Type to search

Interview

“TEW’S BARBER” ร้านตัดผมชายสุดคลาสสิคตั้งแต่รุ่นพ่อต่อยอดมาจนถึงรุ่นลูก

Share

“ร้านตัดผม” สถานที่ที่หลาย ๆ คนต้องแวะเวียนไปหาอย่างน้อยก็เดือนละครั้งใช่ไหมหล่ะคัรบ แต่จะมีสักกี่ร้านกันที่ตัดออกมาได้ถูกใจคุณที่สุด วันนี้ MOVER ขอนำเสนอ ร้านตัดผมชาย ที่เปิดกิจการและส่งต่อความคลาสสิคจากรุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก ผ่านคำบอกเล่าจาก “พี่หนอน ชุมพร สังค์วิเลิศ” ผู้รับช่วงต่อกิจการร้านตัดผมสุดคลาสสิคแห่งนี้

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายทุกคนย่อมมองหาร้านตัดผมที่รู้ใจ ที่ตัดผมคุณออกมาได้ตามที่ต้องการ รวมถึงมีการบริการที่เป็นมิตรเข้าใจความต้องการของผู้ชายจริงๆ และหนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อร้าน Tew’s Barber ติดอันดับอยู่อย่างแน่นอน แต่ว่าหากจะให้อธิบายความพิเศษของร้านนี้ คงต้องให้เจ้าของร้านมาเป็นคนบอกเล่าเอง จริงไหมล่ะครับ?

#1 | ก่อนอื่นแนะนำร้าน TEW’S BARBER ให้ฟังคร่าว ๆ กันสักหน่อย

ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1994 ปีนี้ก็น่าจะมีอายุประมาณ 24 ปีแล้ว แต่จริงๆ จะบอกว่ามันก็เปิดมาก่อนนานกว่านี้ก็ได้ เพราะแม่พี่เค้าก็เป็นช่างตัดผมที่ร้านนี้มาก่อน แล้วจากนั้นแม่พี่ก็เซ้งมาทำต่อ จนกลายมาเป็นร้านนี้จนถึงตอนนี้ ตอนแรกที่ปรับทำตอนนั้นถือว่ากระแสดีจนมาถึงช่วงมาถึงช่วง 2010 -2012 เดิมที่ร้านบาร์เบอร์ 16-30 เป็นช่วงยุครุ่งเรืองของบาร์เบอร์ แล้วในช่วงหลังก็เริ่มมีซาลอนเข้ามาก็จะมีความญี่ปุ่นเข้ามา ตอนนั้นคือบูมมาก ทำให้ช่วงนั้นบาร์เบอร์ซบเซา จนเมื่อ 5-6 ปีนี้บาร์เบอร์ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง

#2 | แล้วก่อนหน้าที่จะมารับช่วงต่อจากคุณแม่ พี่หนอนไปทำอะไรมาก่อน?

ตอนแรกพี่ก็เป็นพนักงานบริษัทนี่แหละ พี่ก็เห็นว่าร้านมันก็เงียบลงทุกวันนะในช่วงนั้น แล้วค่าทีมันก็แพงมาก พี่ก็มองว่าถ้าเราย้ายออกจากสยามสแคว์โอกาสที่จะกลับมามันก็ยากนะ พี่ก็เลยเข้ามาปรับปรุงร้านให้มันร่วมสมัยมากขึ้น ก็เข้ามาพัฒนาเทคนิคการตัดผม เข้ามาดูแลรักษาสิ่งที่เค้ามีให้ต่อยอดไปด้วยกัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น เพราะเราก็ยังได้เปรียบในด้านโลเคชัน ดังนั้นพอทุกอย่างลงตัวเราก็กลับมาทำต่อได้แบบที่เรียกว่าดีกว่าเดิม

#3 | อะไรคือจุดที่ยากที่สุดของการเริ่มทำบาร์เบอร์

ในช่วงเริ่มนั้นบาร์เบอร์ก็เป็นจุดที่ผู้ชายเข้ามากรูมมิ่ง เข้ามาดูแลตัวเอง ตัดผม โกนหนวด นวดหน้าต่างๆ แต่ก่อนจะเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมดแล้วก็คนที่เป็นช่างจะเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างก็คือเหมือนเป็นจุดที่ผู้ชายเข้ามาแฮงค์เอ้าท์ แต่มันก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรแบบนั้นนะ (หัวเราะ) เค้าแค่มาดูและตัวเองเฉยๆ แต่ก็จะไม่มีวัยรุ่นเข้ามาใช้บริการ คนที่เข้ามาใช้ส่วนมากก็จะเป็นทหาร ตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่มีทรัพย์ในการจ่าย ก็จะมองได้ว่าลูกค้าเป็นช่วงอายุ 30-40 เป็นหลัก จนเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน มันจึงมีจุดที่มีระยะห่างของวัยที่หมดช่วงวัยเก่าไปแต่วัยรุ่นใหม่ก็ไม่ได้เข้ามา จนวันนึงมันก็หายไป ผสมกับช่วงนั้นซาลอนก็มาแรงด้วย มันเป็นการมาของเทรนด์ความญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นคือซาลอนบูมมาก ทำให้ช่วงนั้นบาร์เบอร์ซบเซาลง จนเมื่อ 5-6 ปีบาร์เบอก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ปัจจุบันมันก็แบ่งชัดเจนขึ้นนะ ผู้ชายก็เข้าตัดผมตามบาร์เบอร์ ส่วนผู้หญิงก็จะเข้ามาตัดตามซาลอนไรงี้

#4 | อะไรเป็นความแตกต่างในการก้าวผ่านมาเป็นบาร์เบอร์ยุคใหม่

ในด้านรูปแบบร้านพี่ก็รักษาของเดิมไว้ ความคลาสสิคต่างๆ แต่แค่เราปรับและเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไปตามยุคและสมัย ส่วนเรื่องทรงผมจริงๆ มันก็คนละครึ่งทาง ก็คือลูกค้ามีแบบผมให้เรามั้ย หรือมีความต้องการความสั้นยาวประมาณไหน แล้วเราก็ต้องมาคุยกันว่าจะไปในทิศทางไหน ถ้าไม่มีเราก็จะตัดไล่ผมบนข้างๆ ขึ้นไป เป็นการไล่ผมให้เกิดทรงที่สวยงาม มันก็เป็นเหมือนทรงรองทรงสูง กลาง ต่ำ ในสมัยก่อนแหละแต่อาจมีปรับให้มันเข้ากับยุคสมัยแค่นั้นเอง เราก็ยังเก็บความเป็นบาร์เบอร์ที่มีอยู่ให้มันชัดเจน

#5 | ช่วยเล่าถึงคอนเซ็ปร้านในปัจจุบันสักหน่อยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

ตอนจะปรับปรุงร้าน แม่พี่ขออย่างเดียวคืออยากให้เก็บความเป็นห้องส่วนตัวของสมัยก่อนไว้ เพราะเรายังมีลูกค้าเก่าที่เป็นคนสมัยก่อนเข้ามาใช้บริการอยู่ แล้วพอเราก่อสร้างตอนแรกก็อยากทำโต๊ะเรียงปกติ แต่พอได้ไอเดียของแม่พี่ก็ว่ามันดีนะ มันก็ได้ตัวตนของร้านขึ้นมา อีกอย่างคือมันก็ทำให้เด็กยุคใหม่ได้รู้ว่า สมัยก่อน คนวัยอายุ 50-60 ปี เค้าตัดผมกับแบบนี้

ส่วนในด้านทรงผมจริงๆ ก็ตัดและใช้อะไรที่คล้ายๆเดิม การตัดผมช่างสมัยก่อนคนสมัยก่อนเค้าจะใช้หวีในการไล่ทรงผม แต่กระแสการตัดผมบาร์เบอร์เข้ามา สไตล์การตัดผมแบบฝรั่งเข้ามา เราก็ประยุกต์เอาเทคนิคนั้นเข้ามาใช้ จริงๆเทคนิคที่ใช้มันก็เปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าในทุกยุคแหละ เราแค่ปรับใช้ให้ทัน

#6 | อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นร้านที่ใส่ใจคุณภาพมากกว่าปริมาณได้ไหมครับ?

เราจะให้เวลาลูกค้าคนนึงประมาณชั่วโมงนึง จะมีการพูดคุยเรื่องทรงผม ปรับแก้ทรง จนกว่าจะออกมาดี ช่างคนนึงจะตัดได้ 7 – 8 คน ต่อวัน ด้วยร้านที่แคบเราก็จะทำระบบการจองให้ลูกค้าจองดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหา ข้อดีอีกอย่างสำหรับการจองก็คือการที่มันทำให้ร้านเราดูสบายๆ ไม่ต้องมานั่งอึดอัดรอกัน ลูกค้าเค้าก็เข้าใจนะ แล้วก็จองคิวกันเพื่อให้ได้ตัดผม พอเราบริการดีออกไปก็จะมีโลกโซเชียลที่เข้ามา ก็ทำให้มีลูกค้าต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น เค้าก็จะจองมาผ่านออนไลน์เป็นส่วนมาก

#7 | นอกจากบริการตัดแต่งทรงผมแล้ว ยังมีโปรดักส์อะไรอีกไหม

ตอนนี้เราก็มีขาย Pomade ครับ ก็คือขายทั้งของตัวเองและนำเข้าจากต่างประเทศอย่าง อเมริกา ฮอลแลน และอังกฤษ ซึ่งในสมัยก่อนส่วนผสมหลักมันคือขี้ผึ้ง เหมือนในหนัง God Father แต่ในตอนนั้นมันก็จะล้างออกยากหน่อย แล้วช่วงนั้นก็มีที่อเมริกาเค้าปรับสูตรจากที่เหนียวๆ ให้เป็นน้ำเป็น วอเตอร์เบรส มันก็จะล้างออกง่ายขึ้น พอเรานำเข้ามาขาย มันก็เป็นกระแสน่าใช้เป็นอีกจุดขายขึ้นมา

นอกจากพี่หนอนผู้รับช่วงต่อกิจการร้าน Tew’s Barber และยังคงคอนเซปต์ร้านให้มีความย้อนยุควินเทจเป็นเอกลักษณ์คู่กับร้านแล้ว ก็ยังมีพี่วี ช่างตัดผมประจำอีกคนหนึ่งที่อยู่คู่กับร้านนี้มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นเลยทีเดียว

#8 | ในมุมของพี่วีนั้นเทรนด์ในปัจจุบันมีความแตกต่างจากเมื่อก่อนไปมากน้อยแค่ไหน

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเราเข้ามาทำงานตรงนี้แล้วรู้สึกว่าเป็นเหมือนบ้าน เมื่อก่อนก็เป็นคนเก็บกวาดร้าน เก็บของ เสิร์ฟน้ำในร้าน จนพี่ไปเริ่มเรียนตัดผมบาร์เบอร์ แล้วพี่ก็มาเป็นช่างตัดผมที่นี่จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรมาบ้าง ซึ่งทรงผมสมัยก่อนกับสมัยนี้มันก็ไม่ต่างกันมากหรอก เราก็แค่ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยแล้วก็ตัวบุคคลมากกว่า

#9 | มีการปรับตัวและพัฒนามากน้อยแค่ไหนเพื่อให้อยู่รอดในยุคที่ Barber เกิดขึ้นมาอย่างแพร่หลายกว่าในอดีต

แฟชั่นมันก็ปรับเปลี่ยนตลอดเวลานะครับ แต่เราก็ต้องปรับตัวตามให้ได้ อาจจะต้องรู้ก่อนเพื่อให้ปรับตัวทัน แต่จะรู้หรือคาดเดายังมันก็แล้วแต่แต่ละคน เราก็ดูตามงานแมกกาซีนต่างๆ เพื่อพัฒนาต่อไปแต่เราก็ยังมีจุดยืนของเรา

เราอาจปรับเปลี่ยนแต่จุดยืนต้องชัดเจนเวลามีสิ่งใหม่เข้ามา ก็อาจจะ Adap ให้ตรงตามยุคสมัยไปมันจะดีกว่า

จะเห็นได้ว่าการบริการที่เป็นมิตร ดูแลเอาใจใส่ลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลรักษาลูกค้าให้ยังคงมาตัดผมที่ Tew’s Barber เสมอมา แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้นั้นคือการ “ปรับตัว” ให้เข้าแต่ละยุคและสมัย แต่ต้องไม่ลืมจุดยืนของตนเอง อย่างเช่นพี่หนอนที่ถือเป็นทายาทที่สืบต่อและพัฒนาร้านจากครอบครัว โดยที่ดึงความเก่าคลาสสิคออกมาเป็นเอกลักษณ์ได้ดี(มาก) ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หากคุณมีจุดยืนมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ยุคสมัย คุณอาจจะต้องปรับเปลี่ยนไปบ้างแต่คุณก็จะยังเป็นคุณเสมอ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags