเอียดและมีลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ทำให้ หลังแปรงแค่เอาลิ้นสัมผัสฟัน ก็รู้สึกฟันลื่นสะอาดทันที รวมไปถึงดีเทลสุดคราฟท์ของ Marvis ที่มีให้เลือกถึง 7 กลิ่น ทำให้ชาวอิตาลีมีไลฟ์สไตล์ การแปรงฟันที่น่าอภิรมย์ และจุดประกายความสุนทรีย์ในเช้าวันใหม่ได้เป็นอย่างดี

และสำหรับอาหารเช้า คนอิตาลีเริ่มต้นมื้อในวันใหม่ด้วย ชาหรือกาแฟ โดยเฉพาะ ‘เอสเปรสโซร้อน’ ซึ่งกำเนิดขึ้นมากว่าร้อยปี ผ่านเครื่องชงกาแฟด้วยแรงดันน้ำ ที่คิดค้นโดย Angelo Moriondo นักประดิษฐ์ชาวเมืองตูริน ความคราฟท์ของกาแฟเอสเปรสโซที่แท้จริง จะต้องมีความเข้มข้นของฟองน้ำสีน้ำตาลทอง ที่ลอยอยู่ด้านบนของกาแฟ ซึ่งฟองนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะกับเครื่องทำกาแฟที่มีแรงดันไอน้ำที่มากตั้งแต่ 8-10 บาร์ และความสุนทรีย์ในการกินกาแฟ จะต้องเป็นถ้วยเล็กๆ  สำหรับจิบ 2-3 ครั้ง เท่านั้น เพื่อให้คอกาแฟได้ละเมียดความเข้มข้นของมันอย่างพอดี

นอกจากความคราฟท์ในเรื่องของการดื่มกาแฟแล้ว การทานอาหารจานหลักก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้กันสำหรับชาวอิตาลี โดยอาหารจะถูกเรียงตามลำดับอย่างพิถีพิถัน โดนจานแรกจะเริ่มทานเป็นพาสต้า และตามมาด้วยจานที่เป็นเนื้อสัตว์ หรือเนื้อปลา จากนั้นจะตามด้วยเมนูสลัดที่เน้นการปรุงด้วยน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นผลผลิตของประเทศอิตาลี และปิดท้ายด้วยการทานผลไม้ตามฤดูกาลนั่นเอง นอกจากนี้อาจจะมีการดื่มกาแฟตามเพื่อช่วยย่อยอีกด้วย

มาถึงเรื่องของการแต่งตัว ประเทศอิตาลีถือว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่น และสาวๆ ไทยหลายคนมักจะตกหลุมรักสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มอิตาลี ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะประเทศนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มี Passion ในการ ‘ใส่ใจเรื่องการแต่งกายมากที่สุดในโลก’ อาจจะไม่ถึงกับต้องแบรนด์เนมจ๋าตลอดเวลา แต่รสนิยมการใส่ใจในดีเทลนั้นสำคัญตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หรือนาฬิกา ทุกอย่างผ่านการคิด และถูกจัดสรรมาอย่างดี ต้องไม่มีสิ่งไหนที่ทำให้ลุคดูไม่เนี๊ยบ นอกจากนี้ยังพิถีพิถันไปถึง ทรงผม รูปคิ้ว และโครงหนวดที่ต้องจัดแต่งให้เป๊ะอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

กฏเหล็กง่ายๆ สำหรับการแต่งตัวแบบชาวอิตาลีคือ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องแต่งกาย  2  ชิ้นที่มีคู่สีฉูดฉาดหรือโทนสีคล้ายกัน เช่น ถ้าเสื้อเป็นสีแดงเบอร์กันดี้แล้ว กางเกงควรเลี่ยงสีแดงชาด ถ้าหากอยากใส่คู่สีที่เหมือนกันควรเป็นองค์ประกอบชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะดีกว่า เช่น เสื้อสีเดียวกับถุงเท้า กระเป๋าสีเดียวกับเข็มขัด นอกจากนี้รองเท้าต้องดูสะอาดตลอดเวลา ถัดมาการแมทช์สีเสื้อผ้า ให้ดูตามทฤษฎีสีเป็นหลัก ฤดูหนาวให้ใส่สีดำ ส่วนฤดูร้อนให้ใส่สีสัน หรือถ้าคิดไม่ออกให้ใส่เสื้อผ้าสีคลาสสิกอย่างสีเทา เป็นต้น และยังมีอีกหลายต่อหลายข้อที่เป็นเรื่องควรรู้สำหรับการแต่งตัวแบบชาวอิตาลีที่แท้จริง เห็นมั้ยล่ะว่า งานนี้พี่เขาคราฟท์สุดๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าจริงๆ!

และสุดท้าย เรื่องของการมีมนุษยสัมพันธ์กับคนรอบตัว ชาวอิตาลีถือว่าการทักทายเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก หรือคนที่ไม่คุ้นเคยเลยก็ตาม โดยเมื่อเจอใครก็จะพูดว่า Ciao คล้ายกับบอกว่า สวัสดี ในภาษาไทย โดยต้องพูดคำนี้ทักทายครอบครัว ตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนออกจากบ้าน ยันเข้านอนกันเลยทีเดียว และสำหรับเพื่อน หรือคนที่สนิท ทั้งหนุ่มสาวอิตาลีจะเอาแก้มไปชนแก้มเพื่อทักทายกัน ไม่เว้นแม้เป็นชายกับชายด้วยนั่นเอง และเมื่อถึงเวลาต้องบอกลากัน ก็ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการร่ำลา ตั้งแต่ที่โต๊ะ ทางเดินในร้าน ยาวไปจนหน้าประตู อาจจะใช้เวลาถึง 15 นาทีในการบอกลาเลยทีเดียว

จะเห็นว่าทุกอย่างของชาวอิตาลีนั้นผ่านการคิด และคราฟท์ด้วยรายละเอียดต่างๆ เป็นอย่างดี บางทีการที่เราละเมียดและพิถีพิถันกับการใช้ชีวิตแบบนี้ อาจจะช่วยให้เราได้มีเวลาเสพความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และมองเห็นความสุขจากสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ลองหยุดพักจากความรีบร้อนภายนอก แล้วปรับสมดุลในใจ ด้วยการใช้ชีวิตให้ช้าลง

แล้วจะรู้ว่าการ ‘คราฟท์ความสุข’ ทำได้ทุกที่ ไม่ต้องไปถึงอิตาลี…ก็สุขได้ ☺

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 
Facebook : Marvis Thailand


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com