“ข้าวผัดกะเพรา” เมนูยอดฮิตเวลาไปร้านอาหารตามสั่ง แต่แล้วข้าวผัดกะเพราะธรรมดาๆก็กลับกลายเป็นไวรอลสุดฮือฮาในปีที่ผ่านมา ทำให้นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักร้านสุดฮิปร้านนี้ “แล้วแต่ Food and Drink Bar” จังหวัดขอนแก่น ที่แจ้งเกิดด้วยการใช้ภาชนะสุดแปลก ซึ่งมีตั้งแต่ กระบวยกรอกนํ้า หม้อหุ้งข้าว ที่ตักนํ้าแข็ง เหยือกนํ้า หรือจะใส่ถาดปิ้งย่างหมูกระทะเลยก็มี ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ภาชนะที่แปลก แต่รสชาติก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมากินอย่างไม่ขาดสาย บางคนก็มาจากกรุงเทพเพื่อที่จะมาได้ลิ้มลองรสชาติของกะเพราร้านนี้กันเลยทีเดียว
“มีร้านข้าวมันไก่ ร้านข้าวขาหมู ร้านบะหมี่ก็ยังมี ทำไมกะเพราจะมีร้านแยกเดี่ยวๆบ้างไม่ได้ล่ะ”
มาทำความรู้จักกับเจ้าของร้านสุดแนวกับแนวคิดเจ๋งๆของ “เดอะ มู๋” นายนพรัตน์ อุณาภาค กับความครีเอท นอกจากจะมีอาชีพเป็นศิลปินนักดนตรีที่ต้องสร้างสรรค์เพลง และยังเนรมิตรข้าวกะเพราให้กลายเป็นอาหารที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป นอกจากจะมีเมนูจานแปลกแล้ว สไตล์การตกแต่งร้านก็ยังโดดเด่นแปลกใหม่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและการบริการจากทางร้านก็มีความเฮฮา น่ารัก และเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าทุกคนที่มาทานที่ร้านถึงกับหุบยิ้มไม่ลงกันเลยทีเดียว
จากงานดนตรีทำไมพี่หมูถึงมาจับธุรกิจร้านอาหาร?
ต้องบอกว่าตัวของพี่เองเป็นคนที่ชอบเรียนทางด้านภาษา พี่เคยศึกษาอยู่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิยาลัยขอนแก่น เรียนสาขาฝรั่งเศส แล้วก็ซิ่วไปเรียนสเปน แต่พี่ก็เรียนไม่จบหรอกนะเรียนไปได้ 5 ปี คิดว่าการเรียนเป็นอุปสรรค์ต่อความฝันของพี่ ช่วงที่เรียนนั้นมีความตั้งใจที่แน่วแน่มาตั้งแต่ตอน มัธยมต้นแล้วว่า จะต้องเป็นศิลปินให้ได้ ก็เลยหัดเล่นกีต้าร์มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่เพราะติดการเล่นดนตรีการแต่งเพลงอยากสร้างผลงานประกอบกับช่วงนั้นได้ฟอร์มวง The Clock อยู่พอดีเป็นการรวมตัวกันระหว่างเพื่อนๆในมหาลัย แต่พอตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อแล้วเพราะอยากจะทำตามความฝัน
ช่วงนั้นก็ลำบากประมานนึงเพราะเลิกกับแฟนที่คบกันมานาน พ่อแม่ซึ่งเป็นข้าราชการก็ไม่เห็นด้วยอีก ยังดีที่ช่วงนั้นเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกันชวนมาช่วยทำงานที่ร้านอาหารพอดี แต่ก็เป็นร้านอาหารตามสั่งนะ บางวันลูกค้าน้อยพี่ก็ล้างจาน ล้างแล้วล้างอีก ไม่อยากทำตัวให้ว่าง สุดท้ายก็เลยบอกเพื่อนว่าอยากมาทำ ร้านกะเพรา เพราะมันสะดวกทำได้เร็วดี แต่แน่นอนว่าลูกค้าก็ยังน้อยอยู่ดี แต่ข้อดีก็คือยังมีเวลาได้เล่นดนตรีได้แต่งเพลงของเราไปด้วย
ไอเดียแรกที่กลายมาเป็นจุดเด่นของร้านอย่าง “จานแปลก” นี่มาจากอะไร
พี่ต้องเล่าที่มาก่อนว่า เชฟกอล์ฟ (เชฟหลักของร้าน) กับพี่นั้นเริ่มจาก 1 กันเลยทีเดียว ใช้วัตถุดิบอย่างดีในการปรุงอาหารชิมแล้วชิมอีก แน่นอนว่ามันต้องไม่มี “ถั่วฝักยาว” ให้ตายเถอะมันเป็นผักที่ไม่ควรจะมีในอาหาร (เสียงหนักแน่น) ความบังเอิญแรกก็คือด้วยความว่างพี่เลยจัดอาหารในจานเล่นๆด้วยความที่ลูกค้ายังน้อยก็เลยแต่งกะเพราในจานให้เป็นรูปเหมือนกับโดนัท แล้วเชื่อมั้ยมันเหมือนกับระเบิดตู้มแรกเลย เพราะพี่ๆจากวงดนตรี “ไปส่งกู บขส ดู๊” มากินแล้วพี่ๆเค้าไปโพสในกรุ๊ป Facebook ของมหาลัยขอนแก่นว่า ร้านนี้มันเจ๋ง อร่อยมาก ตกแต่งจานได้กวนดี พอหลังจากวันนั้นเท่านั้นแหละ คนมากันถล่มทลายเยอะจนต้องรอคิวกัน จากที่เคยขายได้วันละไม่เกิน 7 จาน กลายมาเป็น 30-40 จาน 2 วันแรกปรับตัวไม่ได้ ช็อค อึ้ง วันที่ 3 ปิดร้านเลย ตกใจเกิน
ใจนึงก็กลัวว่าลูกค้าจะหงุดหงิดด้วยเพราะอยากกินมาก มารอกันนาน เราก็ไม่อยากให้ลูกค้าหงุดหงิด แต่ก็ขยายร้านใหม่ให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้น และตู้มที่2 ก็คือ ปลายธันวาปี 58 พอร้านดังเพื่อนก็เลยมากินกันเยอะ และอยากถ่ายรูปไปอวดใน Facebook ว่ามากินกะเพราร้านพี่ ด้วยความที่ว่าอยากแกล้งเพื่อนก็เลยเอาไปใส่จานข้าวหมา ที่เพิ่งซื้อมาจากที่ห้าง พอคนที่มากินที่ร้านเห็นกลับชอบใจ อยากได้บ้าง เค้าก็ถ่ายไปลงในโซเชียลกัน ทำให้มันกลายเป็นจุดขายไปเลย
“นี่ก็คือกะเพราหมูไข่ข้น+เมนูจานแปลกที่ทางเราได้สั่งมาลองชิม ลุ้นมากว่าทางร้านจะใส่ภาชนะอะไรมา”
นอกจากเปิดร้านกะเพราแล้ว ยังได้ทำอาชีพอื่นอีกมั้ยครับ
ทำอาชีพเป็นศิลปินนักแต่งเพลง แล้วก็รับถ่ายงานวีดีโอ , ตัดต่อวีดีโอ อย่างงานล่าสุดก็งานแต่งงานเนี่ยแหละ
เรื่องการตลาดออนไลน์มีการวางแผนอย่างจริงจังมั้ยหรือแค่เอามันส์ก็พอ
จริงจังสิ เริ่มมันจากใน Facebook เนี่ยแหละ ก็สังเกตเอาว่า เวลาไหนคนเล่นเยอะ ก็จะโพสช่วงนั้น และเวลาโพสพวกภาพอาหารเนี่ย Like มันก็จะเยอะกว่าโพสข้อความธรรมดา แต่เชื่อมั้ยว่าร้านอื่นเค้าเสนอแต่ข้อดีกันนะแต่ร้านพี่เสนอแต่ข้อเสียนะแต่มันดันฮา คนเค้าก็ชอบกัน
“ทุกโต๊ะที่สั่งอาหารมา หลังร้านจะมีการจดเอาไว้ที่ไวท์บอร์ดตลอด”
ปัญหาที่เคยเจอตั้งแต่เปิดร้านมา
ก็เป็นปัญหาที่ต้องทำงานร่วมกันกับคน เพราะพนักงานในร้านเยอะ ต้องตกลงกันหลายๆอย่าง ดูกันที่นิสัยด้วยเชื่อมั้ยว่ามีการออดิชั่นด้วยนะ
ปัญหาอื่นๆก็ที่จอดรถน้อย บางทีลูกค้ามากินเยอะจนทำให้ต้องไปจอดหน้าบ้าน หน้าหอ คนอื่นจนเจ้าของบ้านเจ้าของหอเค้ามาดุเอา เราก็ต้องขอโทษ คนไทย พอได้ยินคำว่าขอโทษแล้วจะใจเย็นลง มันเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าที่ดีที่สุด แล้วเราก็ต้องปรับปรุงแก้ไขไป
คิดว่าจานอะไรเด็ดที่สุดในร้าน ยังมีจานไหนที่อยากทำแต่ยังหาของไม่ได้
มันก็ต้องเป็นกะเพราสิ แต่ที่เด็ดที่สุดที่หลายๆคนสั่งกันก็เป็น เมนูที่มีไข่ข้น และไข่ข้นของที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่น ตอนแรกพี่ก็ทำตามสูตรในเน็ตแหละ แต่ไปทำผิดวิธีไปหน่อย มันเลยฟลุ๊คกลายเป็นจุดขายที่ไม่เหมือนกับร้านอื่นซะงั้น แต่เมนูหลักๆก็เป็นเมนู กะเพราหมู/ไก่/งัว(เนื้อวัว) แต่ก็อยากจะทำคั่วกลิ้งนะ เคยทำแต่ว่ามันไม่สะดวกเพราะกว่าจะทำได้มันช้าเลยต้องเอาเมนูนี้ออกไป
“ข้าวกะเพราไข่ข้นสูตรพิเศษจากทางร้าน หนึ่งเมนูยอดฮิตที่ทุกคนสั่งกัน”
ขึ้นชื่อว่าทำร้านอาหาร ฟีดแบ็คจากลูกค้าสำคัญแค่ไหน
สำคัญสุดๆ เราทำงานเพื่อบริการลูกค้า เราเอาเงินเขา ปากต่อปากเลยนะหากเราทำไม่ดี เราก็ต้องรีบขอโทษเขา เพราะเชฟมีแค่ไม่กี่คนต้องผัดต้องทำอาหารตลอดวันเป็นธรรมดาที่จะมีผิดพลาดไปบางจาน เสี่ยงมากที่สุดก็คือรสชาติเนี่ยแหละ วัตถุดิบก็สำคัญ เราต้องทำให้ลูกค้าประทับใจให้ได้มากที่สุด
มีเหตุการณ์ประทับใจอะไรบ้างกับการทำร้านนี้
ประทับใจที่สุดก็คือทำงานแล้วไม่เครียด เรามีความสุขในการตื่นมาทำงานทุกวัน ไม่เคยบ่นเลยว่าวันนี้ไม่อยากทำงาน ได้เห็นความสุขของลูกค้า
แนวคิดในการใช้ชีวิตของพี่เป็นแบบไหน
แนวคิดของพี่คือสำนึกรักบ้านเกิด พี่รักความเป็นอีสาน เห็นฮาๆแบบนี้พี่ใช้ชีวิตตามหลักของพุทธศาสนา เชื่อในศีล 5 และพอได้ทำร้านอาหารนั้นก็ทำให้พี่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่เวลาในการซ้อมดนตรีก็ยังสำคัญอยู่ พี่ต้องได้ซ้อมดนตรีด้วยแต่เวลางานจะต้องไม่เสียหาย พี่เลยเลือกที่จะไม่เข้าสู่ระบบของบริษัทหรือการทำงานทั่วๆไป และที่สำคัญที่จะเห็นได้ในเพจก็คือ ช่วงนี้ก็จะมีการให้นักดนตรีกินฟรี ทุกอาทิตย์จะมีการทำกะเพราไปแจกน้องๆในมหาลัยที่ทำกิจกรรมต่างๆ พี่ไม่ได้คิดเรื่องการขาดทุน เพราะคิดว่าการให้สำคัญที่สุด
“ทำแจกฟรีงานเชียร์กลาง สนามกีฬามหาวิทยาลัยขอนแก่น”
“โครงการทำบุญเอาน่า ที่ร้านได้ทำโครงการงานบริจาคจากลูกค้า เพื่อนำไปที่บ้านพักคนชรา นักบุญโยเซฟ เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น”
ยังมีฝันอื่นๆที่อยากทำอีกมั้ย
จุดสูงสุดของความฝันคือเป็นศิลปิน ตอนนี้ปัจจุบันวง The Clock ก็ได้ทำงานในค่ายเพลงแล้ว คือค่าย “Half Dry” ของพี่อาท อดีตมือกีต้าร์วง Goose นอกจากงานดนตรีแล้วก็อยากจะพัฒนาร้านอาหารให้ดีมากขึ้นถ้ามีเงินจะ ทำชั้น2 แต่ถ้ารวยไปอีกจะทำชั้นใต้ดินด้วยเลย
“วง The clock กับภาพบรรยากาศ LIVE at “Come Together 3 reunion” ( บ้านโนนม่วง, หลัง ม.ขอนแก่น)”
facebook.com/CockAroundTheClock
มีอะไรที่อยากจะฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากจะลองทำอะไรที่แปลกใหม่แบบพี่บ้าง
เป็นตัวของตัวเองทำงานให้มีความสุข ให้อดทน ขยัน สิ่งแรกที่ทำให้ได้คือตื่นเช้าให้เป็น ถ้าอยากทำตามใครก็ต้องทำให้มันสุดๆ ทำให้มันเกินคนที่ชอบไปเลยมีใจที่รักในงานที่ทำ จะลองทำอะไรก็ลองทำไปก่อนเลย ถ้าไม่เริ่มก็ไม่ได้ทำซะทีไม่ต้องรอความพร้อม เพราะมัวแต่รอจะทำให้ไม่ได้เริ่มงาน ความฝันก็ไม่ได้เริ่ม ถ้าหากมันไม่ใช่ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการเคารพผู้ใหญ่สำคัญที่สุด
ภาพบรรยากาศภายในร้าน แล้วแต่กะเพราแท้ระดับโลก เฮ้ย
“ใช้ขันเป็นที่ใส่นํ้าดื่ม พี่หมูบอกว่าให้บรรยากาศเหมือนทานอาหารอยู่ที่บ้าน”
เป็นยังไงกันบ้าง กับความคิดมุมมองของศิลปินที่มีร้านอาหารสุดแนว หากใครอยากไปกินกะเพราะแท้ รสชาติอร่อย มีเมนูจานแปลกกับไข่ข้นสูตรพิเศษจากทางร้าน “แล้วแต่ Food and Drink Bar” ล่ะก็ อยู่ที่ หลังมอ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบริการส่งถึงที่พักด้วยนะ ไม่คิดค่าส่ง เพราะพี่หมูบอกว่า “การให้คือสิ่งสำคัญที่สุด”
และที่สำคัญทางร้านถ้าไม่ ‘รีเควส’ จานแปลก เราก็จะไม่ทำให้ ‘สุ่มสี่สุ่มห้า’ มั่วซั่ว ใครอยากลิ้มลองเมนูจานแปลก ต้องบอกตั้งแต่ตอนสั่งเมนูเลยนะ !!!
ติดตามข่าวสารจากทางร้าน
Facebook Fan page : แล้วแต่ Food and Drink Bar
วันจันทร์-ศุกร์ เปิดร้านเวลา 11.30-15.00 น. (พักเบรค15.oo-17.oo น.) และเปิดถึง 21.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดร้านตั้งแต่ 12.00 น. (พักเบรค15.oo-17.oo น.) และเปิดถึง 21.00 น.
เนื้องัว(เนื้อวัว)มีเฉพาะ ศุกร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เท่านั้นนะ
Delivery : ส่งฟรีถึงที่ (รอบๆบริเวณมหาวิทยาลัยขอนแก่น) ตั้งแต่ 13.00 น.
เบอร์โทรติดต่อ : 0866458367 / 0867178877
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดยทีมงาน MOVER
mover.in.th@gmail.com