Type to search

Lifestyle

ต้องรู้ไว้! มือใหม่เลือกซื้อรถต้องดูอะไรบ้าง?

Share

เข้าสู่ช่วงปลายปี หลายคนอาจใช้โอกาสนี้ในการให้รางวัลตัวเอง ที่ตรากตรำทำงานมาตลอดสามร้อยกว่าวัน จึงเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยหากคุณจะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้มากขึ้น ด้วยการถอยรถคู่ใจมาเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง แม้ว่าจริงๆแล้ว ทั้งภาวะโลกร้อยเอย หรือใครอาจจะมองว่าการออกรถใหม่มีแต่ค่าเสื่อมสภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับว่าในยามฉุกเฉิน หรือหากบ้านของคุณอยู่ในเขตที่ระบบขนส่งมวลชนไม่ได้เอื้ออำนวยนัก การมีรถส่วนตัวสักคันนี่แหละ คือของขวัญที่มีค่าไม่น้อย

 

แต่พอจะต้องซื้อรถขึ้นมาจริงๆ หลายคนโดยเฉพาะมือใหม่ที่ไม่เคยรู้เรื่องรถยนต์เลยก็อาจจะต้องคิดหนักหน่อยว่าจะซื้อรถรุ่นอะไร ยี่ห้อไหนดี เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ วันนี้ Mover จึงขออาสาพามาดู 6 เรื่องที่มือใหม่ควรรู้ก่อนที่จะเลือกซื้อรถยนต์คันแรกกัน

 1. ประเภทของรถยนต์ 

รถยนต์ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกหลายประเภท ทั้งรถยนต์ 4 ประตู 5 ประตู รถอเนกประสงค์ขนาดต่าง ๆ ในการซื้อรถคันแรกนั้นควรเน้นการใช้งานเป็นหลัก เช่นถ้ามีผู้โดยสารไม่มาก เน้นความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง อาจมุ่งไปที่ตัวเลือกอย่างรถขนาดเล็ก หรือรถแบบ 4 ประตู ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

 2. สมรรถนะของรถยนต์ 

 

การเลือกรุ่นรถที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นคำตอบ ทำได้โดยดูสเปคเปรียบเทียบกันของรถรุ่นใกล้เคียงกัน ราคาพอ ๆ กันของรถแต่ละยี่ห้อ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการต้องไปทดลองขับรถแต่ละรุ่น เพื่อสัมผัสสมรรถนะการขับขี่จริงด้วยตัวเอง เพื่อทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของรถยนต์ที่คุณกำลังอยากจะเป็นเจ้าของ

 3. ความปลอดภัยของรถยนต์ 

ไม่ว่าจะเป็นระบบตัวช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มีมาในรถ เช่น ระบบเสริมแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยเหลือให้การขับขี่รถยนต์ของเราปลอดภัยได้มากขึ้น เรื่องของถุงลมนิรภัยก็ไม่ควรมองข้าม ยิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่ก็น่าจะยิ่งปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 4. คุณภาพของวัสดุที่ผลิตรถยนต์ 

สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ก็ควรจะเป็นเรื่องของวัสดุที่มีคุณภาพที่ดี นำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจเลือก เพราะสามารถยืดอายุการใช้งานของรถได้นานยิ่งขึ้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก

 5. เลือกศูนย์บริการที่ดี และทราบรายละเอียดการซ่อมบำรุง 

บอกได้เลยว่าศูนย์บริการดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วถ้ายิ่งใกล้บ้าน ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายได้เพราะเราต้องเข้าเช็กระยะรถตามกำหนดเราจึงไม่ควรต้องเสียค่าน้ำมันเพื่อขับไปศูนย์บริการที่อยู่แสนไกล หรือในกรณีที่รถอาจเกิดปัญหา ศูนย์บริการที่มีหลายสาขาทำให้เราอุ่นใจมากขึ้น ส่วนเรื่องของอะไหล่ต่าง ๆ ที่ต้องมีการเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด หรือเกิดอุบัติเหตุ การซ่อมรถที่อาจต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่ หากเลือกรถรุ่นหรือแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและไว้วางใจก็จะหาอะไหล่ง่าย รอไม่นาน ที่สำคัญราคาไม่แพงมากด้วย

 6. เตรียมการเงินให้พร้อมและต้องรับมือกับค่าเสื่อมราคา 

ก่อนซื้อรถต้องดูให้ดีทั้งเรทเงินดาวน์และดอกเบี้ยในการผ่อน บางครั้งต่างกันนิดหน่อยแต่คำณวนจริงหลายบาทอยู่ ต้องเลือกข้อเสนอดี ๆ และห้ามลืมว่ารถมีรายจ่ายแฝงมากมาย เช่น ค่าจดทะเบียน มัดจำป้าย ค่าประกันภัยที่จะโดนบังคับอยู่แล้ว รวมไปถึงค่าน้ำมัน ค่าล้างรถ และอีกจิปาถะ ต้องเตรียมรับมือในส่วนนี้ด้วย

นอกจากเรื่องความจำเป็นแล้ว ลองดูว่า การซื้อรถสร้างประโยชน์อะไรเพิ่มเติมให้เราได้หรือไม่? สำหรับบางคน ถ้ามีรถแล้ว อาจจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มได้มากมาย  เช่น ใช้รถเพื่อเดินทางไปหาลูกค้าหลายราย  และเมื่อหักกลบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการมีรถ สุทธิแล้วอาจจะได้กำไร หรือเสียค่าใช้จ่ายและเวลาน้อยกว่าการไม่ใช้รถ ถ้าแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มที่จะซื้อครับ

 TIPS 

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรต้องได้ทดลองขับก่อน ว่าความสะดวกสบาย สมรรถนะการขับขี่ สมรรถนะทัศนวิสัยการขับขี่เข้ากับเราไหม เพราะบางอย่างอาจจะไม่เหมือนกับที่ในโฆษณาไว้เสมอไป

หากคุณได้มีโอกาสไปทดลองขับรถใหม่ ขณะขับขี่ควรปฏิบัติและสังเกตดังนี้ (หลักการนี้ ใช้ได้ทั้งรถใหม่และรถมือสอง)
  • ทดลองปรับเบาะนั่ง ปรับให้หมาะสมกับขนาดตัวที่เรานั่ง ปรับเข็มขัดนิรภัย พนักพิงศีรษะ ดูว่ากระชับหรือไม่ ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ใช้ได้ปกติหรือไม่ เวลาขับ ไม่ควรเปิดวิทยุ จะได้ฟังเสียงเครื่องยนต์ในขณะขับขี่ว่าเป็นอย่างไร ดังหรือเงียบไหม หลังจากนั้นก็เปิดวิทยุเพื่อฟังคุณภาพเสียง
  • เข้าเกียร์ขึ้น-ลง (รถ 4X4 ก็ควรลองเข้าเกียร์ขับ 4 ด้วย) ลองเหยียบแป้นคลัตช์ เบรก คันเร่ง ดูว่ากระชับไหม
  • จอดรถเทียบข้างถนน เพื่อเช็คดูว่ามีความยากง่าย หรือจุดบอดใดหรือไม่
  • สตาร์ทเครื่อง แล้วฟังดูว่ามีเสียงเครื่องกระตุกหรือไม่ แล้วจึงทำการเหยียบเร่งเครื่องอย่างช้าๆ เพื่อฟังเสียงเครื่องอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังเร่งเครื่องอยู่นั้นให้เช็คอีกทีว่า มีลมออกจากช่องแอร์อย่างต่อเนื่องหรือเปล่า และฟังเสียงที่เล็ดลอดมาในรถเพื่อตรวจสอบรอยต่อ ของกระจก และประตูด้วย
  • หลังจากที่ขับไปสักพัก ให้ทำการทดลองขับผ่านทางชัน ด้วยความเร็วต่ำ ( ประมาณ 20 กม./ชม.) ก่อน 1 รอบ และ ความเร็วระดับปานกลาง ( ประมาณ 45 กม./ชม.) อีก 1 รอบ ในระหว่างที่ขับผ่านทางชันให้ลองฟังเสียงของช่วงล่าง เพื่อเช็คความสมบูรณ์ของข้อต่อต่างๆ โดยให้ทดลองขับดูทั้งในทางเรียบ และทางขรุขระ หากมีโอกาสทดสอบระบบเบรกด้วยก็ดี

 

ขอให้ทุกคนโชคดี เจอรถที่ถูกใจ มาเป็นบัดดี้ร่วมทางกันในปีหน้านะครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags