แชร์ไอเดียก่อนจะมี “รถคันแรก” ต้องเตรียมตัวอย่างไร ให้ราบรื่นไม่มีสะดุด

ค่านิยมเรื่อง “รถยนต์” ถูกปลูกฝั่งมาตลอดเวลาจากรุ่นสู่รุ่น คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า รถ คือเครื่องแสดงฐานะทางการเงิน มีรถเท่ากับมีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนสูง (ซึ่งจริง ๆ แล้วเราตัดสินจากตรงนี้ไม่ได้) อีกทั้งความฝันของเด็กหลาย ๆ คนก็มักจะเป็นการมีรถสปอร์ตเปิดประทุนซักคันในบ้าน หรือเมื่อมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตขึ้น หลายคนก็คงไม่อยากใช้บริการคนส่งสาธารณะอีกต่อไป อาจจะเพราะด้วยเหตุผลด้านการเข้าสังคมหรืออะไรก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมันจึงนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ “รถคันแรก” ในที่สุด

การซื้อรถไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าลองคิดดูสักนิด ชีวิตคงจะดีกว่า

สิ่งที่นักศึกษาจบใหม่และพนักงานที่ทำงานอยู่คิดอยากจะซื้อมากที่สุดมีอยู่สองอย่างนั้นคือ รถ และ บ้าน รถถือเป็นหนี้สินโดยแท้จริง ต่างกับบ้านที่อาจจะเป็นทรัพย์สินได้ถ้าหากขายทำกำไรหรือมีคนช่วยผ่อนส่งธนาคารให้ แต่รถนั้นเมื่อเราซื้อและขับออกมาจากโชว์รูมเมื่อไหร่มูลค่าของรถก็จะลดลงทันทีสมชื่อ “รถ” จริงๆ เพราะซื้อแล้วมูลค่า “ลด” เลย แปลว่า หากคุณขายรถของคุณเป็นมือสองออกไป ยังไงก็ทำกำไรได้ไม่เท่าตอนซื้อมาใหม่ ดังนั้นการจะซื้อรถนั้นจึงอาจจะไม่ได้จำเป็นมากนัก

ถ้าหากวันนี้คุณต้องการคิดจะซื้อรถซักคัน คุณลองคิดดูให้ดีว่ามันจำเป็นจริงๆหรือเปล่าเพราะถ้าหากคุณไม่ได้เดินทางไปทำงานลำบากมากหรือสามารถใช้รถสาธารณะได้ก็ควรใช้ไปก่อน เพราะการซื้อรถนั้นทำให้คุณมีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นมาทุกเดือน และอาจจะทำให้คุณติดกับดักวงจรหนี้ ต้องทำงานเพื่อเงินไม่สามารถหยุดทำงานได้เพราะหนี้เต็มไปหมด แทนที่จะนำเงินมาจัดสรรเพื่ออนาคตและการลงทุน

หากคุณจำเป็นต้องซื้อจริงๆ และสามารถผ่อนได้ ไม่ลำบากจนเกินไป ก็สามารถซื้อได้ครับ หรือคุณจะใช้หลักการเดียวกันกับการซื้อบ้านคือ สร้างทรัพย์สินก่อนแล้วรอให้ทรัพย์สินจ่ายผลตอบแทนให้คุณ คุณจึงค่อยนำเงินจากทรัพย์สินไปจ่ายชำระหนี้ก็ได้ จะทำให้คุณไม่ต้องคอยกังวลเรื่องหนี้พวกนี้หากคุณตกงานขึ้นมา

#1 | คำนวณค่างวดรถ คิดอย่างไร?

ยกตัวอย่างเช่น รถราคา 700,000 บาท เมื่อเราว่างดาวน์ไป 100,000 บาท จะเหลือยอดอยู่ 600,000 บาทในการนำไปคำนวณค่างวดที่ต้องผ่อนต่อเดือน ดอกเบี้ย 3% ผ่อนระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี การคำนวณเริ่มต้นจากหาดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมดก่อนซึ่งจะเท่ากับ เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปีที่กู้ เท่ากับ 600,000 x 0.03 x 5ปี = 90,000 บาท

หลังจากนั้นจะนำเงินต้นมารวมกับดอกเบี้ย 600,000 + 90,000 = 690,000
หลังจากนั้นคำนวณหาค่าผ่อนต่อเดือน คือ 690,000 / 60เดือน = 15,500 บาทต่อเดือน

นั่นหมายความว่าคุณต้องมีรายจ่ายต่อเดือนขึ้นมา 15,500 บาทต่อเดือนหรือถ้าอยากให้ลดลงมากกว่านี้คุณก็จะเป็นจะต้องจ่ายเงินดาวน์ให้สูงขึ้นนั่นเอง

#2 | ภาระที่จะตามมีมากกว่าค่างวด!!

การจะซื้อรถหนึ่งคันนั้นไม่เพียงแต่คุณต้องผ่อนส่งงวดทุกเดือนแต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกมากอย่าง

#3 | รถมือสองอาจช่วยให้ถึงฝันได้ง่ายกว่าไหม?

หรือถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ และคุณผ่อนไม่ไหว รถมือสองก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ปัจจุบันรถมือสองที่คุณภาพดีมีมากมาย แต่คุณต้องเช็คประวัติโชว์รูมให้ดีว่า รถพวกนี้ไม่ใช่รถย้อมแมวจริงๆ และรถมือสองไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเรื่องของไฟแนนซ์ ทำให้ภาระการผ่อนรถของคุณลดลงอย่างมาก

ทั้งหมดนี้คือ แนวคิดและวิธีการวางแผนซื้อรถยนต์สำหรับบุคคลทั่วไป ลองศึกษาและพิจารณาดูครับว่า คุณจำเป็นต้องใช้รถยนต์หรือไม่ และพร้อมสำหรับการมีรถยนต์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตหรือยัง จำไว้ว่า อย่าตัดสินใจซื้อรถเพราะโปรโมชั่นไม่ว่าจากภาครัฐหรือเอกชน หรืออย่าซื้อเพราะถูกและมีของแถมเป็นอันขาด เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะต้องรับภาระจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็คือ ตัวคุณเองเพียงคนเดียว การมีรถไม่ใช่เรื่องผิดครับแต่อาจจะทำให้ชีวิตคุณลำบาก บางคนเป็นหนี้รถ ก็จะเคยชินไปเป็นหนี้อื่นๆต่อไปเรื่อยๆหรือเบื่อแล้วก็ขายทิ้งซื้อใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยครับที่สังคมปัจจุบันคิดว่ารถเป็นเครื่องแสดงฐานะ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันก็เป็นเพียงแค่ยานพาหนะที่เอาไว้ขับแค่นั้นเอง แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าของ รถคันแรก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินเอื้อมของทุกคน เพียงแค่ต้องมีสติและระเบียบวินัยในการเก็บเงิน รวมถึงวางแพลนการซื้อให้รัดกุม MOVER ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุหคนครับ


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com